วันนี้ : ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖...
ได้เป็นคณะกรรมการสอบเรื่องความผิดโดยละเมิดของเจ้าหน้าที่
รอบนี้ก็เป็นรอบที่ ๓ ที่ต้องเก็บรายละเอียดให้ครบ...
โดยการเรียบคู่กรณีมาสอบปากคำ...
ในฐานะที่เป็นกรรมการของฉัน...หากว่าตามความเป็นจริงแล้ว
ฉันไม่ค่อยต้องการที่จะเป็นกรรมการสักเท่าไหร่?
แต่ด้วยหน้าที่...ทำให้ฉันอึดอัดใจไม่ใช่น้อย...
แต่ก็ต้องทำตามตัวบท กฎหมาย...ทำให้เห็นว่า...
ระเบียบก็ต้องคือ ระเบียบ กฎหมายก็ต้องคือ กฎหมาย...
ไม่มีคำว่า "สงสาร"...กรณีนี้ เป็นการกระทำโดย "ทุจริต"
ต่อหน้าที่ นำเงินของมหาวิทยาลัยไปใช้...
จากที่หน่วยตรวจสอบได้กระทำการตรวจพบ เป็นเงิน
ค่อนข้างมากเกือบ ๓ แสนบาท...สอบถามเจ้าตัวที่นำไป
"รักสารภาพ" ว่าเอาไปจริง ถามไป ถามมา ได้คำตอบว่า
เที่ยวกลางคืน...อนิจจา!!! ช่างไม่รู้สภาพของตัวเองเลยว่า...
เงินเดือนที่ได้รับก็ไม่ถึงหมื่นบาท ยังหาเรื่องใส่ตัวอีก
พร้อมการกู้หนี้นอกระบบ...ฯลฯ ดีที่ยังรู้จัก "รับสารภาพ"
แต่ไม่พ้นหัวหน้าที่คุมเงินและนำเงินส่งมหาวิทยาลัย...
เพราะรายนี้ "ไม่บอกรองอธิการบดี" เรียกว่า "สมรู้ร่วมคิด"
ไปกับเขาอีก...รายนี้ โดนไปอีก เรียกว่า "ความผิดโดยละเมิดต่อหน้าที่"
โทษ คือ ตัด ๒๐ % ของเงินเกือบ ๓ แสนบาท...
เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง...เรียกว่า "รู้แล้วไม่บอกผู้บังคับบัญชา"
สำหรับรองอธิการบดี...ก็หนีไม่พ้น โดนอีก ๒๐ % เช่นกัน
เพราะได้รับคำสั่งมอบหมายจากอธิการบดีให้กำกับ ควบคุม
อย่างเคร่งครัด แต่ปล่อยช่องว่างให้เจ้าหน้าที่ "ทุจริต"...
สรุปแล้ว : ทั้งผู้บริหาร + หัวหน้าคุมงาน = ๒๐ %
แต่ถ้าเจ้าตัวนำเงินมาคืนมหาวิทยาลัยหมด
๒ คน หลังนี้ ก็จะได้เงินคืนไป...แล้วมันจะเป็นไป
ตามที่คิดไหมล่ะ? ถามแล้ว เหนื่อยใจแทนเลยอ่ะ :):)
งานนี้...ใครก็ช่วยไม่ได้เลย
สอนให้รู้ว่า...การทำงานเป็นผู้บริหาร ใช่ว่ารับชอบอย่างเดียว ต้องรับผิดด้วยค่ะ :):)
ขอขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจจากทุก ๆ ท่านค่ะ :):)
อ่านแล้วครับ ผมกลัวจริงๆ เพราะทำการพัสดุอยู่ด้วย แม้แต่บาทก็ต้องตามให้เจอว่าซื้ออะไรอยู่ไหนมีใบสำคัญรับเงิน ขอบคุณอาจารย์ที่เตือนผ่านสื่อนี้