ต้องไปโรงพยาบาลที่เรียกชื่อว่าสถานบริการพิเศษตั้งแต่เช้า เพื่อจะเอาคิวตรวจตอนบ่าย เพราะว่าทางโรงพยาบาลยกเลิกวิธีการโทรขอคิวเหมือนทุกครั้ง.ก็อยากได้คิวตรวจก่อนก็ต้องไปตั้งแต่สิบโมง แล้วก็เตร็ดเตร่ ดูหัวขาวหัวดำที่บ้างนั่งบางยืนรอ นับไปนับมาตามประสาคนชอบตัวเลข ก็พบว่า จำนวนหัวขาวต่อหัวดำเกือบ 1 ต่อ 5 คน
ในใบนัดตรวจให้ไปรอตรวจได้ 13-14 น ก็ไปนั่งหลับ หลับสัปหงกเกือบตกเก้าอี้ ตื่นมา เกือบ 14 น หมอมาแล้วถึงตา ไร้นามล่ะ
เข้าไปถึงรีบยกมือไหว้นอบน้อม เพราะรู้ว่าหมอไทยชอบให้คนไข้ทุกวัยนับถือหมอกระดกคางเร็วๆต้อนรับ มีคนสั่งมาว่า ไปหาหมอไทยอย่าชักช้า ถ้าหมอทำท่าว่าเห็นเราแล้วให้รีบบอกว่ามาทำไม ถูกสอนมาอย่างนี้ พอหมอกระดกคางรับ ก็เลยรีบอธิบายสาเหตุที่ต้องมาโรงพยาบาล ได้พูดอยู่สองประโยค หมอพยักหน้า แสดงว่าน่าจะเข้าใจที่พูดแล้ว เพราะว่าเซ็นยาและยื่นให้เจ้าหน้าที่
เดินมาจ่ายเงินอย่าง งง งัน เจอหมอ 1 นาทีจ่ายค่าหมอ 150 บาท ค่าบริการ 100 บาท ค่ายาต้องไปจ่ายอีกที่
เดินเข้าลิฟท์อย่าง งงๆ มีกลุ่มหมอและอาจารย์หมอเข้าลิฟท์มากลุ่มใหญ่ นินทาคนไข้ ด้วยภาษาอังกฤษ คงคิดว่า หัวขาวที่ยืนตรงกลางฟังไม่รู้เรื่อง หรือไม่มีตัวตนตรงนั้น เพราะว่าน้ำลายรดข้ามหัวขาวไปมา
ระหว่างที่มารอจ่ายเงินค่ายา รอยา อยากเขกหัวตัวเอง โธ่เอ๋ย “ไร้นาม” ใช้การไม่ได้จริงๆ
มาโรงพยาบาลยังแบกเอาเรื่องอายุ เรื่องวัฒนธรรมมาด้วย ลืมตัวว่ามาวันนี้สวมหมวก “คนไข้” ดูซิ ยังจะไปเพ่งโทษ คนอื่น
อันที่จริงต้องคิดว่ามาโรงพยาบาลคือการได้อาศัยของจริงเห็น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็นทุกข์ เห็นความเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ต้องสำนึกว่าอโรคา ปรมาลาภา จะได้เร่งฝึกตัวเองให้รู้ทันทุกข์ แต่กลับไปเพิ่มทุกข์ในใจด้วยอัตตาของตัวเอง.....
วันนี้ไร้นามนับว่าไร้สติจริงๆ..ต้องปรับปรุงตัวเองอีกมากๆ
คุณไร้นามคะ
ไร้นามไม่นิยมไปโรงพยาบาล เพราะส่วนหนึ่งคือ เห็นการแออัดยัดเยียดแล้วทุกข์ใจ ทำไมผู้คนถึงป่วยมากมายนัก
อีกส่วนหนึ่งเพราะมัวแต่ห่วงอัตตาตัวเอง เวลาใครเขาพูดไม่เพราะก็ไปคาดหวังให้เขาพูดด้วยดีๆ มีมารยาทดีๆ ไปต้องการอารมณ์คนอื่น แทนที่จะทำสติของตัวเองให้รู้ทันอารมณ์ของตัวเองเสีย
เมื่อวานไร้นามจ่ายค่าหมอ ค่าบริการด้วยความ งง และความโกรธ
เมื่อคิดได้ ก็พบว่า 250 ที่จ่ายไปและค่ายาอีก 259 นั้น คุ้มกับการที่ได้เห็นทุกข์ เห็นอัตตาของตัวเอง(และผู้อื่น) ไร้นามจ่ายให้กับค่ามารยาทที่อาจารย์หมอที่ตรวจและกลุ่มอาจารย์หมอและหมอในลิฟท์ แสดงให้เห็นเป็นเชิงประจักษ์ จ่ายค่าแอร์ ค่าลิฟท์ ค่าได้ไปร่วมทุกข์กับคนอื่น ...เห็นไหม..จ่ายนิดเดียวได้อะไรๆ กลับมาสอนตัวเองตั้งเยอะ
เรียนรู้...นี่หละครับระบบบริการสุขภาพ ที่ไม่เห็นคุณค่าของมนุษย์
ปรากฏการณ์ที่คุณไร้นามประสบ บอกบางอย่างให้สังคมได้ดีเลยครับ
ดูแลสุขภาพตัวเองมากๆครับ ป่วยแล้วทุกข์แบบนี้เอง
ทุกข์จากการป่วย + ทุกข์ ฯลฯ
นิ่ง...และคิดว่าเราตัวเท่ามด...
เราก็จะไม่ทุกข์ไปตามอัตตาที่มี...
...
และเราก็จะสนุกกับการได้มองเห็น "มนุษย์"...
คุณจตุพร
ไร้นามไปโรงพยาบาลอีกแล้ววันนี้ แต่ไปส่งคนอื่น วันนี้ไร้นามถอดอัตตาออก...แล้วแอบมองคนอื่น...มีอะไรที่ควรเรียนรู้ในการฝึกตนเองอีกเยอะเลย
Dr Ka-poom
ไร้นามเรียนรู้ในสองวันนี้ว่า
อัตตานี่มันพองก็ได้ แฟบก็ได้ ทั้งๆที่จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น ดมก็ไม่มีกลิ่น ไม่มีเสียง
แต่พอมันหลบเข้าไปอยู่ในตัวคน มันก็สำแดงเดช
หน้าตาบอกให้เห็น อารมณ์ส่งกลิ่น เสียงดังใช้พื้นที่มากกว่าคนอื่นในการยืนการเดินการนั่ง...
ต้องเค้นมันออกไปจากตัวเองให้ได้ ก่อนที่ตัวเองจะระเบิดเป็นอึ่งอ่างท้องแตกตายเพราะต้องการแสดงความเก่งอย่างนั้น
อัตตา...
คือสิ่งที่ถอดถอนออกจากตนมานาน...เพราะไปพบกับคนที่มักมีอัตตา...เพราะความไม่มีอัตตานี้..ทำให้ได้เรียนรู้ "มนุษย์"...ปฏิบัติต่อเรา...เชื่อเถอะ อัตตานี้ร้ายนัก... บางครั้งอาจทำให้เราไม่พบของแท้...จริง...ได้
...
เมื่อแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า...
เราจะรู้สึกว่าตัวเรานั้นเล็กนิดเดียว...
แต่มนุษย์...ก็มักชอบทำตัว "พอง"...ใหญ่คับฟ้าอยู่เรื่อยไป...
...
เตือนตนเสมอ
กะปุ๋ม
พออัตตาสูงใหญ่ ใจก็แคบหดลง
พอดีดอัตตาทิ้ง ใจก็พองแทน
แต่เจ้าอัตตาก็เหมือนกับเงา จะดีดก็ดีดได้ไม่นาน วกวนมาคอยหาช่องเข้าตัวอยู่เรื่อย
ไร้นามคอยเตือนตน แต่ก็เตือนยากจัง
อยากมีคนคอยเตือนใกล้ๆ ทุกวันๆๆๆ..(อ้อนอีกแล้ว)