ผมจะได้งานทำแล้ว - ๑


*นานๆเข้ากรุงเทพฯสักครั้ง ไปไหนแทบไม่ถูกจริงๆ ดีว่าได้อาศัยรถเพื่อนและรถแท็กซี่..มิฉะนั้นคงต้อง..หลงกรุง..

อายนายแดเนี่ยลตายเลย.

 

โตนี่ฟางเองครับ..ตอนที่ยังรับราชการอยู่.  แถวท่าเรือแม่เผือก.                  

ยังเช้าอยู่เลยครับ  เพราะเพิ่งจะแปดโมงเศษๆเท่านั้น..เรานั่งดื่มกาแฟรอเวลาแล้วจึงเดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อจะไปชั้นที่ห้าตามนัด..ผมแสดงความเด๋อออกมาโดยไม่รู้ตัว..แต่เรามิได้อายใครเพราะไม่มีใครกล่าวหาว่า “เป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุง”  ถ้าใครกล่าวหาผมจะไม่โกรธและอยากบอกกลับไปว่า..จริงๆแล้วเราเป็นคนกรุงเทพฯ..แต่ออกไปอยู่บ้านนอกเอง..ผมจบที่วัดธาตุทองครับ อยู่บ้านพักตำรวจซอยเฉลิมลาภมาตลอด..นางจิ๋วก็เป็นสาวแถวเกียกกายนี่เอง ! เออบ้านนอกตรงไหน ?   เราเดินมาหน้าลิฟท์ ผมเห็นคนไปออกันหน้าลิฟท์ตัวนั้นมากกว่าเพื่อน   เราเลยเดินเข้าไปพร้อมกับกลุ่มนั้น มีสาวคอยกดว่าใครจะไปชั้นไหน ? ชั้น ๕ ครับ..ปรากฎว่าทุกคนเงียบกันหมด..สาวคนนั้นอธิบายว่า..คุณต้องไปขึ้นที่โซนโน้น โดยจะต้องออกจากลิฟท์ที่ชั้น ๑๘  แล้วกดลงไปที่ชั้น ๕ ผมเข้าใจและรีบออกมา. มิได้อายหรอกครับเพราะทุกคนคงรู้ว่าเราต้องมาจากต่างจังหวัดแน่ๆ..ผมหิ้วกระเป๋าเดินทางมาด้วย..จึงไม่มีใครตำหนิ. เอหรือมีคนตำหนิในใจ ? ช่างเถอะครับ..นินทากาเลเหมือนเทแกลบ..ผมมิได้เจ็บหรือแสบเลย. ผมรีบมาเข้าลิฟท์ที่โซนดังกล่าวแล้วมาลงที่ชั้น ๕ จึงพบว่า..มีคนมาสมัครงานกันมากหน้าหลายตา..ทั้งหญิงและชาย. มีทุกวัย.. ที่สำคัญผมอายุมากที่สุด..ถ้ามีรางวัลผมคงได้รางวัลแก่สุดเป็นแน่..อ๋อ..เพื่อนบอกว่า สูงวัยต่างหาก.เราเดินเข้ามาในสำนักงานจึงพบว่า..มีจนท. สาวนั่งหน้าโต๊ะทำงานถามว่ามาพบใครค๊ะ ? ผมบอกว่า มาพบตามที่คนชื่อ ออมมิ หรืออุ๋มหรือออมนัดสัมภาษณ์งานไว้..เธอจำได้เพราะได้ตอบเมลกันมาก่อน.ผมถือโอกาสนำของฝากออกมาให้เธอเลือกและถามว่ามีเงินไหม ? เธอมิได้สงสัยอะไรและถามว่าเท่าไร ? ผมจึงตอบไปว่าการให้กระเป๋าสตางค์หรือ กระปุกออมสินมีเคล็ดอยู่ว่า..ห้ามมิให้กันเปล่าๆ จะต้องเรียกเงินจากผู้รับแล้วนำมาใส่ไปในกระปุกหรือกระเป๋าที่จะซื้อให้..ไม่ทราบว่าเป็นเคล็ดหรือไม่ ? แต่ที่ผมเรียกเงินจากผู้รับเพราะไหนๆผมก็จ่ายค่าของไปแล้ว  เงินออมควรจะเป็นของเจ้าของหรือผู้รับ..ถูกหรือไม่ ? คิดเอาเองน๊ะครับ.จากนั้นเธอให้เขียนใบสมัคร พอนำใบสมัครมาส่งเธอแจกเอกสารเพื่อทดสอบภาษาด้วยการ  แปลไทยเป็นอังกฤษและอังกฤษเป็นไทยอย่างละ ๒ ข้อ ที่เหลือเป็นแบบเลือกตอบ. จำไม่ได้แล้วว่า..กี่ข้อ ? จากนั้นนั่งรอเพื่อจนท.จะมาเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์ ผมถูกเรียกเป็นคนที่สาม. เริ่มจากการสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยก่อน. พอเดินเข้าห้องมีจนท.สาวมาบอกว่าจะต้องถ่ายรูปก่อน..เธอนำหมายเลขมาติดที่กระเป๋าเสื้อ ถ่ายผม ๒-๓ ภาพแล้วเดินหายไปจากห้องสองสามนาทีและกลับมาอีกครั้ง.คราวนี้ผมถามเธอว่า..คุณเป็นคนสัมภาษณ์หรือครับ ? ใช่ค่ะเธอตอบ..ผมจึงกล่าวสวัสดีครับไปตามมารยาท..แล้วเธอก็เริ่มถามไปเรื่อยๆเช่นทำงานที่สุดท้ายที่ไหน ? สาเหตุที่ออกจากงาน       เป็นต้น ใช้เวลาสัมภาษณ์น่าจะประมาณ ๘ - ๑๐นาทีครับ.เธอกลับมาพร้อมนสพ.และบอกผมว่า..

 

ขยันหยอดน๊ะ..จะได้เต็มเร็วๆ.  ภาพบนนั้นไม่ใช่หัวหน้าผมหรอกครับ.

กรุณารอสักครู่จะมีจนท.มาสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ. ผมอยากเดาว่าหลายคนคงจะกำลังเกี่ยงกันว่า..ใครจะเป็นผู้ทำการสัมภาษณ์ลุงคนนั้น ? ผมคอยเกือบสิบนาทีจึงมีหนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งเดินหลงเข้ามา..พอลงนั่งหน้าโต๊ะผมกล่าวสวัสดีเป็นภาษาอังกฤษก่อนทันที..พี่แกยังคงจะงงอยู่ ฟังสิครับดันพูดภาษาไทยกับผมว่า..คุงพูกภาษาอังกิดด้ายหมาย ? ผมตอบทันทีว่า.ไอแอมเรดดี้ฟอร์อินเทอร์วิว.เขาบอกว่าให้ผมแนะนำตัวเอง และงานที่ผ่านมา..เสร็จผมสิครับ..ก็แหมผมอุตส่าห์ท่อง และซ้อมมาตั้งหลายครั้ง..ทั้งที่บ้าน และระหว่างเดินทาง.ผมเป็นผู้พูดครับ..พี่ยุ่นคอยจดเป็นภาษาญี่ปุ่นลงบนเอกสารเท่านั้น..ก่อนจากกันผมยังให้นามบัตรไปด้วยน๊ะ..ผมบอกด้วยว่า ถ้าไปเที่ยวแถวพัทยาให้โทรหาผมบ้าง..ผมจะพาเที่ยวในย่านนั้น..พี่แกรับปากแต่โดยดี..จบการสัมภาษณ์แล้วหลายคนที่เขียนใบสมัครพร้อมผม.ยังเขียนไม่เสร็จเลยก็มี..บางคนยังเปิดหาคำศัพท์จากมือถือก็มี..แล้วจะทำงานกับคนต่างชาติไหวเหรอตัวเอง ? การสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการจบลง และถือได้ว่า..ผมประสบความสำเร็จเพราะ..ทางจนท.ถามว่าผมพร้อมเริ่มงานเมื่อไร ? วันศุกร์นี้ผมตอบ ทางบริษัทจะส่งไปทำที่โรงงานแถววังน้อย อยุธยา.  ผมรีบปฎิเสธไปพร้อมกับแจ้งว่า..อยากได้งานแถวมาบตาพุดและแหลมฉบังเท่านั้น..ออกจากบริษัทแล้วเราลงมาชั้นล่าง เพื่อนผมนำรถเก๋งส่วนตัวของเขามารับแล้วข้ามไปฝั่งธนฯทันที หลังจากจองตั๋วกลับเที่ยวหกโมงเย็นเสร็จแล้ว   ศรีภรรยาแยกไปเยี่ยมน้องสาวที่วัดท่าพระ   เพื่อนพาผมไปแวะดื่มและคุยกับเพื่อน. อดีตหัวหน้ากกต. ขอเอ่ยนามหน่อยว่าชื่อนายชัยณรงค์ เทียนมงคล. จริงๆแล้วมียศจ่าเอก แต่เพื่อนผมไม่ยอมใช้.เหล้าเรดหมดไปครึ่งขวด   ถึงเวลากลับมารับศรีภรรยาแล้ว..เพื่อนมาส่งที่ท่ารถทหารเรือ  ผมให้ค่าน้ำมันรถเพื่อนไป ๕๐๐ บาท  ผมชอบใจเพื่อนที่เขาบอกว่า..เฮ้ยกูเอาน๊ะ..เงินไม่ค่อยมีอยู่ด้วย. ผมบอกไปว่าถ้ามาแท๊กซีี่ผมก็ต้องเสียเงินอยู่ดี ให้เพื่อนจะเป็นไรไป..เราจากกันด้วยดีครับ.ประมาณสามชั่วโมงต่อมา..เรามาลงรถที่สัตหีบ  นายแบ๊งค์นำรถมารับแล้วส่งกลับบ้าน..จากนั้นเป็นต้นมาผมยังคงร้องเพลงรอ..รอไปเช่นเดิม..ไม่คิดว่าจะมีใครเรียกไปร่วมงานเลยครับ แต่ผมยังดื้อเปิดเมลสมัครไปเรื่อยๆ ทั้งที่ศรีภรรยาบ่นเสมอว่า..แก่ป่านนี้แล้วใครจะรับ ? คงไม่อยากเอาไปทำปุ๋ยกระมัง.ผมต้องยืมคำพูดเพื่อนนอรเวย์มาพูดกับเธอว่า..ไม่รับก็ไม่เป็นไรเพราะเรามิได้เสียอะไรเลย..นอกจากกดเอ็นเตอร์เท่านั้น ! แสตมป์..ซอง..กระดาษ..น้ำหมึกก็ไม่ต้องเสียเลยนี่นา..จริงๆแล้วงานต่างๆนั้นผมยังสามารถทำได้ครับ.แต่มาติดที่หลายบริษัทจำกัดอายุบ้าง..ต้องจบป-ตรีบ้าง. จึงยังไม่ได้งานใดใด ? วันนี้ผมกลับจากร.พ. มาเปิดตามผลงานที่สมัครไปอีก..มีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามสิครับว่า..

 

โตนี่ฟางกับฉากที่ทำงานแห่งแรก. หลังออกจากกองทัพ.

พร้อมที่จะทำงานหรือไม่ ? เป็นจนท.ประปาแถวพื้นที่สัตหีบ ต้นทางบอกว่าเงินเดือนไม่มากนัก..แค่ ๑ หมื่นบาทแต่ถ้าทำนอกเวลาจะมีโอทีให้..ผมรีบรับปากทันทีเพราะที่ทำงานใหม่.อยู่ห่างบ้านไปเพียงประมาณ ๕ ก.ม.เท่านั้น ค่าน้ำมันรถน่าจะประมาณ  ๒ – ๓ พันบาทต่อเดือนก็คงเหลือเจ็ดพัน ให้ศรีภรรยาสักสามพันบาทเก็บไว้เองสี่พันก็ถือว่าหรูแล้วล่ะครับ. เงินบำนาญจะได้นำไปใช้อย่างสะดวก..แท้จริงผมมิได้อยู่นิ่งเฉยหรอกครับ อุตส่าห์หาเอกสารเกี่ยวกับสารเคมีต่างๆที่นำไปใช้กับน้ำประปา นำมาอ่านประดับความรู้ พอเลยเดือนตุลาคมมากว่า ๑๐ วันผมแน่ใจว่า..สิ้นหวังเสียแล้ว..เปล่าเลยผมมิได้เสียใจใดใด ? เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีใครตาถึงนำผมไปทำปุ๋ย..แต่ท่านคงเคยได้ยินเสมอๆว่า..ความพยายามอยู่ที่ไหน ? คงพบกับความหวังบ้างน่า..คืนหนึ่งผมเข้าไปหางานตามเน็ทอีกครั้ง. ไม่เคยเข็ด. เสี่ยงสมัครไปเรื่อยครับ. ต่อมา...ผมได้รับเมลตอบกลับแต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะ เมลนั้นเขียนมาแบบไม่น่าจะมีความหวังใดใดเหลือไว้เลยเพราะ..ไม่มีแม้แต่ชื่อ..เบอร์โทรกลับ แถมยังถามมาเสียด้วยน๊ะว่าผมต้องการเงินเดือนเท่าไร ? ไม่อยากเชื่อสิครับ. ใครว่าเลข ๑๓ เป็นเลขที่ไม่ดีแต่ผมไม่อยากเชื่อเพราะ บ่ายวันที่ ๑๒ ขณะที่กำลังพักผ่อน มีคนโทรมานัดผมเพื่อไปเจรจาเรื่องงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ ให้ไปพบในเช้าวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ นี้. เพื่อต่อรองค่าตัวในตำแหน่งงาน  แม้ชื่อและตำแหน่งออกจะไม่น่าฟังนัก   แต่เมื่อมีคนมาจ้าง.ผมก็ไม่ปฎิเสธ ผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทรปภ.แห่งหนึ่งในภาคตะวันออก ดำเนินการโดยนายทหารใหญ่ท่านหนึ่ง.สรุปแล้วผมได้เริ่มงานใน๑๖ ตุลาคมที่จะถึงนี้แน่นอน เพราะจะเริ่มการตัดเงินวี๊คใหม่  เอาก็เอาสิครับ. แหมยังจะมาเลือกอีกทำไม ? ผู้การท่านอุตส่าห์ให้ผมพิสูจน์ฝีมือแล้วนี่นา  นอกจากจะได้งานแล้วผมยังหวังที่จะได้นำเรื่องต่างๆที่ประสบมา..ในเรื่องของรปภ.มาให้ท่านได้อ่านกันอีก จะดีหรือไม่ ? โปรดติดตามกันต่อน๊ะครับ ตอนนี้ขอพักผ่อนและเตรียมไปศึกษาเส้นทางเสียหน่อย เพื่อจะได้ไม้เคอะเขินในวันที่ต้องเริ่มงานวันแรกอีกครั้ง.

หมายเลขบันทึก: 552872เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2013 11:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2013 11:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ทำงานแล้วมีความสุข รู้สึกว่าเวลามีคุณค่าค่ะ

ทำไปเถอะค่ะ สนุกดีค่ะ

แรกๆก็แทบแย่เหมือนกัน พอเวลาผ่านไป เขาคงเข้าใจว่าผมเป็นคนทำงาน จึงได้คะแนนท่วมทัน มีคำชมทั้งเอกสารและวาจา

ตอนนี้เริ่มเข้าที่แล้วครับ ผมชอบมากตรงที่ไม่มีการตอกบัตร..

เครื่องตอกบัตรไม่มีความหมายสำหรับคนที่มีใจทำงานค่ะ 

ยินดีด้วยค่ะ 

ดีใจ ๆ ๆๆๆๆ ที่ได้อ่านบันทึกของคุณโตนี ฟางอีกจ้ะ

ดีใจ...และเป็นกำลังใจนะคะ

ดีใจด้วยค่ะ คนเก่งประสบการณ์เยอะด้วย ขอให้กำลังใจค่ะ

 

ขอบคุณทุกความเห็น และทุกท่านที่แวะมาด้วยความตั้งใจ หรือบังเอิญก็ตาม. ผมจะนำเรื่องสนุกๆในสนามก๊อล์ฟที่ผมมาทำงาน

ได้ ๑ เดือนพอดี มาลงในบล๊อคเพื่อให้ท่าน..ได้อ่านอย่างเพลิดเพลินกัน. แม้จะมิได้เป็นแบบโฮลอินวันก็ตาม.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท