“บางครั้งการพูดถึงความจริงของตัวตน มันก็ไม่ได้สามารถอธิบายให้คนอื่นยอมรับได้ “ฉันคือใคร” หากคำนี้รับรู้ได้แค่เพียงตัวเองเท่านั้น เพราะว่าเราได้สร้างภาพใหม่ขึ้นมาบดบังมันไป…”
เมื่อโลกของผมเติบโตจากหมู่บ้านชนบทเล็กๆแห่งหนึ่ง ผมเห็นโลกในตอนที่ยังเป็นเด็ก จนทำให้อยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไปเสียในวันนี้เลย(ความคิดในตอนนั้น) ยิ่งผมออกเดินทาง โลกนี้มันก็ยิ่งกว้างออกไปพร้อมกับอายุของผมที่เติบโตมาเรื่อยๆ ผมรู้จักเพื่อน ได้เรียนรู้สังคม มีความรัก ได้ทดลองสิ่งที่ตัวเองคิดและลงมือทำมันจริงๆ ก็เลยไม่มีคำถามว่าจริงๆแล้วผมต้องการอะไรในชีวิต ความคิดของผมในขณะนั้นโลกช่างสวยงาม น่าอยู่ ฯ แต่ทว่า ณ ขณะนั้นผมได้อ่านหนังสือแค่หน้าเดียวเพียงเท่านั้นเอง เพราะหน้าถัดไปยังไม่ได้อ่านมันเลย เคยมีใครคนหนึ่งบอกผมเอาไว้ว่า “ความสนุกของหนังสือก็คือการที่เราไม่รู้ว่าจะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นในหน้าถัดไป”
การเดินทางเพื่อที่จะได้อ่านหน้าถัดไปบนหนังสือของตัวเอง เรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้น เรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ผมกลับคิดว่ามันคือเสน่ห์อีกแบบที่ผมไม่รู้เรื่องราวของหน้าถัดไป ความฝันจึงเริ่มเกิดขึ้นขณะเดินทางเพื่ออ่านหนังสือหน้าถัดไป ระหว่างทางของความฝันนั้น ผมเติบโตประมาณว่าเริ่มที่จะมีคำถามกับตัวเองต่อสิ่งรอบๆข้าง ผมยังคงอ่านหนังสือหน้าปัจจุบันเพื่อจะได้อ่านหน้าถัดไปเรื่อยๆ ระหว่างที่กำลังอ่านหน้าปัจจุบันอยู่นั้น ประกอบกับความคิดก็เริ่มเติบโตตามร่างกาย ผมเริ่มมองเห็นสังคม เริ่มรู้จักมัน เมื่อมันเริ่มเห็นความแตกต่างกันมาก การเปรียบเทียบจึงเกิดขึ้นในความคิดของตัวผมเอง มีคนๆหนึ่งเคยบอกผมว่า “สังคมนั้นสวยงามตะหาก หากว่าเราไม่นำมันมาเปรียบเทียบ” ผมก็ยังเชื่ออย่างนั้นอยู่ เพราะว่าโลกหมู่บ้านเล็กๆของผมนั้นสวยงามอยู่เสมอ ผมยังคิดเช่นนั้น
ผมอ่านหนังสือเรื่อยมาน่าจะประมาณเกือบครึ่งเล่มก็เห็นว่าจะได้ และด้วยองค์ประกอบท่ามกลาง มายาคติ วาทะกรรม และเรื่องราวอื่นๆ ของสังคม ผมเริ่มไม่อยากที่จะอ่านหนังสือหน้าถัดไปต่อ ความคิดเริ่มไม่เป็นอิสระ ถูกแทรกแซงโดยกลไกค่านิยมของสิ่งต่างๆอยู่ตลอด โดยระบบที่มันเป็น ยิ่งหนีหากออกจากสิ่งต่างเหล่านี้มากเท่าไหร่มันก็กลืนกินผมเข้าไปทุกที สิ่งที่คิดว่าดีกลับมืดมน สิ่งที่คิดว่าถูกก็กลายเป็นผิด สิ่งต่างๆเหล่านี้ถาโถมและกระหน่ำเข้ามาในความคิด ทำให้ความคิดมันเตลิดออกไปกลับกลายเป็นการตั้งคำถาม ว่า “ผมคือใคร” ซึ่งบางครั้งการพูดถึงความจริงของตัวตน มันก็ไม่ได้สามารถอธิบายให้คนอื่นยอมรับได้ หากคำนี้รับรู้ได้แค่เพียงตัวเองเท่านั้น เพราะว่าเราได้สร้างภาพใหม่ขึ้นมาบดบังมันไปเสียแล้วโดยค่านิยมของคนข้าง
หนังสือที่ผมอ่านอยู่จน ณ ปัจจุบัน มันมีเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง บังเอิญ หรือว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ มันอยู่ที่ว่าเรื่องราวต่างๆเหล่านั้นมันสำคัญกับผมมากน้อยแค่ไหน แต่ผมกลับคิดว่า ผมควรจะทำยังไงเมื่อเจอกับมันมากกว่า ตอนนี้หนังสือที่ผมอ่านมันยังอยู่ที่หน้าของปัจจุบัน เพราะว่าผมไม่กล้าที่จะอ่านมันต่อในหน้าถัดไปได้เลย ความจริงที่เกิดขึ้นไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม…ในตอนนี้มันฆ่าความฝันของผมที่เคยมีไปเสียแล้ว ผมคงต้องเรียนรู้มันสักพักใหญ่ ย้อนกลับไปอ่านหนังสือหน้าที่เคยอ่านผ่านมา เพื่อจะนำมันมาปรับใช้กับการอ่านหนังสือหน้าถัดไปของผมต่อ…
“สวัสดีสังคมโสมม” คำกล่าวทักทายของผม ก่อนที่จะกลับไปอ่านหน้าแรกของหนังสือ
ความจริงในหน้าต่อๆไปอาจสร้างฝันใหม่ให้น้องได้ เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ