ซิ่นไหมผืนเก่าๆ
เกศินี จุฑาวิจิตร
ชุมชน 100 เล่มเกวียนเปลี่ยนชีวิต
วันนี้หยิบ “ซิ่นไหมผืนเก่าๆ” มาพินิจอีกรอบ
“ซิ่นไหมผืนเก่าๆ : รวมเรื่องสั้นรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียนของประเทศลาว ประจำปี 2008” เปิดหน้าแรกไป ลายเซ็นเจ้าของผลงาน คือ โอทอง คำอินชู หรือ ฮุ่งอะลุน แดนวิไล นักเขียนซีไรต์ยังปรากฏชัด
ฉันได้หนังสือเล่มนี้พร้อมลายเซ็นมาเมื่อหลายขวบปี เนื่องในโอกาสที่ได้ไปเป็นผู้ดำเนินรายการอภิปรายประกบคุณโอทอง ในการเสวนาที่จัดโดยแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส.
วรรณกรรมรวมเรื่องสั้นเล่มนี้ฉายภาพอย่างดีถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ในเรื่อง “ซิ่นไหมผืนเก่าๆ” การที่ “แม่” ขาย “ซิ่นไหมผืนเก่า” ของตนเองที่เก็บไว้ในหีบ เพื่อแลกซื้อกับผ้าซิ่นผืนใหม่จากโรงงานด้วยความภูมิอกภูมิใจนั้น ก็คงสื่อได้ว่า วัฒนธรรมดั้งเดิมที่ทรงคุณค่า ศิลปะอันวิจิตรงดงาม ทรงไว้ด้วยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ กำลังถูกแทนที่ด้วยความดื่นดาษของวัฒนธรรมใหม่ สมบัติส่วนตัว (ซึ่งก็คือสมบัติของชาติด้วย) ได้ถูกนำมาขายเป็น “สินค้า” ให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแย่งกันซื้อหาไว้เพียงเพื่อจะได้รับการเชิดชูว่าเป็นผู้ที่มีศิลปะในหัวใจ
ส่วนเรื่อง “น้องยังคอย” เรื่องสั้นอีกเรื่องหนึ่งในเล่ม ก็สะท้อนภาพประจักษ์ชัดถึงการต่อสู้กันระหว่างวัฒนธรรม “นุ่งซิ่น” กับ “นุ่งสั้น”
“ปูนา” หญิงสาวในเรื่องคือตัวแทนของคนกลุ่มแรก ส่วน “อีสี” คือคนกลุ่มหลัง เพราะเธอ “สวมกระโปรงผ่าข้างขึ้นไปจนถึงต้นขา ใส่เสื้อสายเดี่ยวเอวลอย มองเห็นสะดือ ทรงผมก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เข้าร้านเสริมสวยแทบทุกวัน บางครั้งก็โกรกผมสลับสี”
ครั้งถึงตอนจบของเรื่อง “พี่” ชายหนุ่มที่ปูนาเฝ้ารอคอย ก็กลับเดินจากไปพร้อมกับ “อีสี” อันทำให้ตีความได้ว่าวัฒนธรรมนุ่งซิ่นอาจจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในที่สุด
ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูตัว!!
ในขณะที่วรรณกรรมดังกล่าวสะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงในประเทศเพื่อนบ้าน ฉันก็เห็นภาพนี้ ในประเทศของเราด้วยเหมือนกัน
ประการแรก วัฒนธรรมและความหลากหลายของท้องถิ่นและของกลุ่มชาติพันธุ์ได้ถูกนำมาเป็น “สินค้า” เพื่อการท่องเที่ยวแทบหมดสิ้น บางครั้งอยากบอก (แต่ไม่รู้จะบอกกับใคร) สิ่งที่เราอยากเห็นในยามท่องเที่ยวคือ สภาพธรรมชาติและวิถีความเป็นอยู่แบบเดิมๆ ที่ไม่ต้องจัดฉาก ไม่ต้องมากพิธี ไม่มีสิ่งใดที่ต้องการให้มาปรนเปรอ ประการที่สอง วัฒนธรรมนุ่งสั้นของเราน่ะชนะนุ่งซิ่นมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว
ลองหาอ่านกันดูนะคะ สำหรับคุณผู้หญิงถ้ายังหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านไม่ได้ ก็ลองเอาผ้าซิ่นหรือผ้าถุงแบบไทยมาใส่แทนกระโปรงไปพลางๆ ก่อน .. ได้อารมณ์ฟินๆ เหมือนกันค่ะ
-สวัสดีครับ..
-หนังสือเล่มนี้น่าอ่านมาก ๆครับ..
-อยากอ่าน ๆ เป็นแนวที่ชอบครับ
-ขอบคุณครับ
น่าสนใจมากครับ ผ้าซิ่น วัฒนธรรมอีสานบ้านเฮาที่หายไปนานมากแล้ว...
น่าสนใจมากครับทั้งในแง่ของวรรณกรรมและวัฒนธรรม