เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หายใจทิ้งไปเปล่าๆบ้าง ทำประโยชน์บ้าง แล้วแต่ว่าวันนั้นจะมีอะไรเข้ามา ที่ผ่านมารู้สึกเหนื่อยมากกับสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ความเป็นแม่นี่ใหญ่หลวงจริงๆ เราต้องทำให้ได้ทุกสิ่งเป็นให้ได้ทุกอย่าง และต้องทำด้วยหัวใจ
เวลาที่ภาระกิจใหญ่หลวงก็เข้ามาถึง ฉันต้องเดินทางไปแสวงบุญที่อินเดียตามหลักสูตรค่ายต่างประเทศของโรงเรียนสยามสามไตร ที่ลูกสาวเรียนอยู่ พวกเพื่อนๆแม่ของลูกในห้อง ต่างทำกิจกรรมต่างเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะ เราเตรียมหาเงินกันมาเป็นปี เพื่อพาลูกชายไปบวชเณร ลูกสาวไปบวชเป็นเขมจาริณี ณ สังเวสนียสถาน ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ภายใต้การนำของ
พระราชรัตนรังษี ( ว.ป.วีรยุทโธ)
-พระธรรมฑูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล
-เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ประเทศอินเดีย
-เจ้าอาวาสไทยลุมพินี ประเทศเนปาล
ที่ท่านช่วยบวชโกนผมลูกเณร ท่านให้การต้อนรับอย่างดี ทำให้รู้สึกถึงความเมตตาและซาบซึ้งท่านมาก ท่านได้สอนพวกเราทั้งคณะให้คติและยังมีมุขตลกให้พวกเราหัวเราะได้จากความเป็นกันเองของท่าน
ที่เราไปกันนั้นประกอบด้วยพระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร วัดจากแดง และพระอาจารย์อีกสองรูป ซึ่งมีความรู้ขั้นสูง นำพาพวกเราไปสู่อินเดียและเนปาล
หลังจากที่บวชลูกๆใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้ว เราปลื้มปิติกับเณรน้อยที่เดินตามพระเรียงแถวตามด้วยชุดขาวห่มสไบขาวของลูกสาวเขมจาริณี เล่นเอาพวกแม่ๆน้ำตาไหลนับเป็นความปลื้มปิติที่ยากที่จะบรรยาย ทำให้แน่ใจว่าลูกๆทั้งหมดเขาคือลูกของเราไม่แบ่งลูกใครเป็นลูกใคร
การเดินทางไปยังสังเวสนียสถานต่างๆในประเทศอินเดียนั้นเราไปกันด้วยรถโค้ช3คัน แต่ละคันมีพระท่านคอยให้ความรู้เราตลอดทาง แอบทึ่งในความรู้ที่พระท่านมีท่านบรรยายไปตลอดทางหลายชั่วโมงได้อย่างไม่น่าเบื่อ บางวันเราต้องสวดมนต์ทำวัตรเย็นกันในรถ บทสวดมนต์ต่างๆพระท่านนำและเราสวดไปพร้อมกัน
ระหว่างทางมองไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวอินเดียช่างต่างจากชาวไทยเหลือเกิน อินเดียอยู่กับธรรมชาติล้วนๆ ร้านค้าเล็กๆ ผู้หญิงทำหน้าที่เลี้ยงลูกทำงานบ้าน ส่วนผู้ชายทำหน้าที่ออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว
วิถีชีวิตที่เรียบง่ายยังมีให้เห็น ร้านตัดผมทำกันแบบง่ายๆคือมีช่างกับมีดโกนเท่านั้น ร้านน่ะหรือคือเสื่อปู มีม้านั่งตัวเล็กๆเพียงตัวเดียวให้ลูกค้านั่ง ช่างก็เป็นผู้ชายแสดงฝีมือกันล้วนๆ หล่อด้วยคมมีด
ถ้าอยากทานขนมของกินเล่น ก็จะมีร้านที่เราไม่แน่ใจว่านั่นคือร้านหากไม่เห็นสินค้าเพราะเขาสร้างด้วยไม้อัดเป็นเพิงสี่เหลี่ยมมีหลังคากว้างยาวประมาณ1เมตร เท่านั้น มีสินค้าไม่เกินสิบอย่างห้อยโตงเตง
ชาวอินเดียปลูกข้าวไว้กินเองหลังบ้าน ปลูกผัก ไร้สารพิษเพราะเขาไม่มียาใดๆมาฉีดทั้งนั้น มีแต่ปุ๋ยคอกจากคนและวัว
บ้านแต่ละหลังเล็กๆเก่าๆจะมีสิ่งหนึ่งแปะเรียงเป็นระเบียบคล้ายคุ้กกี้สีเขียวอมเทา...ใช่แล้วนั่นคือขี้วัวนั่นเอง ชาวอินเดียนำมาผสมและแปะฝาบ้านเพื่อตากแดดให้แห้งใช้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี พระท่านเล่าว่าใช้เป็นถ่านย่างอาหาร อร่อยมาก เป็นที่ติดอกติดใจของผู้ที่ได้ชิม อืมมมม....น่าลอง
ตลอดทางจะเห็นเด็กๆตัวเล็กผิวคล้ำแต่หน้าตาคมคาย อุ้มน้องเล็กๆเดินไปเดินมา ถ้าพวกเราลงไปเราจะกลายเป็น "มหารานี "ที่มีเด็กวิ่งตามเป็นโขยงเพื่อขอเงิน
ฉันกลายเป็น "มหารานี" ตลอดสิบวันที่ไป เมื่อก้าวลงจากรถจะมีผู้ชายถือสินค้าวิ่งเข้ามานำเสนอแด่มหารานี
จะตอนไหนก็ไม่ว่าหรอก แต่ตอนที่เราปวดฉี่ มหารานีต้องลงทุ่ง เดินอย่างระมัดระวังเพื่อเสี่ยงต่อการเหยียบอึที่ใครไม่รู้ปล่อยไว้กองใหญ่ เมื่อหาที่เหมาะๆมหารานีและเพื่อนๆก็ค่อยๆถลกผ้าถุงทำเป็นสุ่มคลุมปลดทุกข์ แรกๆยังไม่ชินปวดอย่างไรก็ฉี่ไม่ออก หันไป อ้าว!....หม่อมหลวงท่านก็ตีโป่งลงทุ่งเหมือนกัน บัดนั้นก็ปลดทุกข์ได้ ณ บัดดล
เราลงทุ่งกันหลายครั้งเพราะ 8 ชั่วโมงกว่าจะถึงเนปาลกับเส้นทางอันเป็นหลุมเป็นบ่อ หัวสั่นหัวคลอน. เพื่อนๆลงทุ่ง เราก็ลงด้วย คราวนี้เจอของดี โชคดีที่ไม่เอาผ้าถุงไปคลุม มิเช่นนั้น จะหายามาทาคงไม่หาย...เพราะข้างหน้าที่เหลือบไปเห็นระยะห่างแค่สองคืบ นั่นคือ"ต้นหมามุ่ย" ที่กำลังออกฝักอย่างสวยงาม....เกือบไปแล้วมหารานี!!!
ระยะทางยังอีกไกล รวมทั้งสิ่งดีๆที่ได้รับมา ยังบรรยายถ่ายทอดไม่หมด แต่จะค่อยๆเขียนถ่ายทอดออกมา เพราะสิ่งดีๆนั้นน่าจดจำตราตรึงไว้ในใจ และอยากให้หลายๆคนได้สัมผัสถึง รอนะคะ...
ไม่มีความเห็น