บทความในใจ (๑)
เมื่อมีคนถามข้าพเจ้าว่ามีความเห็นอย่างไรต่อ พรบ.นิรโทษกรรม ข้าพเจ้าก็บอกไปว่า "ไม่เห็นด้วย" ... ถ้าข้าพเจ้าเห็นด้วยก็ไม่ต้องเอาศีลธรรมแล้วสิ
ก็คงไม่ต้องรักษาศีลแล้ว...
ทำให้นึกถึงกระบวนการบ่มเพาะหัวใจที่ไร้ศีลธรรมในวัยเด็ก ...
หลายๆ ครั้ง หลายเหตุการณ์ หลายๆ ประสบการณ์ ที่ได้เรียนรู้ จะเห็นได้ว่าโลกเราเร่งบ่มเพาะความ "ไร้ศีลธรรม" อย่างมาก
เด็กที่ทำผิด จะไม่ได้รับการช่วยเหลือให้แก้ไข หากแต่กลับได้รับการกลบเกลื่อนและปิดการกระทำผิด เด็กจึงไม่รู้จักว่า "ศีลธรรม" คือ อะไร ดังนั้นข้าพเจ้าก็คาดเดาเอาว่า ผู้ใหญ่ที่ปกป้องเด็กนั้นหัวใจก็ไม่ได้รู้จักรู้ซึ้งถึงศีลธรรมเลย
มีเด็กและเยาวชนมากมายหลายคนที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตข้าพเจ้า และก็ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะใสบริสุทธิ์ มีมากมายเลยที่ทำผิด อาทิเช่น เด็กติดตามเสพติด เด็กที่ต้องคดีในศาลเด็ก หรือเด็กที่ถูก abuse จากครอบครัวและฝังลึกความรุนแรงในจิตใจ...แต่การที่เขาเข้ามาหาเรา เรามีหน้าที่ช่วยหรือนำพาเขาให้รู้จักทางที่ถูก(สัมมาทิฐิ) ไม่ใช่ไปโอบกอดกลบเกลื่อนสิ่งที่ผิด เพราะการกระทำผิดหลักศีลธรรมนั้นหากผู้ใหญ่ไม่ชี้ เขาจะไม่รู้จัก ... คำว่าศีลธรรมเป็นเช่นไร แล้วเขาก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้ศีลธรรม และร่วมกันบ่มเพาะโลกแห่งความไร้ศีลธรรมต่อไป
เหตุการณ์ของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ ภาพสะท้อนของบุคคลมากมายที่ถูกหล่อหลอมบ่มเพาะให้เติบโตอย่างปราศจากศีลธรรม
ดังนั้น ตราบที่ข้าพเจ้ายังมั่งคงบนเส้นทางแห่งศีลธรรม ข้าพเจ้าจึงย่อมไม่เห็นด้วย .... แต่การแสดงออกซึ่งท่าทีต่อความไม่เห็นด้วยนั้น ก็ใคร่ครวญไปตามเหตุปัจจัยที่เหมาะสม ...
ปรากฏการณ์นี้ ไม่แน่ใจว่า ในหัวใจของใครอีกหลายๆ คนจะเกิดการตระหนักรู้มากน้อยเพียงใด ก็สิ่งที่เกิดว่า "โลกเรานี้ศีลธรรมดับลงไปทุกทีทุกที"
...
๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖
ไม่มีความเห็น