คนทรงเจ้า


นักจัดการตัวยง
 
 
กำกับ :  แจ๊สสยาม
เขียนบท : วิมล ไทรนิ่มนวล (บทประพันธ์)
นำแสดง : สันติสุข พรหมศิริ, จินตหรา สุขพัฒน์, ปวีณา ชารีฟสกุล, จริยา สรณะคม, สมจินต์ ธรรมฑัต, อรชุน นิลทลักษณ์
ระดับความชอบ : 8.5/10
 
เป็นนิยายที่ยังไม่ได้อ่านเสียที เลยชมภาพยนตร์แทนแล้วกัน สนุกมากครับ
 
เปิดเรื่องมาก็บอกเรื่องราวของชายที่ไม่เชื่อเจ้าพ่อต้นไทร แล้วก็พบเรื่องราวร้ายๆ จนสุดท้ายก็ต้องยอมเป็นร่างทรงให้กับเจ้าพ่อตามคำสาบาน
 
เรื่องราวผูกกันหลายเรื่อง แต่เกี่ยวพันกันได้อย่างลงตัว หลายครั้งก็ทำให้เคลือบแคลงสงสัยว่าเจ้าพ่อมีจริงหรือใครบางคนสร้างเรื่อง ขึ้นมา แต่ดูแล้วในเรื่องคือมีเจ้าพ่อจริง แต่คนจัดการได้เก่งกว่าคือคนทรง สามารถใช้เจ้าพ่อให้ออกมาในเวลาที่เหมาะสม จนจัดการทุกเรื่องได้ตามที่ตนเองต้องการ
 
นับว่าเป็นนิยายที่แต่งได้เหนือชั้นจริงๆ ครับ นี่ถ้าได้อ่านคงลุ่มลึกมากเลยมีเดียว
 
นักแสดงล้วนสุดยอดฝีมือของเมืองไทย ผลงานจึงออกมาอมตะ สามารถดูได้แม้เวลาจะล่วงเลยมานาน
 
หนังแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยยังมีความงมงายมาตลอด จนแม้วันนี้ก็ยังคงเส้นคงวา
พุทธศาสนายังไม่สามารถกล่อมเกลาคนไทยได้ ดังจะเห็นฉากในวัดที่รกร้าง ผิดกับสำนักทรงเจ้าที่คึกคัก ผู้คนหวังจะได้รับการช่วยเหลือ
ผมชอบการสะท้อนภาพนี้ของหนัง คนไทยนับวันจะห่างไกลแก่นพุทธศาสนาออกไปทุกที
 
ทางที่ดีเริ่มที่ตัวเราที่จะเดินตามรอยพระพุทธเจ้า หันมาพึ่งตนเอง ทำเหตุปัจจัยให้ถึงพร้อม ไม่ต้องรอใครมาช่วยเหลือ เพราะคนทรงเจ้าเมื่อเขาจับทางได้เขาก็จะจัดการกับความงมงายของพวกเราได้ อย่างง่ายดาย 
 
ปล่อยวาง หันกลับมาดูตัวเรา เพื่อก้าวข้ามวัฏสงสารจะดีกว่า
 
มีความสุขทุกคนครับ
คำสำคัญ (Tags): #ภาพยนตร์
หมายเลขบันทึก: 555940เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2013 18:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 ธันวาคม 2013 18:29 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

-สวัสดีครับ

-น่าสนใจมากครับ..

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆครับ

ชอบบทประพันธ์นี้ แต่ก็ยังไม่ได้อ่านเช่นกันครับ

เมื่อพบการเข้าทรง เราไม่เคยลบหลู่เลย มิหน่ำซ้ำถามในสิ่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวสอน ด้วยความรู้ทุกครั้ง

เมื่อเราถาม วิญญาณที่เข้าร่างนั้นอยู่ว่า นามอัลลอฮ์สร้างโลกนั้น รูปอัลลอฮ์ เป็นเช่นไร (เนื่องจากพระพุทธเจ้าสอนว่า ทุกสิ่งประกอบด้วยนามและรูป). ได้คำตอบทุกครั้งว่า อัลลอฮ์ ไม่มีหรอก เป็นเรื่องงมงายไร้สาระ (อ้าว งี้พระพุทธเจ้าก็มีผู้ขัดแย้งท่าน ทั้งๆที่โดยมากก็เป็นวิญญาณผู้ที่เคยนับถือ พระพุทธเจ้าทั้งนั้น) เราจึงขออนุญาตพูดกับผู้ที่มานั่ง ตกใต้สภาพเป็นบ่าวเป็นทาสต่อร่างทรงตรงนั้นว่า เราว่านะ วิญญาณนี้ไม่มีความรู้เกินจากพระพุทธเจ้าเลย เราจงกลับไปศึกษาสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนสั่งกันเถิด กลับบ้านเถิด เพราะ พระพุทธเจ้าเคยถูกคำถามเล่นนี้ ท่านน่องสวนเดี๋ยวนั้นทันที่อย่างมีเหตุ มีผล ไม่มีการลบล้าง ลบหลู่ ขัดแย้งกับธรรมที่ท่านเคยแสดงไว้แต่อย่างใดเลย

เพราะระหว่างมีผู้ฟังธรรมถามท่านถึงธรรมะ ที่ท่านแสดงธรรมว่า ทุกสิ่งประกอบด้วยนามและ รูป ว่า

เช่นนั้น นามพระเจ้าสร้างโลก ที่มีมาก่อนพระเจ้าสุทโธธนะ พระบิดาท่าน ยังไม่เกิดด้วยซ้ำไปนั้น รูปเป็นเช่นไร พระพุทธเจ้าไม่ลังเล และ ไม่สูญเสียในธรรมองค์ใดเลยที่ท่านแสดง ท่านตอบว่า นามพระเจ้าสร้างโลก คือ อจิตไตย ของฉัน (ไม่ลบหลู่ ไม่ยกเลิกพระธรรมข้อที่เพิ่งแสดง ไม่ขาดธรรมข้อ ขันติธรรม เร่งรีบด่วนสรุป) พระพุทธเจ้า มีความรู้เหนือ ร่างทรง และ วิญญาณเช่นนี้ เราใยไม่กลับไปหาสิ่งที่ ทรงคุณต่า และมัวงมงายในสิ่งที่ ถูกกุสโลบายบังคับให้"เชื่อว่า" สิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็มีคุณค่า และ หลงไปเทียบเคียง กับสิ่งทรงคุณค่า ที่มั่นคงกว่า

นั่นแหละที่เขาให้นิยามว่า ความเชื่อ สามารถแปรเปลี่ยนเป็นสินค้าและ บริการได้ เริ่มใช้บริการโดยจ่ายเป็นความพึงใจไปก่อนก็ได้ จากนั้น เมื่อท่านมีทรัพย์ การล้วงกระเป๋าด้วยมายาคติต่างๆ ก็มิใช่เรื่องยากสำหรับผู้พึงใจกัน ทานบารมีเอย ทานภาวนาเอย ทาน บุญ บารมี อีเว้นท์ต่างๆมากมาย กุสโลบาย ภาวะการเป็นนายเป็นทาสต่อกันเอย พิธีกรรม ตำรา วรรณกรรมข่าว วรรณกรรมพยากรณ์เอยสารพัด เหล่านี้หรือที่ คือ อัตตาหิอัตโนนาโถ นั่นคือ พึ่งพาบารมี พึ่งบุญ พึ่งผลแห่งทาน โอ๊ะๆๆๆๆ ตรองกันให้มากๆเถิด

ขอพรจากผู้สร้างมนุษย์ ที่เป็นเจ้าของทุกๆต้นแห่งพร ขอให้มีสันติธรรม และ มีสันติสุข กันทั่วโลก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท