(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)
..หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่วัดไทยสิริราชคฤห์เรียบร้อยแล้ว เราเดินทางไปที่ ตโปธราม สายธารน้ำร้อนที่เชื่อกันว่ารักษาโรคได้ ชาวเมืองมาอาบน้ำตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสารก็เคยมาสรงน้ำที่นี่ และทำให้เกิดพุทธบัญญัติที่ห้ามอาบน้ำก่อนครบ ๑๕ วัน เนื่องจากพระองค์มาสรงน้ำที่ตโปธารามแต่พบพระสงฆ์กำลังสรงน้ำอยู่พระองค์ก็รอคอยจนประตูเมืองปิด พระองค์ทรงเคร่งครัดในคำสั่งมาก เวลาปิดเปิดประตูนั้นจะเปิดปิดตามเวลา พระองค์ก็เลยต้องบรรทมนอกพระนคร เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบจึงกำหนดบัญญัติสิกขาบท
ปัจจุบันตโปธารามถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู ซึ่งมาอาบน้ำชำระบาปตามความเชื่อ...การอาบน้ำจะแบ่งตามวรรณะ วรรณะสูงจะอยู่ชั้นบนและลดหลั่นกันลงมาตามระดับจนถึงระดับล่าง...
...ที่คุมขังพระเจ้าพิมพิสาร เป็นสถานที่พระเจ้าอชาติศัตรูพระโอรสนำพระราชบิดามาอยู่ที่คุกนี้ตามคำยุยงของพระเทวทัต พระเจ้าพิมพิสารถูกทรมานเพื่อให้สวรรคต มีเรื่องเล่าว่าพระองค์ทรงมีจิตใจที่อิ่มเอิบ เนื่องจากพระองค์สามารถมองเห็นจีวรสีเหลืองของพระพุทธเจ้าที่อยู่บนยอดเขาคิชกูฏ ทำให้พระองค์สวรรคตอย่างสงบ ณ สถานที่แห่งนี้...
...ชีวกัมพวัน "สวนมะม่วงของหมอชีวก" หลังจากหมอชีวกได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์จนบรรลุเป็นพระโสดาบันแล้ว ได้มีจิตศรัทธาถวายสวนมะม่วงของตนให้เป็นอารามและเป็นโรงพยาบาลสงฆ์...
...บ่ายคลายร้อนแล้วได้เวลาที่เราจะขึ้นเขาคิชกูฏเพื่อไปสักการะพุทธสถานที่สำคัญ..ตามถนนพระเจ้าพิมพิสาร ระยะทางประมาณ ๙๐๐ เมตร เส้นทางลาดชันเล็กน้อยเดินได้อย่างสบาย ๆ ระหว่างทางจะมีสถานที่สำคัญคือมัททกุจิ เป็นสถานที่พระนางโกศลเทวี พระมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร ตัดสินใจจะทำลายพระโอรสในพระครรภ์ ตามคำทำนายที่ว่าพระโอรสจะทำปิตุฆาต แต่ไม่สำเร็จตามความประสงค์ พระโอรสคือพระเจ้าอชาตศัตรู ในเวลาต่อมา..บนถนนเส้นนี้ยังมีเหตุการณ์ที่พระเทวทัตกลิ้งหินลงมาเพื่อปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า..ก่อนจะถึงยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของพระคันธกุฎี ก็จะพบ "ถ้ำพระโมคคัลลานะ" "ถ้ำสุกรขาตา"หรือถ้ำคางหมู ที่พระสารีบุตรได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ขณะถวายงานพัดให้พระพุทธเจ้าที่กำลังทรงแสดงธรรมให้กับทีฆนขปริพพาชก หลานของพระสารีบุตร..จากนั้นก็จะมีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาที่ตั้งพระคันธกุฏี ซึ่งจะพบกุฏิพระอานนท์ ก่อนที่จะถึงพระคันธกุฎี
...พระอาจารย์นำสวดมนต์และนั่งสมาธิภาวนา พร้อมกับเดินเวียนเทียนรอบพระคันธกุฎี ปิดทองพระคันธกุฎีและที่กุฏิพระอานนท์..ได้เวลาพระอาทิตย์อัสดงพอดีเราก็เดินทางกลับที่พัก..
.......
...บนเขาคิชกูฏใกล้ ๆ พระคันธกุฎี จะมีสถูปขนาดใหญ่ ก่อสร้างโดยพระเถระชาวญี่ปุ่น ซึ่งจะใช้กระเช้าขึ้นสู่พระสถูปองค์นี้..มีคนเข้าคิวเพื่อขึ้นกระเช้าเยอะมาก..แต่สำหรับชาวไทยเราจะเดินตามถนนพระเจ้าพิมพิสารขึ้นไปสักการะพระคันธกุฎีเป็นส่วนใหญ่ เพราะสามารถแวะสักการะถ้ำสุกรขาตาและถ้ำพระโมคคัลลานะได้ และระยะทางก็ไม่ไกลมากนัก สำหรับผู้สูงอายุสามารถขึ้นกระเช้าที่มีคนหามขึ้นไปได้ครับ คนละ ๑,๒๐๐ รูปี ครับ
......
..ค่ำพอดีหลังจากลงจากลงจากเขาคิชกูฏ เรากลับไปพักที่วัดไทยสิริราชคฤห์ พรุ่งนี้เช้าจะเดินทางต่อไปที่นาลันทา ครับ...
สิบสองวันในอินเดีย (๗) นาลันทา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
เรื่องราวดีดี จากชาวฮินดูนะคะ ขอบคุณค่ะ
สาธุๆๆครับพี่
ไปหลายที่มากๆ
ขอบคุณครับอาจารย์ ดร.Ple อาจารย์ขจิต อาจารย์ชยพร กรุณาแวะมาให้กำลังใจ ครับ
ไม่ทราบว่าตามรอยพระพุทธเจ้า เจ้าบ้านในบริเวณนั้น เขายังนับถือพุทธอยู่หรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ คุณยง ผมไม่ได้ออกไปคุยกับชาวบ้าน(ถ้าออกไปก็คงพูดกันไม่รู้เรื่องมากนัก) แต่เท่าที่ทราบวัดไทยทุกวัดในอินเดีย ได้อนุเคราะห์ชาวอินเดียทุกคนทั่วไป มีสถานพยาบาล แจกเครื่องอุปโภค บริโภคให้กับคนยากจน บางครอบครัวส่งบุตรหลานมาบวชเป็นสามเณร ...
ขอบคุณมากครับ