อภิมหาโครงการด้านอุดมศึกษาและวิจัย (2)
ในตอนที่แล้ว (click) ผมได้บันทึกไว้ว่าจะให้ความเห็น 7 ประเด็นใหญ่ ๆ ในบันทึกนี้จะเป็นเรื่องแรก คือการทำสงครามครับ
ผมมอง Megaproject ด้านอุดมศึกษาและวิจัยนี้เชื่อมโยงกับการสร้าง transition ของระบบอุดมศึกษา เชื่อมโยงกับ transition ของสังคมไทยสู่สังคมที่มีความรู้เป็นฐาน
เป็นการมองว่าสังคมไทยกำลังเปลี่ยนจากสังคมบนฐานทรัพยากร (resources) ซึ่งเมื่อมีการใช้ก็จะร่อยหรอและหมดไป ไปสู่สังคมบนฐานความรู้ - ปัญญา ซึ่งเมื่อมีการใช้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
Megaproject นี้จึงน่าจะเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนระบบอุดมศึกษาและระบบวิจัย ให้เป็นระบบที่รองรับและขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่สังคมที่มีความรู้เป็นฐาน และในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงระบบวิจัยและระบบอุดมศึกษาเอง ให้เป็นระบบที่มีความสามารถในการสร้างความรู้แะสร้างคน (PhD, Postdoc) ได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่ถ้าจะสร้างอาจารย์/นักวิจัยระดับ PhD ก็มุ่งแต่ตั้งงบประมาณ ตั้งทุน ส่งคนไปศึกษาต่อต่างประเทศเพียงถ่ายเดียว เรื่องการส่งคนไปศึกษาต่อต่างประเทศนี้ผมเคยให้ความเห็นไว้แล้ว (click)
ผมจึงมองว่าโครงการ Megaproject นี้เป็นการทำสงคราม ทั้งสงครามทางความคิด และสงครามทางการปฏิบัติในการพัฒนาระบบอุดมศึกษา และระบบวิจัย
การต่อสู้ที่ผมพอจะมองเห็น (คงจะไม่ครบถ้วน) มีดังนี้
1. การต่อสู้กับการทำวิจัยแบบคุณภาพต่ำ
ทำแบบไม่จริงจัง ทำหลอก ๆ
พอให้ได้ชื่อว่ามีการทำงานวิจัย
หรือเพียงเพื่อให้ได้ไปต่างประเทศ เพียงให้ได้เงิน
2. การต่อสู้กับระบบงานและการบริหารงานแบบเล่นพวก
เอาพวกพ้องเป็นหลัก
หรือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เป็นหลัก
ไม่สนใจเรื่องผลงาน ไม่สนใจคุณภาพของผลงาน
3.
การต่อสู้กับกระบวนทัศน์อุดมศึกษาแบบโรงเรียนมัธยมต่อยอด
ไม่ใช่อุดมศึกษาอย่างแท้จริง
ไม่ใช่อุดมศึกษาแบบเรียนรู้และสร้างความรู้
แต่เป็นอุดมศึกษาแบบสอนหรือฝึกอบรม
4. การต่อสู้กับกระบวนทัศน์ "อุดมศึกษาเอกภาพ"
ให้เห็นว่าอุดมศึกษาจะเป็นระบบเดียวไม่ได้
มหาวิทยาลัยไทยทุกแห่งจะเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยทั้งหมดไม่ได้
ในแต่ละประเทศจะต้องมีทั้งมหาวิทยาลัยวิจัย
มหาวิทยาลัยสร้างคน และมหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน
การวิจัยของมหาวิทยาลัยแต่ละกลุ่มจะต้องไม่เหมือนกัน
มีความเป็นเลิศคนละแบบ
มีระบบเข้าสู่ตำแหน่งวิชาการคนละแบบ
จะต้องต่อสู้เพื่อให้ผลประโยชน์ของประเทศในภาพรวมอยู่เหนือ
"ศักดิ์ศรี" ของมหาวิทยาลัยเป็นราย ๆ
5.
การต่อสู้กับกระบวนทัศน์อาณานิคมทางวิชาการที่ถือต่างประเทศเป็นศูนย์กลางหรือเป็นฐาน
คิดว่าศักดิ์ศรี
เกียรติยศคือการไปศึกษาต่อต่างประเทศ
ไปทำวิจัยต่างประเทศ
การทำตามแบบอย่างต่างประเทศ
โดยตนเองไม่มีความคิดของตนเอง ไม่เป็นตัวของตัวเอง
6. การต่อสู้กับความคิดว่า เครือข่ายกลยุทธทั้ง 20
เครือข่ายจะต้องมีโครงสร้างแบบเดียวกัน
มีกฎเกณฑ์กติกาที่เหมือนกันแบบพิมพ์เดียวกันหรือมีกฎเกณฑ์กติกาที่กำหนดเป็นการตายตัวของศูนย์กลาง
7. การต่อสู้กับศัตรู (หรือผู้หวังดี) ภายนอกที่มีมิจฉาทิฐิ
8. การต่อสู้กับศัตรูภายในคือ
ผู้ปฏิบัติงานเอง ที่อาจมีความเข้าใจผิด
ขาดทักษะบางประการ
หรือขาดความรู้ความเข้าใจบางเรื่อง
และที่สำคัญที่สุดความหลงตัวเอง หลงอำนาจ
ไม่ฟังคนอื่น
9.
การต่อสู้กับศัตรูที่ยังมองไม่เห็นตัวหรือไม่ปรากฎตัวในขณะนี้
แต่จะค่อย ๆ ดาหน้าเข้ามาหรือโผล่ตัวขึ้น
เมื่อทำงานไปเรื่อย ๆ
โดยต้องไม่ลืมว่าศัตรูที่ร้ายที่สุดคือตัวเราเอง
ในภาพรวม ผมมองว่าเป็นสงครามระหว่าง 2 ค่ายคือ ค่าย mediocre กับค่าย excellence โดยที่ตามธรรมชาติค่าย mediocre จะมีกำลังพลมากกว่า ทำอย่างไรอภิมหาโครงการนี้จะเป็นผู้กำหนด "ธรรมาธรรมะสงคราม" ที่ค่าย excellence เป็นผู้กุมอำนาจการจัดการและกุมการสร้างวัฒนธรรมวิจัย ให้ในที่สุดแล้วไม่ต้องบอกว่าใครเป็นค่ายไหน แต่ร่วมกันทำงานเพื่อประเทศไทย เพื่อการสร้างสรรค์ระบบอุดมศึกษาไทย โดยการที่เราช่วยกันทำงานด้วยฝีมือนักวิจัยนักวิชาการไทยเป็นส่วนใหญ่ ใช้พลังต่างประเทศบ้างแต่เป็นส่วนน้อยและใช้ตามข้อกำหนดของเราเอง
วิจารณ์ พานิช
16 ต.ค.48
ไม่มีความเห็น