Notes on Nov 2002


 

ผมมีบุญมาแต่เกิด เพราะเป็นลูกชายของนายบุญ เมื่อก่อนปู่ตั้งว่า สมบุญ แต่เมื่อผมเกิดได้ไม่นานพ่อก็ตัดสมทิ้งไปเหลือไว้แค่บุญ คงจะเป็นไปตามความทันสมัยของยุคนั้น ผมมีพี่ชายที่ด่วนจากไปก่อนที่ผมจะเกิด ก็เลยเหลือเป็นลูกชายเดียวให้คุณบุญอุ้มมาจนโต และเชื่อว่าบุญอุ้มผมตลอดมา จนกลายเป็นคนที่สามารถบอกได้เต็มปากว่า มีความสุขมากที่สุดในโลก ในปัจจุบัน

ความเป็นคนมีบุญ ทำให้ผมได้พบสิ่งดีๆอีกมากมายตลอดมา ได้ภรรยาที่แสนดี ทั้งๆที่มีผู้หมายปองมากมายหลายคน แต่ผมก็ได้มา โดยที่ไม่ต้องจ่ายสินสอดทองหมั้นเพราะผู้ใหญ่เข้าใจผิดว่าเรามีอะไรกัน เนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับ ทั้งๆที่ตอนนั้นเราแค่เป็นเพื่อนสนิทที่ไม่เคยคิดเรื่องชู้สาวแต่อย่างใด แต่ก็เป็นเรื่องดีที่สุดในชีวิต ที่ทำให้เกิด สิ่งที่ดีตามมาอีกห้าหน่วย ผลผลิตจากสิ่งดีที่ต้องส่งผลดี ตามความจริงของชีวิต

ทราบกันดีว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ตั้งแต่เกิดเคยเป็นไข้หวัดใหญ่เมื่อตอนที่ระบาดทั่วกรุงอยู่ครั้งเดียว แต่ไม่เคยต้องนอนรักษา เรียนไม่จบปริญญาแต่เริ่มต้นทำงานได้เงินแต่ละเดือนมากกว่าปริญญาตรีหลายเท่า ได้ทำงานแต่ละอย่างเหมือนไม่ใช่งาน เป็นอย่างที่ อาม้า ซินแสสมัครเล่น ที่รู้จักกับภรรยา เคยเอาวันเดือนปีเกิดไปดู ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามสิบ แกบอกว่าเป็นเทวดามาเกิด เอาเข้าไปนั่น ไม่ได้งมงายเชื่อ แต่ความเป็นไปของชีวิตมันค่อนข้างจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่เคยต้องออกเงินซื้อรถเอง แต่มีรถให้ใช้มาตั้งแต่เริ่มทำงาน งานที่ทำแต่ละอย่างก็มีนายเพียงคนเดียว และทำโดยมีอิสระในกรอบที่หลวมมาก มีคนช่วยเหลือทุกหนแห่ง มีบ้านที่สุขสงบลูกเป็นคนซื้อในราคาที่ถูกกว่าใคร อยู่ในบริเวณที่เพื่อนบ้านวิเศษมากๆ มากขนาดที่ไม่อยากให้เราย้ายไปไหน เล่าให้ใครฟังก็ไม่มีคนอยากเชื่อ แต่มันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เขากู้เงินซ่อมบ้านเขา แล้วบอกให้เราซ่อมของเราด้วย เพราะช่างมีพร้อมอยู่แล้ว เมื่อบอกว่าไม่อยากกวนลูกอีกเพราะลูกต้องส่งค่าซื้อคอนโดของเขาอยู่ เขาบอก ถ้าเขากู้เพิ่มอีกสองแสนห้าให้เราหาส่วนที่ยังขาดจะทำไหม ไม่กี่วันก็เอามายัดใส่มือ บอกให้จ่ายให้ช่างเอง โดยไม่ยอมให้ทำสัญญาใดๆ อย่างนี้ไม่เรียกว่า ผมเป็นคนมีบุญก็ไม่รู้จะเรียกอย่างไรแล้ว

ลูกทุกคนหัวดี ขยันและเรียนเก่ง คงได้เชื้อจากแม่ที่เป็นลูกของคุณพระนักเรียนนอกได้ยศพันตำรวจเอกตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นนายตำรวจที่นำความรู้เรื่องวิทยุมาเผยแพร่ในเมืองไทยเปิดร้านค้าวิทยุอยู่แถวสามยอด แต่ต้องเลิกไปเพราะถูกระเบิดเสียหายหมด โลกไม่ใหญ่มากสมัยนั้นพ่อบุญ ยังเป็นศิษย์ศึกษาเรื่องวิทยุจากตำราที่พ่อตาผมเขียนไว้ และได้ความรู้จนเปิดบ้านเป็นร้านทำและขายวิทยุที่ปากคลองบางแค อำเภออัมพวา บ้านเกิดของผม มีชื่อเสียงในการทำวิทยุตั้งแต่สอง สาม ถึงห้าหลอด เลียนแบบ วิทยุอาร์ซีเอ และฟิลิปส์ โดยมีคุณภาพไม่แพ้แต่ราคาถูกกว่ามาก ของฝรั่งตู้ทำด้วยเบคาไลท์ แต่ของไทยใช้ตู้ไม้ และกระบะไม้ใส่ถ่านไฟฉาย ช่วงขายดีเดือนละเป็นร้อยเครื่อง ทั้งๆที่วิทยุมีไม่กี่สถานีและส่งกระจายเสียงวันละไม่กี่ชั่วโมง แต่เป็นวิธีเดียวที่จะได้รับข่าวเร็วกว่าหนังสือพิมพ์ที่ต้องรอจนบ่ายแก่ๆจึงจะได้รับหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าของกรุงเทพฯ ขายและบริการจนร่ำรวยพอดู กระทั่งมีวิทยุใช้ทรานซิสเตอร์เข้ามาแทนที่ หลอดสุญญากาศสมัยเก่าจึงแพ้ไป พ่อก็เลยยอมแพ้ด้วย

พ่อแม่ ตั้งแต่สมัยยี่สิบสามสิบปีก่อนต่างกลุ้มใจกับลูกๆที่ชอบจะทำตามสมัยนิยม แต่ผมก็มีบุญคุ้มหัวให้ได้ลูกที่ดีกันทั้งนั้น จะว่าไป ภรรยาผมมีส่วนมากที่สุดที่ทำให้ลูกๆเป็นอย่างนี้ เข้มงวดแต่ก็ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของลูก ทุกคนอบอุ่นเมื่ออยู่บ้าน แม่บริการให้หมด ลูกทำการบ้าน อ่านหนังสือ อย่างเดียว ทุกคนชอบหนังสือรักที่จะอ่าน เมื่อตอนทีวีเริ่มแพร่หลาย แม่ต้องคอยเรียกให้ลูกมาดูด้วย เวลามีรายการดีๆ แต่เดี๋ยวเดียวก็หายไปอ่านหนังสืออีก ก็มีนิสัยกันอย่างนี้บวกกับความมีสมองไว จึงช่วยไม่ได้ที่จะต้องเก่งเป็นธรรมดา

ที่บอกว่าผมมีความมากสุขที่สุดในโลก ก็เพราะไม่มีสิ่งใดให้กังวล ลูกทุกคนเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาปรารถนาและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ รวมทั้งคู่ของพวกเขาที่ต่างเป็นคนดีและเป็นคนที่ให้กำลังใจแก่ลูกๆของผมทุกคนได้อย่างดียิ่ง อีกทั้งหลานปู่ที่เพิ่งพ้นวัยเด็กหญิงก็เก่งสารพัด มุ่งมั่นที่จะเป็นทั้งนักดนตรีและนักบัลเลต์ หลานตาอีกสามชายที่ตามแม่ซึ่งไปทำปริญญาเอกด้วยทุนของออสเตรเลีย ต่างก็เรียนเก่งขนาดได้หนังสือชมจากโรงเรียนที่เพิร์ธ เมื่อแม่พวกเขาได้เป็นดอกเตอร์กลับเมืองไทยในอีกสองปีข้างหน้า พวกเขาก็คงเก่งภาษาเกินใคร

ใครๆก็ต้องมีความสุขเหมือนเรา ที่ลูกชายคนโตได้กลับไปใหญ่โตเป็นผู้อำนวยการขององค์การโทรศัพท์ลาว ที่พ่อเขาเคยเป็นแค่นายภาษาที่นั่นมาก่อน ตั้งแต่เมื่ออายุได้สี่สิบต้นๆ ทั้งๆที่เรียนมาทางเทคนิคการแพทย์และจบแค่ปริญญาโทในเมืองไทย หลังจากที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศให้กับบริษัทสื่อสารคมนาคมใหญ่ที่สุดของประเทศไทยไปปักหลักทำโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอินเดียจนสำเร็จ ก่อนจะย้ายไปอยู่ลาว

คนที่สองก็เป็นผู้อำนวยการโครงการไมโครอีเลคโทรนิคชั้นแนวหน้าของชาติ โดยได้ปริญญาเอกทางฟิสิคส์ประยุกต์จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่คนญี่ปุ่นเองจำนวนมากยังไม่สามารถสอบเข้าได้ ที่สำคัญก็คือเขาทำทุกสิ่งสำเร็จด้วยตัวของเขาเอง ครอบครัวไม่ต้องจ่ายสักบาท รัฐบาลญี่ปุ่นให้ทุนทั้งหมดระหว่างเรียนและเมื่อเรียนจบได้ทำงานวิจัยร่วมกับนักฟิสิคส์ระดับโลกในเรื่องซูเปอร์คอนดัคเตอร์ ที่ญี่ปุ่นอีกเกือบสิบปี ถ้าหากไม่ได้รับการขอร้องจากสมาคมฟิสิคส์แห่งประเทศไทยให้ช่วยเหลือในการนำเครี่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ที่ญี่ปุ่นเลิกใช้และยกให้รัฐบาลไทย โดยให้เขาเป็นผู้ประสานงานควบคุมการรื้อถอนและขนส่งมาไทยเอง ก็คงจะยังทำงานวิจัยอยู่ที่นั่น ต้องวิ่งรอกไปมาระหว่างไทยกับญี่ปุ่น เพื่อจัดการ รื้อถอน บรรจุลังและขนส่ง จนเสร็จสิ้นถึงโคราช จึงเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค แต่เมื่อจะเริ่มต้นโครงการ นายกสมาคมฟิสิคส์ ที่เป็นผู้ขอร้องให้ทำงาน ถูกถอดจากตำแหน่งประธานคณะทำงานโครงการ โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ เนื่องจากกลุ่มอื่นต้องการเข้าทำแทน เขาจึงลาออกจากโครงการนั้นด้วย จากนั้นรุ่นพี่ที่เนคเทคจึงรีบรับให้เข้ามาทำโครงการไมโครอีเลคโทรนิค โดยให้สวัสดิการภายใต้โครงการสมองไหลกลับของรัฐบาล เป็นงานที่ท้าทายมิใช่ด้านเทคนิค แต่เป็นการวิ่งเต้นเพื่อให้พวกนักการเมืองเห็นความสำคัญและส่งเสริมให้ดำเนินไปได้

คนที่สามหลังจากแต่งงานกับลูกชายคนเล็กของเจ้าของธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ระนอง ซึ่งเรียนเทคนิคการแพทย์มหิดลมาด้วยกันก็ย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ มีลูกชายให้ก๋งชื่นใจถึงสามคน สอบชิงทุนรัฐบาลออสเตรเลียได้ไปทำปริญญาโทและเอกต่อ ที่เมืองเพิร์ธ โดยนำสามีและลูกไปอยู่ด้วยเพื่อให้ลูกได้มีประสบการณ์ด้านภาษาเพราะมีกำหนดไปอยู่ราวห้าปี อีกไม่นานผมก็จะมีลูกจบปริญญาเอกเป็นคนที่สอง น่าภูมิใจขนาดไหน

ลูกสาว คนที่สี่รักสันโดษ แต่มีความมุ่งมั่นสูงจะทำสิ่งใดต้องสำเร็จ ไม่ชอบที่จะอยู่กับใครที่ทำอะไรไม่ค่อยถูกต้อง ทนไม่ได้เดี๋ยวพัง เรียนรามจบในสามปีหลังจากที่ ไปให้รับน้องใหม่คณะอักษรศาสตร์ ที่ทับแก้วนครปฐมอยู่สองคืน ทนความงี่เง่าไม่ได้เลยกลับบ้านดีกว่า ทำงานแปลอิสระอย่างสบายใจ

ลูกชายคนสุดท้อง กำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นพร้อมภรรยา ตามคำเชิญของห้องแสดงภาพที่เมือง Kurayoshi ที่จังหวัด Tottori Ken เพื่อแสดงภาพสีฝีมือของเขาระหว่าง 19 – 26 พฤศจิกายนนี้ โดยทางห้องภาพออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด และจ่ายค่ารูป 51 ภาพเหมาเป็นเงินหนึ่งแสนบาท ทั้งๆที่ไม่เคยแสดงฝีมือในเมืองไทยเลยสักครั้ง เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นราวสองหรือสามปีก่อน เมื่อคนญี่ปุ่นขอร้องให้ลูกชายคนที่สองช่วยนำกลุ่มคนญี่ปุ่นไปแจกแว่นสายตาให้แก่คนยากจนในเมืองไทย ซึ่งพวกเขาจะมาประจำทุกปี บังเอิญที่หนึ่งในกลุ่มเป็นศิลปินนักวาดรูปที่ได้เห็นภาพที่วาดให้พี่ชาย สนใจในแนวคิดและฝีมือจึงขอให้วาดเตรียมไว้หลายๆภาพสำหรับให้พวกเขาดูฝีมือในปีต่อไป เมื่อเห็นภาพขนาดใหญ่ที่ทำเหมือนมองออกไปจากหน้าต่าง ก็ชอบใจ ถึงได้ตกลงใจให้เตรียมเขียนไว้สักสามสิบเพื่อนำไปแสดงในปีนี้ เจ้าคนเล็กนี่ทำงานโฆษณาจนเปิดบริษัทเองได้ แต่โดนกระแสเศรษฐกิจทำให้ต้องเปลี่ยนเข็มมาทำโมเดลรถ ด้วยกระดาษ มีลูกค้าสั่งทำแทบไม่เป็นอันพักผ่อนแต่พอได้งานวาดภาพจากญี่ปุ่นก็เลยต้องพักงานโมเดลไว้ก่อน โมเดลรถที่ทำแล้วภูมิใจมากที่สุด ก็คือรถเกี่ยวข้าวที่บริษัทคูโบต้านำขึ้นทูลเกล้าถวายในหลวงและให้ทำแบบย่อด้วยกระดาษใส่กล่องแก้วอย่างดีขึ้นถวายด้วย อีกชุดก็คือภาพวาดรถยนต์ของในหลวง รวม 13 ภาพ ตั้งแสดงที่งานมอเตอร์โชว์ ปี 2543 ที่ไบเท็ค บางนา โดยบริษัทกรังปรีซ์เป็นผู้สั่งทำ

จากที่กล่าวข้างต้น พอจะทำให้มองเห็นได้หรือยังว่า ผมกับภรรยา น่าจะเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก แต่ยังก่อน ทุกวันนี้ ถึงแม้เราจะอยู่กันสองคน กับแมวสองและหมาอีกสาม รวมนกเขาและนกกระจอกอีกฝูงใหญ่ที่มากินอาหารที่เราโรยไว้ให้ เราไม่เคยเหงา แทบทุกเสาร์จะมีครอบครัวของคนเล็กและคนที่สองนำกับข้าวมากินด้วยกันและคุยกันสนุกสนานจนดึก เจ้าคนเล็กกับภรรยาจะนอนค้างแทบทุกเสาร์ สำหรับวันธรรมดาผมจะเพลินกับการใช้คอมพิวเตอร์ทำงานที่ส่งมาจากสำนักงานรับแปลเอกสาร เป็นรายได้เสริม และศึกษาการใช้งานคอมพิวเตอร์ในด้านอื่นๆที่น่าสนใจและให้ความเพลิดเพลิน

 

คำสำคัญ (Tags): #personal note#happy old man
หมายเลขบันทึก: 556649เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2013 11:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 ธันวาคม 2013 12:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เป็นชีวิตที่มีคุณภาพเต็มไปด้วยความสุขสงบนะคะ

ดีจังเลยค่ะ อ่านสนุกดี พ่ออาจจะต้องเบรคเนื้อหาเป็นหลายๆบันทึกต่อเนื่องกันจะได้อ่านง่ายขึ้น เหมือนที่โอ๋ทำในบันทึกชุดนี้ค่ะ ย้อนรอย phd โอ๋-อโณ

กับคงต้องใช้วิธี copy แบบ text ธรรมดาแล้วมาปรับ Font อีกทีด้วยเครื่องมือใน GotoKnow เนี่ยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท