ประสบการณ์ครั้งแรกที่ชอบอ่านหนังสือเกิดจากเล่มไหนจำไม่ได้ แต่ความทรงจำที่แน่นที่สุดทุกครั้งที่มองย้อนกลับไปตอนเด็กคือชั้นหวาย(ชั้นหนังสือที่ทำจากหวาย ที่บ้านจะเรียกชั้นหวาย ไม่ได้เรียกชั้นหนังสือ) จำได้ว่ามีนิทานเรื่องอึ่งอ่างกับแม่วัว แล้วที่หลังบ้านมีอึงอ่างแยะทำให้ ด้วยเหตุนี้คงจะทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับนิทานเรื่องนี้ประทับได้แนบแน่นกว่าเรื่องอื่นก็เป็นได้ แต่ประสบการณ์ครั้งแรกที่ทำให้ชอบทำMind mapping เกิดจากหนังสือเล่มนี้
ขอเข้าโหมดเป็นเด็ก(โดยใช้สรรนาม "หนู") หนังสือเล่มนี้เข้ามาในชีวิตหนูตอนปี ๒๕๔๔ ดูจากสภาพปกที่สเกนมาให้ดูก็น่าจะมองเห็นความเก่าแก่ได้ ตอนนั้นอยู่ประมาณม.๒ ไปเรียนพิเศษแล้วก็อยู่บ้านป้าที่เพชรบรูณ์ ทุกอาทิตย์จะต้องพาร้านหนังสือหนูก็ได้เห็นเล่มนี้สะดุดตาสะดุดใจ หนูเริ่มต้นศึกษาMind mapping จริงจังตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจ คุณครูที่โรงเรียน ผู้ปกครองที่บ้าน หนูก็ได้แต่แอบเขียนไว้เป็นของส่วนตัว การฝึกจึงไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไร พอมาอยู่มัธยมปลายมีคุณครูหลายคนเข้าใจ แล้วก็สั่งให้เขียนงานที่เป็นMind mapping ตอนนั้นได้ถึงเป็นการเริ่มต้นจริงจัง ส่วนใหญ่จะเขียนในวิชาวิทยาศาสตร์และแนะแนว หนูจะหางานเก่าๆ มาให้ดูก็ไม่มีเพราะเก็บไว้ที่โรงเก็บของหมดแล้วอยู่ไกลบ้านมาก มีผลงานตอนมหาลัยบางส่วนที่ประทับใจและพูดได้เต็มปากว่าหนังสือเล่มนี้เปลี่ยนชีวิตในการจัดการข้อมูลขนาดไหน
ตอนปีสี่ได้รับคำสั่งให้สรุปย่อ
หลังจากฟังแล้วก็สรุปย่อออกมาเป็นแบบละเอียดสุดๆ ก่อนหนึ่งครั้ง เพื่อให้เห็นภาพรวมของข้อมูลทั้งหมด (คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
หลังจากนั้นก็เขียนใหม่ในเวอร์ชั่นที่ปรับใช้กับชีวิตตนเองแล้ว
สิ่งที่หนังสือเล่มนี้บอกไว้ถึงการเรียนรู้ไว้ว่า
............................................................................................................................
ถ้าหากไม่มีหนังสือเล่มนี้แล้ว ดิฉันในวันนี้คงไม่ได้พบเจอspeed reading และไม่เข้าใจการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นแน่ ทุกวันนี้ยังคงเขียนMind map อยู่ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในเวลาหรือการเรียนนอกเวลา วันหลังจะมาเล่าเรื่องถึงหนังสือเล่มอื่นที่ได้อ่านเพราะอ่านหนังสือเล่มนี้ :)
เยี่ยมค่ะ เขียนมาอีกนะคะ