เรื่องเล่า คำสอนของพ่อ


คำสอนของพ่อ

  ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำเรื่องเล่าของตัวเองเป็นสื่อเผื่อจะมีประโยชน์บ้าง

 ครั้งที่ผมอายุได้ ๘-๙ ขวบ จำความได้ ชั้น ป.๒-๓  คุณพ่อมีอาชีพค้าขายและตัดเสื้อผ้าให้ข้าราชการ เมื่อปี ๒๕๑๐ สร้างฐานะครอบครัวด้วยความซื่อสัตย์สืบมา สามารถก่อร่างสร้างตัวมาได้ จากบ้านนอกที่ห่างไกลความเจริญในสมัยนั้น ซึ่งแต่ละครั้งจะเข้ามาในเมืองต้องใช้เวลาเป็นวัน กลับบ้านอีกครั้งก็เป็นวันใหม่ด้วยเกวียนบ้าง รถไม้ประดู่นานๆจะมีเข้ามาสักคัน 

 แต่ด้วยที่พ่อเป็นคนขยัน เก็บเงินซื้อที่ทาง รอบหมู่บ้าน พี่น้องมาขอความช่วยเหลือพ่อจะให้ความช่วยเหลือประจำ ไม่มีข้าวกิน มาหยิบยืมพ่อก็จะให้ไป ไม่คิดดอกเบี้ยขอความช่วยเหลือมีงานให้ช่วยบ้าง เป็นที่รักใคร่ของคนในชุมชนมาก.. พ่อส่งพี่ชายเข้าเรียนและไปเรียนต่อในอำเภอ พ่อบอกว่า..พี่ต้องไปอาศัยอยู่วัด ตอนเช้าก็หิ้วบาตรตามหลวงพ่อไป กว่าจะไปถึงโรงเรียนกว่าจะได้ทานข้าวต้องรอให้หลวงพ่อฉันเสร็จก่อน..พี่ชายเรียนไม่เก่ง แต่ด้วยความพยายามที่พ่อพรำสอนเสมอว่า หัวดีไม่สำคัญ แต่ให้ขยันจะได้ดี.. พี่ได้เข้ามาเรียนในจังหวัด และเรียนจบ ม.ศ.๖ สมัยนั้นสอบได้อันดับ๕ ของจังหวัด มหาสารคาม..โรงเรียนจัดขบวนแห่รอบเมืองสารคาม ทำให้พี่ได้ทุนเรียนต่อ และเป็นครูในโรงเรียนนั้น สุดท้ายพี่ก็เปลี่ยนแปลงอาชีพมาเป็น ผู้บริหารส่วนกลางธ.แห่งประเทศไทย(สาขาขอนแก่น)..แต่วันนี้ไม่มี คุณพ่อ ไม่มีพี่ที่ให้กำลังใจคอยเสนอแนะเรื่องต่างๆ เพราะท่านได้จากโลกนี้ไป พ่อท่านจากไปเมื่อปี ๒๕๔๐ พี่จากไป ปี ๒๕๔๙ 

 วันเวลาผกผัน..ด้วยเหตุใดไม่ทราบ..เราเป็นเด็กอยู่ ขณะที่พ่อมีชีวิตอยู่ ช่วงเวลาหนึ่ง ท่านได้มีผู้ชักชวนให้ไปทำไร่ต่างจังหวัด ลงทุนให้เขา แต่ก็ขาดทุน เพราะไม่ได้ทำเอง แต่ท่านก็ไม่เคยที่จะยอมแพ้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ชะตาชีวิตก็ยังทำให้ท่านเจอกับส่ิงเลวร้ายเข้ามา คือช่วงนั้นผมกำลังอยู่ชั้น ป.๓ ท่านติดกัญชาแบบไม่รู้ตัวจากเพื่อนชักนำให้ลอง ท่านเปลี่ยนอาชีพจากการค้าขาย ตัดเสื้อผ้า เป็นอาชีพเกษตรทำนาไร่นาสวนผสมตั้งแต่ ปี ๒๕๑๓ เป็นต้นมา ผมเรียนอยู่ชั้น ป.๔ ขึ้น ป.๕ พี่เอาเข้ามาเรียนในตัวจังหวัด มค. พี่เปลี่ยนอาชีพมาทำที่ ธ.นาคาร ก็ตามมาด้วย จนสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดได้ อันดับเกือบสุดท้าย ด้วยความไม่ตั้งใจ และเรียนมัธยมเข้าชั้น มัธยม ๒ สอบตก พ่อพูดว่าไม่ตั้งใจเรียนก็ออกมาทำนา..ไม่ต้องเรียนให้เสียเงินหรอก ทำให้เรามีความพยายามใหม่ซ้ำก็ยอม เพราะเราก็รู้ว่า สาเหตุมาจากสิ่งใด เพราะเราโดดเรียน ไม่เข้าเรียน (พ่อสอนว่า คบคนก็ต้องดูด้วย ท่านว่าคบบัณฑิต บัณฑิตก็นำพาไปหาในสิ่งที่ดี คบคนไม่ดี เขาก็จะนำพาให้เดือดร้อนได้) ผมเริ่มรู้ในสิ่งที่พ่อรัก และเอาใจใส่ แต่นิสัยความเคยชินก็ยังมีอยู่แต่ก็เรียนรู้ในชีวิตมากขึ้นเป็นประสบการณ์ชีวิตในปัจจุบันอย่างยิ่ง เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว บุหรี่ นารี สุรา กีฬาบัตร การพันนผมได้เรียนรู้ทำมา ขณะที่เรียนที่วิทยาลัยก็ลองบ้าง พ่อต้องส่งเงินให้มาก กลับบ้านไม่ได้ดังใจก็พลอยโกรธบ้าง.แม่ก็ตามใจ พี่ก็ตามใจมาตลอด 

  อีกครั้งการเรียนที่วิทยาลัยครู เข้าจบ สองปี เราเรียน สองปีครึ่ง จากการติด จ. ในสมัยนั้นต้องมาแก้ พ่อก็บอกว่าจะเอาอย่างไร พ่อก็บอกว่าถ้าไม่ตั้งใจก็ออกมาทำนา.. ในที่สุดก็รู้คุณค่าที่พ่อสอน ทำให้เริ่มอ่านหนังสืออย่างจริงจังเมื่อจบระดับ ปกศ.ในสมัยนั้น และบรรจุได้ในที่สุด และสอบ พม.ได้ในปีเดียว พ่อจะสอนให้ทำความดี มีความซื่อสัตย์ไม่เอาเปรียบคนอื่น ให้ช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า ผมจึ่งมีเพื่อนมากที่ให้กำลังใจและช่วยเหลือ พ่อจะสอนลูกว่า ถ้าอยากร่ำรวย ก็ต้องขยันทำมาหากินและต้องรู้เก็บออมไว้ใช้ พ่อเป็นผู้ที่มีคนเคารพ มีเพื่อนข้าราชการมากมายที่มาหาท่าน ช่วงปลายชีวิตของพ่อ บอกว่า ลูก..ไม่มีคนจน ในหมู่คนขยัน และพ่อไม่ชอบการพนันเลยตลอดชีวิต ไม่ว่าการเล่นพนันประเภทไหน ท่านเคยพูดไว้ว่า ไม่มีพระอรหันต์พระองค์ใดที่จะมาบอกหวยให้ถูกหรอก แต่ที่ถูกเป็นเพียงวาสนาของเราเท่านั้น ย่ิงเล่นยิ่งจน อย่าเล่น ถ้าไม่อยากจน นี้คือสิ่งที่พ่อสอน พ่อมีที่ดินไว้ให้ลูกๆพอสมควร และส่งให้ลูกมีงานทำ มีอาชีพ นี้เป็นคำสอนที่พ่อมอบให้ลูกๆก่อนท่านจะจากโลกไป วันนี้ผมเชื่อด้วยตัวเองที่ผมได้มีโอกาสได้รับวิถีธรรมและได้ทำบุญให้ท่านและพี่ผู้มีพระคุณมาตลอด 

     ย้อนกลับไปอีกครั้งเมื่อครั้งพ่อมีชีวิต สมัยนั้นโครงการพระราชดำริพึ่งเกิดขึ้น และข่าวไม่มีมากนัก แต่เพราะพี่เห็นว่าพ่อชอบการเกษตร จึงทำไร่นา สวนผสม ถ้าเป็นทุกวันนี้ พ่อคงได้เป็นพ่อตัวอย่าง พ่อมีทั้ง นาข้าว บ่อเลี้ยงปลานิล และปลาตะเพียน สวนกล้วย มะม่วง ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และก็ไร่อ้อย ปลูกผักต่างๆ  วัว ควาย ตื่นเช้าพ่อจะแบกจอบ ตักน้ำรดผัก สายๆก็เข้าไร่ที่ต้องเดินทางแผ่วถางจากที่เป็นป่าหินที่ไม่มีใครต้องการเขาขายให้ทำไร่อ้อย ส่งลูกเรียนได้ พ่อบอกลูกว่าผู้ที่เราต้องเคารพคือ พระเจ้าอยู่หัว ให้มีความจงรกภักดี แล้วเจริญรุ่งเรื่อง สุดท้ายปี ๓๑ ผมได้นำพ่อเข้าบำบัดอาการติดยา.ที่ถ้ำกระบอกท่านกับมาเป็นพ่อที่ทุกคนในชุมชนให้ความเคารพเหมือนเดิม..

 

หมายเลขบันทึก: 555574เขียนเมื่อ 6 ธันวาคม 2013 18:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม 2013 18:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

-สวัสดีครับ

-อ่านบันทึกเรื่องของพ่อแล้วรู้สึกได้ถึงความรักและความห่วงใยที่พ่อมอบให้ครับ

-"ถ้าเป็นทุกวันนี้ พ่อคงได้เป็นพ่อตัวอย่าง พ่อมีทั้ง นาข้าว บ่อเลี้ยงปลานิล และปลาตะเพียน สวนกล้วย มะม่วง ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และก็ไร่อ้อย ปลูกผักต่างๆ วัว ควาย ตื่นเช้าพ่อจะแบกจอบ ตักน้ำรดผัก สายๆก็เข้าไร่"

-ประโยคสั้น ๆ แต่ทำให้ทราบถึงภารกิจของพ่อครับ....

-ขอบคุณครับ

ลูก..ไม่มีคนจน ในหมู่คนขยัน

เป็นคำสอนที่จริงใจสำหรับลูกจากพ่อแม่ ซึ่งเปรียบเสมือนครูคนแรกหรือพระของลูก

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีท่าน prayat

ผมขอโทษท่านด้วยนะที่ไม่ได้เข้าบล๊อกท่านเลย ....ครั้งนี้เป็นครั้งแรกผมเคยทำงานอยู่สารคาม ๖ ปี (ปี ๑๔-๑๙) ทำงานเป็นลูกจ้างกรมทาง (ศูนย์เครื่องมือกล) ตอนนี้เป็นศูนย์สร้างทาง มีเหตุผลที่ต้องเรียน แอบขออนุญาตผู้บังคับบัญชาไปเรียน ปกศ.สูงพลศึกษา ภาคสมทบ จนจบถูกบังคับให้ลาออกไปศึกษาต่อที่ มศว.พลศึกษา จนมาถึงปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว (เรื่องราวชีวิตยาวมากๆ) ประทับใจที่สุดตอนไปอยู่แคมป์ อำเภอพยัคภูมิพิสัย มันมีเรื่องเล่ามากมาย ดีใจที่ได้รู้จักกับอาจารย์ครับ........

...รำลึกถึงพระคุณพ่อนะคะ

ขอชื่นชมที่เล่าเรื่องพ่อละเอียดมาก

ได้เห้นเรื่องดีๆในการดำเนินชีวิต

ขอบคุณมากครับ

..ขอบคุณ....เรื่องเล่าดีดี นี้ค่ะ ... ชื่นชมค่ะ

ขอบคุณมากๆทุกข้อความทุกำลังใจครับ ที่ยอมเสียเวลาอ่านเรื่องเล่าของผมที่เป็นเด็กที่ไม่เอาถ่าน..มาวันนี้ได้แต่สำนึกพระคุณของฟ้า พระคุณของบรรพบุรุษทุกท่าน บารมีของพระเจ้าอยู่หัวที่ให้ได้เป็นข้าใต้พระบารมีของพระองค์ท่าน จะทำงานให้สมกับเป็นข้าราชการของพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์..กตัญญู จงรักภักดีตลอดไป

เป็นเรื่องเล่าที่มีคุณค่า เป็นอุทาหรณ์ได้ดีมากค่ะ

ขอบคุณมากๆครับ..ถ้าลงเต็มอายุคงยาวนะครับ ขอบคุณจริงๆครับทุกกำลังใจ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท