ชีวิตที่พอเพียง : 2050a. คารวะมหาบุรุษ เนลสัน แมนเดลา


คุณสมบัติอันประเสริฐในด้านอหิงสา ของท่าน ไม่ใช่สิ่งที่มีมาแต่กำเนิด แต่มาพัฒนาขึ้นตามประสบการณ์และการเรียนรู้ในชีวิต

ชีวิตที่พอเพียง : 2050a. คารวะมหาบุรุษ เนลสัน แมนเดลา    

เช้าวันที่ ๖ ธ.ค. ๕๖ วิทยุจุฬา ๑๐๑.๕ เอฟเอ็ม ประกาศอสัญกรรมของ อดีต ปธน. เนลสัน แมนเดลา   นักสันติวิธีผู้ยิ่งใหญ่ อายุ ๙๕ ปี

ผมถือ เนลสัน แมนเดล่า เป็นตัวอย่างประจำใจ ในเรื่อง อหิงสา    แม้จะถูกรัฐบาลคนขาวจับขังคุกอยู่ถึง ๒๗ ปี    แต่ เนลสัน แมนเดลา ก็ไม่โกรธแค้นคนขาว    เป็นตัวอย่างรูปธรรมของการให้อภัย

เนลสัน แมนเดลา ต่อสู้กับความอยุติธรรม การเหยียดผิว ที่รุนแรงสุดๆ ในประเทศอัฟริกาใต้      แต่ไม่ต่อสู้หรือเคียดแค้น คนขาว ที่เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเหยียดผิว    ท่านต่อสู้กับระบบ ไม่ต่อสู้กับคน    เอาชนะระบบ ไม่เอาชนะคน

หลายปีมาแล้ว ผมซื้อหนังสือ Long Walk to Freedom ซึ่งเป็นอัตตชีวประวัติของท่านมาอ่านแบบวางไม่ลง    ที่ผมพิศวงมากคือ วิธีที่ท่านดำรงพลังจิตและพลังกายตอนอยู่ในเรือนจำ   การออกกำลังกายในห้องแคบๆ โดยการวิ่งอยู่กับที่    และการที่ท่านไม่เคืองแค้นผู้คุม ที่เป็นคนขาว    จนในที่สุดเกิดมิตรภาพระหว่างท่านกับผู้คุมอย่างแน่นแฟ้น

วันนี้ พยายามหาหนังสือเล่มนั้น แต่เสียดาย หาไม่พบ    จึงต้องเขียนจากความจำ    โดยที่ผมเป็นคนที่ความจำแย่มาก   แต่แล้วผมก็นึกได้ว่า สามารถ ดาวน์โหลดตัวอย่างส่วนหนึ่งของหนังสือจาก Amazon Kindle ได้    แล้วก็ได้มาจริงๆ   ได้อ่านตอนวัยเด็กของท่าน ตอนที่อยากอ่านพอดี

ความประทับใจของผม อยู่ที่ความสามารถในการแยกแยะ ของท่าน    แยกระหว่างระบบเหยียดผิว กับคนขาวที่เป็นส่วนหนึ่งของการเหยียดผิว    ท่านไม่เคืองแค้นคนขาว    แสดงออกจากวัตรปฏิบัติของท่าน ทั้งตอนอยู่ในคุก และเมื่อออกจากคุกมาดำเนินการทางการเมือง   เพื่อสร้างระบบการเมืองใหม่ ที่เป็นประชาธิปไตย    ที่แม้จะปกครองโดยคนดำ ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ   แต่คนขาวก็จะได้รับความปลอดภัย และยอมรับในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  

อีกความประทับใจ คือเรื่องเล่าชีวิตสมัยเด็กของท่าน    ที่ผมได้อ่านอีกครั้งจากตัวอย่างที่ ดาวน์โหลด มาได้    ทำให้ผมได้อ่าน ท่อนที่ประทับใจ และตรงกับเหตุการณ์ปัจจุบันพอดี   คือประชาธิปไตยชนเผ่า ในอัฟริกา  

ท่านเล่าว่า ท่านไปประสบเหตุการณ์ที่วังของกษัตริย์ที่ท่านเป็นบุตรบุญธรรม หลังพ่อตาย   เข้าใจว่าท่านอายุ ๙ - ๑๐ ขวบเท่านั้น   แต่เล่าเหตุการณ์แบบคนช่างสังเกตสุดๆ   ส่วนที่ผมประทับใจคือพฤติกรรมของกษัตริย์ ในที่ประชุม “สภาผู้แทนราษฎร” แบบที่ประชุมกันเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น   โดยกษัตริย์เป็นผู้เรียกประชุม   และเมื่อเริ่มต้นประชุม ประธานคือกษัตริย์จะกล่าวขอบคุณผู้มาร่วมประชุม และบอกวัตถุประสงค์ของการประชุม   แล้วปิดปาก ฟังอย่างเดียว   ฟังอย่าง ได้ยินทุกเสียง ทุกความเห็น   โดยที่บางความเห็นหรือคำพูดเป็นการตำหนิหรือกล่าวโทษตัวกษัตริย์เอง   ก็ไม่มีคำโต้แย้ง หรือชี้แจง   พูดกันจนในที่สุดทุกคนก็สรุปข้อยุติได้เอง   ไม่มีการยกมือลงคะแนนเสียงแบบสภาของชาติตะวันตก   ข้อสรุปที่ได้อย่างเป็น ฉันทามติ ในบางครั้งคือ “ยังตกลงกันไม่ได้”

นี่คือประชาธิปไตยชนเผ่า ที่ไม่มีประเพณีหรือกติกาว่า พวกมากชนะ   เป็นประชาธิปไตยอีกแบบหนึ่ง แตกต่างจาก ที่เราลอกแบบมาจากชาติตะวันตก    นอกจากนั้น “ผู้แทน” ของเขา ไม่ใช่แค่แทนพื้นที่   แต่ยังแทนคนที่มีอาชีพหรือวิถีชีวิต แตกต่างกัน ทั้งชาวนา พ่อค้า นักรบ  หมอ  กรรมกร เจ้าที่ดิน  ฯลฯ ด้วย   ระบบผู้แทนราษฎรของไทยน่าจะได้พิจารณาเรื่อง ความเป็นผู้แทนคนหลากหลายกลุ่ม เช่นนี้    ซึ่งในประเทศจีนก็ใช้เช่นเดียวกัน

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว หากสังเกตให้ดี    จะได้กลิ่นไอความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาของท่าน   เขียนเล่าความรู้สึกภายใน ของท่าน   ที่มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปตามเวลา และประสบการณ์    ทำให้ผมตระหนักว่า คุณสมบัติอันประเสริฐในด้านอหิงสา ของท่าน    ไม่ใช่สิ่งที่มีมาแต่กำเนิด    แต่มาพัฒนาขึ้นตามประสบการณ์และการเรียนรู้ในชีวิต  

อหิงสา ความไม่ถือโกรธ ไม่เคียดแค้น   แม้จะถูกกระทำขนาดจับไปขังคุกนานถึง ๒๗ ปี    ท่านก็ยกโทษให้   ไม่มีการแก้แค้น   ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบในทางเป็นศัตรู   แต่หาทางให้คนดำที่เป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ (อัฟริกาใต้) กับคนขาวที่เป็นชนส่วนน้อย อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ    เป็นตัวอย่างของคนที่มีความฉลาด และพัฒนาจิตของตนเอง บรรลุสภาพ “จิตใหญ่”    ควรแก่การคารวะ ยกย่องให้เป็นมหาบุรุษ   ที่นานๆ จะมีมาเกิดสักคน

วิจารณ์ พานิช

๖ ธ.ค. ๕๖

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 555529เขียนเมื่อ 6 ธันวาคม 2013 11:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม 2013 11:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ต้องมีพลังจิตที่ยิ่งใหญ่มากๆเลยนะคะ อ่านแล้วทึ่งในตัวท่านเช่นกัน เป็นบุญที่ได้เห็นท่านตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เพราะเคยอยากเห็นท่านมหาตมะคานธีแบบที่เป็นธรรมชาติของท่านก็ไม่ได้เห็นนะคะ แต่ท่านนี้เราได้เห็นท่านเสมอๆ เป็นคนธรรมดาที่ยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ เห็นความมีบุญของท่านที่เมื่อจะจากไปก็ไม่ต้องทรมานอะไรนานนะคะ ป่วยไม่นานก็ไปเลย และตลอดช่วงชีวิตท่านก็ได้ทำประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่คุ้มค่าจริงๆ

ท่านเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ น่านับถือและเอาเป็นตัวอย่างเป็นอย่างยิ่ง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท