บันทึกการอ่าน
ครอบครัวนักอ่าน
วันที่ 17ตุลาคม 2556
ครอบครัวของ เมเฟอร์ลิน อารสตี้
เรื่อง โรคขาดวิตามินเอ
วิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน พบมากในน้ำมันตับปลา ตับ ไข่แดง เขย พืชใบเขียวเช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผลไม้สีส้มเช่น ส้ม ฟักทองซึ่งมีสาร betacarotene ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ตับเป็นแหล่งสะสมของวิตามินเอ
สาเหตุของการขาดวิตามินเอ
- จากการขาดอาหาร โดยเฉพาะคนที่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก เนื่องจากข้าวมีวิตามินเอต่ำ
- ขาดวิตามินเอ เนื่องจากการดูดซึม การสะสม หรือกลไกการขนส่ง เช่นโรคท้องร่วงเรื้อรัง โรตตับอ่อนอักเสบ ท่อน้ำดีอุดตัน
- ผู้ที่รับประทานอาหารน้อย เช่นผู้ที่ดื่มสุราเรื้อรัง
- ผู้ที่ขาดฐาตุสังกะสีโดยมากพบร่วมกับผู้ที่ดื่มสุราเรื้อรัง
อาการของคนขาดวิตามิน เอ
ความรุนแรงของโรคขาดวิตามินเอขึ้นกับอายุ หากขาดวิตามินเอตั้งแต่อายุน้อยจะมีอาการรุนแรง
อาการทางระบบการมองเห็น
- ตาบอดกลางคืน Night blindness เด็กจะมองไม่ชัดในที่มืด ทำให้เด็กหกล้มง่าย
- ตาแห้ง ตาขาวจะแห้งมีรอยย่น เรียกสะเก็ดปลากระดี่ หรือ Bitot'spot การมองเห็นยังคงปกติ
- ตาวุ้น Keratomalacia ในระยะแรกกระจกตาจะแห้ง และขุ่น ต่อมาจะเหลวเหมือนลำไย เนื่องจากโปรตีนมีการติดเชื้อได้ง่าย
ระบบสืบพันธุ์
- มีการสร้างฮอร์ดมนเพศชายน้อยลง อัตราการผสมของไข่และเชื้อต่ำ และอัตราการเสียชีวิตในครรภ์สูง
ระบบการเจริญเติบโต
- ในเด็กเล็กจะมีการเจริญเติบโตช้า
- การขาดวิตามินเอทำให้การเจริญเติบโตของกระดูก กระดูดอ่อน ฟัน ช้ากว่าปกติ ทำให้เด็กมีการเจริญเติบโตช้า
ระบบภูมิคุ้มกัน
- การขาดวิตามินเอทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวที่ผิวหนัง ผนังลำไส้ และผนังหลอดลม จะติดเชื้อได้ง่าย และใช้เวลานานในการหาย
ที่ผิวหนังจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นตุ่มเรียก Follicular keratosis เนื่องจากมีการสร้าง keratin ที่รากขน
ทารกและก่อนวัยเข้าเรียน
- ทารกที่ไม่ได้กินนมแม่ หรือทารกที่กินนมแม่ แต่อย่านมแม่เร็วเกินไป แล้วเลี้ยงต่อด้วยนมอื่นๆ ที่ไม ่เหมาะสมกับวัย
- เด็กที่ ไม่ได้รับอาหารตามวัยเมื่อถึงเวลาอันสมควร เช่น ให้เด็กกินแต่แป้งกวน หรือข้าวต้มใส่น้ำตาลหรือเกลือ หรือกินข้าวกับน้ำแกงจืดโดยไม่ได้กินไข่ เนื้อสัตว์ ผักใบเขียวเข้ม ผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง รวมทั้งไขมัน
- เด็กที่เป็นโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด อีสุกอีใส ท้องร่วงเรื้อรังซึ่งมีความต้องการใช้วิตามินเอ ในปริมาณสูง
- เด็กที่เป็นโรคขาดสารอาหาร ประเภทโปรตีนและกำลังงานระดับ 1, 2 และ 3
- เด็กที่ไม่ได้รับบริการด้านสาธารณสุขที่เหมาะสม เช่น ไม่ได้รับบริการภูมิคุ้มกันโรคและไม่ได้รับการชั่ง น้ำหนักทุก 3 เดือน
เด็กวัยเรียน
- เด็กที่ขาดสารอาหารประเภทโปรตีน และกำลังงานและไม่ได้บริโภคอาหารที่มีวิตามินเอ
หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตร
- หญิงที่งดอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารพวกเนื้อสัตว์ และผักใบเขียวเข้ม ผักและผลไม้สีเหลืองหรือส้ม รวมทั้งไขมันระหว่างตั้งครรภ์และให้นมลูก
การวินิจฉัย
โรคนี้จะวินิจฉัยเมื่อเกิดอาการของโรคแล้วเท่านั้น สำหรับกลุ่มเสี่ยงเช่นสงสัยว่าจะขาดสารอาหาร หรือมีโรคท้องร่วงเรื้อรัง เราอาจจะเจาะเลือดตรวจหาระดับวิตามินเอ Plasma retinol ค่าปกติอยู่ระหว่าง 20-80 µg/dL ผู้ที่มีค่าอยู่ระหว่าง 10-19 ถือว่ามีค่าต่ำ ส่วนผู้ที่มีค่าน้อยกว่า 10 µg/dL ถือว่าขาดวิตามินเอ
การป้องกัน
เด็กที่เกิดในประเทศที่มีความเสี่ยง ควรให้วิตามินเอ 200,000 ยูนิตทุก 3-6 เดือนจนอายุ 4 ปี อาหารที่ให้ควรจะเป็นพืชใบเขียว ผลไม้สีเหลือง
ใครควรได้รับวิตามินเอเสริม
- องค์การอนามัยโลกแนะนำให้วิตามินเอเสริมแก่เด็กที่เป็นดรคหัดที่มาจากถิ่นที่มีการขาดวิตามินเอ
- โรค Celiac disease
- Crohn's disease
- โรคตับอ่อนเรื้อรังทำให้มีอาการท้องร่วง