กลอน (ที่ไม่ได้ล๊อค)


       "มองสังคม..ที่จมสงคราม"

            จากมุมปราชญ์ ทัศน์วิทยา มาแต่ก่อน

      ในยุคตอน เรานอนป่า เคหาถ้ำ

      ต้องต่อสู้ อยู่กับสัตว์ ปัดป้องปราม

      หวาดกลัวยาม ค่ำคืน ในผืนพง

            จึงต้องหา สรณะ มายึดถือ

      เป็นเครื่องมือ สื่อพลัง ดังประสงค์

      จึงปรุงแต่ง แหล่งเหตุ เจตจำนง

      นับถือองค์ ผู้เป็นเจ้า มาเข้าทรง

             ผู้สื่อสาร ผ่านองค์ ทรงพระเจ้า

      พอนานเข้า ก็เอากฎ เป็นพรตสงฆ์

      แบ่งชนชั้น ขานคนบ้าน ปั้นคนทรง

      เพื่อปลดปลง ผงธุลี ที่จิตใจ

             ในขณะ ปราชญ์ในเมือง  รุ่งเรืองทัศน์

      ช่วยกันพัฒน์ จัดมูลมุม เป็นกลุ่มสาย

      ทั้งกรีก ยุโรปจีน อินเดียไทย

      ช่วยกันไข ไล่เลียง ถกเถียงกัน

            ปัญหาหลัก นักปกครอง ต้องต่อสู้

      ส่วนเจ้ากู อยู่กับจิต พิจสังขาร

      ประชาราษฎร์ หวาดกลัว ตัวสั่งการ

      กลัวประหาร หวั่นสังคม ปมสงคราม

           นักปราชญ์ครู ผู้กล้า ท้าทายโลก

      ไม่ควรตก อุทกภัย ให้คนหยาม

       เสนอทัศน์ ขจัดปม อบรมธรรม

       เป็นผู้นำ ให้ล้ำกาล ไม่หวั่นไหว

            สังคมไทย ไหลหลง พงกิเลส

       นิยมเทศ นิยมทัศน์ ขัดกันใหญ่

       นักปกครอง ครองงำงบ พบกำไร

       แย่งชิงใจ ประชาชน พลเมือง

            นักธุรกิจ พิจเพ่ง เล็งแต่ผล

       มีแต่กล ยุทธศาสตร์ จนปราดเปรื่อง

       แสวงหา ล่าเหยื่อ เถือชาวเมือง

       กิจทุกเรื่อง เนืองนอง เรื่องร้องเรียน

             ข้าราชการ ย่านไหน ก็ไขว่คว้า

       แย่งกันหา ลาภยศ ก่อนปลดเกษียน

       อุดมการณ์ งานราชา น่าพากเพียร

       กลับแปรเปลี่ยน เวียนหา เงินตราแทน

            ทั้งตำรวจ หมวดทหาร ป้องบ้านเมือง

       เพราะมีเรื่อง เนืองนอง เต็มสองแขน

       ภัยภายใน ภายนอก หลอนหลอกแทน

       ที่เนืองแน่น แดนดิน ทั่วถิ่นไทย

            ประชาชน คนเมือง ก็เนืองแน่น

        ต่างแห่แหน เข้าห้าง หวังซื้อ-ขาย

        ต่างยื้อแย่ง แข่งขัน กันวุ่นวาย

        อีกเครือข่าย ในสื่อคือ สงคราม

             ส่วนกลุ่มเด็ก และวัยรุ่น วุ่นกับรัก

        บ้างเรียนหนัก บ้างรักเกม เต็มสยาม

        บ้างแต่งตัว ยั่วชาย ว่าใครงาม

        ยามมืดค่ำ ตามถนน ซิ่งยนต์กัน

            ด้านศาสน์ ก็อาดอืด มืดมนต์ศีล

        มีมลทิน ทุกถิ่นที สมีด้าน

        ทั้งปลุกเสก เลขหวย เทพช่วยดัน

        แย่งกินทาน งานจิต มืดมิดมุม

             ทรัพยากร ห่อนหาย ไปหลายที่

        ป่าไม่มี พี่น้ำมา หน้ามรสุม

        ท่วมท้น ทนทุกข์ ทุกชนชุม

        ต้องกลัดกลุ่ม รุ่มร้อน ตอนหน้าแล้ง 

             เมื่อมองตรง โครงสร้าง มหาภาค

        ทุกคนอยาก กอบโกย เพราะโหยแห้ง

        เมื่อคนมาก อยากเยอะ จึงยื้อแย่ง

        ทุกหนแห่ง จึงแปลงวง เป็นสงคราม

             ที่สะท้อน เป็นกลอนสื่อ คือ คนไทย

        เริ่มเพี้ยนไป หลายอย่าง ต่างสยาม

        ไทยฆ่าไทย ใจสิ้นเชื้อ (ไทย) ไม่เหลือธรรม

        คือสงคราม น้ำตา น่าเศร้าใจ

 

            โดย ส. รตนภักดิ์- ๒๕๕๖

   

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #สังคม#สงคราม#ไทย
หมายเลขบันทึก: 553678เขียนเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2013 20:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2013 18:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท