คงต้องขอบ่นหน่อยแล้วเพราะเหนื่อยล้าเหลือเกินกับการที่ต้องมานั่งปรับพฤติกรรมของผู้เรียนให้เป็นคนใฝ่รู้
แม้จะมีระบบ ClassStart เข้ามาช่วยในการจัดการการเรียนการสอน ทั้งแบบฝึกหัด เว็บบอร์ด ข่าวประกาศ ที่เอื้ออำนวยให้ผู้เรียนเป็น active learners และระบบไม่เคยพลาดในการส่งข้อความตรงถึง email ของผู้เรียนทุกคนในชั้น แต่ผู้เรียนก็ไม่เปิด email ขี้นมาอ่าน
กระทู้ในเว็บบอร์ดที่ผู้สอนพยายามใช้เป็นพื้นที่ที่เรียนนอกห้องเรียนก็ไม่มีผู้เรียนสนใจจะเข้ามาอ่านหรือตอบเลย ตรวจสอบกันในห้องเรียนจึงรู้ว่าสิ่งที่ผู้สอนเสริมความรู้ให้นอกห้องเรียนนั้นกับไม่ได้รับความสนใจเลย ทั้งๆ ที่เนื้อหาเป็นคลิปวิดีโอที่สนุกสนานน่าสนใจทดลองทำก็ตาม
ส่วนในห้องเรียนผู้เรียนจำนวนหนึ่งจะเข้าห้องสายเกือบทุกครั้ง จนต้องใช้วิธีการลงชื่อคนมาสายหรือไม่มาเข้าเรียน
ให้ทำงานกลุ่มส่งผ่านระบบก็ไม่ส่ง สาเหตุเพราะไม่เปิดอ่าน email และต้องกลับบ้าน ต้องมาส่งกันในห้องเรียนอีกครั้งผ่านระบบ ClassStart จนแล้วจนรอดก็ยังมีกลุ่มไม่ส่งอีก มานั่งไล่หารายชื่อกันจนเจอ กลับบอกว่าผมไม่ได้ยิน เถียงคำไม่ตกฟาก การเคารพผู้ใหญ่หาได้ยากเหลือเกินพอๆ กับการไม่ยอมรับผิด
ระบบการศึกษาสอนให้เขาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไรหนอ
ทุกๆ ปี ความใฝ่รู้ของผู้เรียนก็ลดน้อยลงทุกที เขาสนใจอะไร ICT หรือก็ไม่ใช่ คะแนนหรือก็ไม่ใช่ เนื้อหาหรือก็ไม่ใช่ คุณจะเอาอะไร สงสารพ่อแม่บ้างไหมที่ต้องส่งเสียให้เรียนกันตั้งแต่อนุบาลจนมหาวิทยาลัย
อาจารย์จัน ... ใจดีครับ ;)...
เท่าที่ผมใช้ Classtart มา
๑. ที่บ้าน/ที่หอไม่มีเน็ต
๒. เกิดมาไม่เคย Check
ข้อตกลงของผมในชั่วโมงแรก คือ ...
จะไม่มีการมาทวง มาตาม
เพราะถือว่าทุกคนโตแล้ว
ดังนั้น การมาเถียงโน้นเถียงนี่ เพราะผมไม่ให้คะแนนไปแล้ว ส่วนการมาสาย หักคะแนนจิตพิสัย เพียงแต่ว่า ผมหักคะแนนเป็น เปอร์เ็ซ็นต์ ของเกรดที่ได้ และบอกล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ชั่วโมงแรก ดังนั้น ไม่ต้องมาเถียง ตายหมู่แน่นอน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มันเป็นการสอนเรื่่อง "กรรม" นะครับ อาจารย์จัน พวกเขาควรต้องรู้ตัวว่า กำลังทำอะไรอยู่ ดูโหด แต่มันเป็นระบบที่สังคมในชั้นเรียนที่อยากจะเรียนกับเรา ต้องยอมรับ ... ขอให้กำลังใจอาจารย์จัน คร้าบ ;)...
ก็จะไม่รับงานชิ้นนั้น
จึงไม่มีประโยชน์อะไร
ไม่มาเลย หักคะแนนจิตพิสัย
ใครไม่ได้ทำอะไร ควรได้รับผลเช่นนั้น
....... เด็กต้องมีความรับผิดชอบนะคะ ... ...
2-3 ปีท้าย ๆของชีวิตการเป็นครูรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ กับเด็กที่ขาดวินัย ขาดความรับผิดชอบอย่างที่ อ. จัน กำลังเผชิญ คงเป็นแบบนี้กันทั้งประเทศกระมัง
แต่ นศ. บางกลุ่มก็มีปัญหาเรื่องต้องทำงานส่งตัวเองเรียน ทำงานกลางคืนกันทุกคน (มี 15 คน) สี่โมงเย็นทุกคนกระสับกระส่ายไม่ฟังอะไรแล้วต้องรีบไปเข้างานให้ทัน ต้องหาวิธีสอน วิธีแก้ปัญหากัน ไหนจะต้องประคับประคองให้พวกเขาสู้ชีวิตให้ผ่าน ไหนจะต้องให้เขาได้ความรู้ ทักษะตามเจตนารมณ์ของหลักสูตร ให้เกรด I (Incomplete) ประจำ ให้เวลาอีกนิดให้แสดงความสามารถ (ไม่สนถ้าคณบดีจะขึ้นบัญชีดำถ้าส่งเกรดช้า)
ขอให้กำลังใจอาจารย์จัน เป็นครูเพื่อศิษย์ต่อไป
ผู้ใหญ่ยังไม่มีความรับผิดชอบกันเลย...สังคมสมัยนี้ ๕ ๕ ๕
เป็นกำลังใจให้อาจารย์นะคะ ลักษณะที่เกิดขึ้นแบบนี้พบเห็นได้ทั่วไปค่ะ ติ๊กจะใช้วิธีแบบท่าน อ.wasawat ค่ะ สร้างกติกาให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น สุดท้ายพวกเขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พวกเขากระทำ ขาด สาย ติ๊กจะหักจากคะแนนรวมของพวกเขาเลยนะคะ (ตามข้อตกลง) แล้วก่อนสอบปลายภาคก็แจ้งคะแนนที่หักให้พวกเขารู้ชัดเจนค่ะ บางคนสายไป 5 ครั้ง ก็หัก 5 คะแนนชัดๆ เลยค่ะ สุดท้ายเปลี่ยนเกรดเขาไปเลยค่ะ
ClassStart เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีมากสำหรับเด็กยุคนี้ค่ะ แต่พวกเขาก็มักมีข้ออ้างของพวกเขา บางทีการประกาศอะไรใน ClassStart จะ link ไปที่ facebook ของกลุ่มพวกเขาอีกทางค่ะ ลดข้ออ้างไม่รู้เรื่อง ไม่ได้เปิดค่ะ ;)
อ.จัน ครับ อาการแบบนี้เป็นมานานแล้ว จนกระทั่งบัดนี้ผลผลิตได้ผลิบานมาถึงบุคลากรผู้สอนของหน่วยงานผมแล้ว ผมเจอเองเป็นอย่างที่ อ.จัน ว่ามาเดะเลยครับ
สู้ ๆ ค่า มาส่งกำลังใจให้ ด้วยเห็นพ้องตามดร.จันทวรรณว่า ระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันนั้นล้มเหลว มีผู้ให้ความรู้ แต่ไม่มีผู้อยากจะเรียนรู้ ทุกอย่างมันก็เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นทางแล้วนะคะว่าไหม ตั้งแต่เล็กอัดๆๆๆ ไม่แน่ใจว่าเขาไม่ทราบหรือตั้งใจทำเนอะ ไม่ได้สร้างคน แต่ผลิตคนออกอาการเหมือนโรงงานมากกว่าโรงเรียน ไม่สนใจว่าเด็กคนไหนจะมีนิสัย มีความชอบ ความสนใจอย่างไร ถึงตัวเองจะไม่เห็นด้วย แต่ก็รอดยาก 5555 ลูกตัวเองก็ยังต้องติดอยู่ในระบบกระแสหลัก ด้วย รร.ทางเลือกแต่ละที่ไกล สุดเอื้อม ครั้นจะเอาลูกออกจากระบบมาสอนเอง ก็ยังกลัว เกรงไม่มั่นใจกับศักยภาพของตัวเอง จึงต้องยอมรับ เรียนรู้ ที่จะอยู่กับปัจจุบันค่ะ "จุดตะเกียง ดีกว่าด่าความมืด" ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ทำให้ดีที่สุด แล้วปล่อย สู้ ๆ ค่า
ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของแรงบันดาลใจ ปัจจุบันนี้แตกต่างจากสมัยก่อน ความรู้สามารถค้นหาได้จากหลายแหล่ง หลายช่องทาง ดังนั้นถ้าอาจารย์คิดว่าจะป้อนความรู้ให้นักศึกษาตามที่อาจารย์อยากจะป้อน และอยากให้นักศึกษาทำการบ้านตามที่อาจารย์อยากให้เป็น ผลจึงออกมาตามที่อาจารย์บ่นมา นักศึกษาแต่ละคนจะมีแรงบันดาลใจไม่เหมือนกัน อาจารย์สมัยนี้จึงต้องเปลี่ยนวิธีสอน ต้องหันมาศึกษานักศึกษาแต่ละคนว่าแรงบันดาลใจของเขาอยู่ที่ไหน และปรับการสอนให้เขาเกิดแรงบันดาลใจ หลังจากนักศึกษาเกิดแรงบันดาลใจ เขาจะวิ่งเข้าไปค้นคว้าหาความรู้ที่สามารถหาได้จากหลายช่องทาง คนไม่เหมือนคอมพิวเตอร์ ที่จะป้อนอะไรลงไปก็รับไว้หมด แต่คนจะเลือกรับเฉพาะสิ่งที่เขาเกิดแรงบันดาลใจในสิ่งที่ป้อนเข้าไปให้เขาหลังจากนั้นจึงจะเกิดการใฝ่รู้