ก่อนไปงานบุญให้ร่างอันไร้วิญญาณของคุณปู่ของลูกสาว 1 สัปดาห์
เราได้กลับไปบ้านไร่บ้านป่าของเรา พบเห็นกะทกรกพืชใบเดี่ยว
ขึ้นเต็มรั้วเบียดยอดตำลึงตกขอบรั้วลวดหนาม
นับเป็นสมุนไพรตำรับรักษาโรคปวดขาที่หาได้ไม่ยาก
ยาแก้ปวดขาแบบบ้านป่าภูมิปัญญาพื้นบ้าน.docx
กะทกรกป่า
ที่มา: http://www.the-than.com/samonpai/w39-4.jpg
อีกทั้งออกดอกให้แน่นรั้วดูงามตา ค่อยๆดึงและเด็กยอดกะทกรก นับได้ 21 ยอด
ตั้งใจทำแกงจืดยอดกะทกรกกับหมูสับ 9 ก้อนเท่านิ้วหัวแม่มือ
เพื่อบำรุงหัวใจให้ได้ 3 ถ้วยๆละ 7 ยอดกะทกรก โดยลอกเยื่อหุ้มกะทกรกออกให้หมด
หากระเทียม 21 หัวเน้นกระเทียมโทนลูกโดด
พริกไทยดำ 21 เม็ด
เกลือเม็ดโตอีก 3 เม็ด
น้ำสะอาด 9 แก้ว
รากผักชี 3 ราก
ซีอิ้วขาวเติมเป็นชูรส เยาะๆลงไป 1-2 เหยาะ(หยด)
เริ่ม ตำเครื่องแกงจืดคลุกเคล้าให้เข้ากันทั้งพริกไทย เกลือ กระเทียม และรากผักชี
ใส่น้ำลงไปในหม้อ ตั้งไฟเดือด นำเครื่องแกงที่โขลกละเอียดส่งกลิ่นหอมลงหม้อน้ำเดือด
ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ปั้นหมูสับเป็นก้อนเล็กๆเป็นก้อน 9 ก้อนตั้งไฟพอเดือด ใส่ยอดกะทกรกครั้งละ 9 ยอด
พอสุกตักเสิร์ฟใส่ชามพร้อมน้ำแกงจืดพอท่วมเนื้อหมูและยอดกะทกรก ได้ 3 ชาม
กระทกรกเป็นทั้งผักพื้นบ้าน และเป็นได้ทั้งยาสมุนไพรที่ปลอดสารพิษและบริสุทธิ์ควรค่าแก่การนำมาประกอบอาหาร
แต่ชาวจีนรู้จักกะทกรกเมื่อไหร่ไม่ทราบ กลับนำมาปรุงเป็นอาหารบำรุงหัวใจ คนที่ผอมแห้ง อ่อนแอ เสมหะมาก
เป็นยาขับพยาธิ แก้บวมน้ำ และบำรุง กะทกรกทั้ง 5 ดีหมดตั้งแต่ราก ต้น(เถา)ใบ ดอก และผล
ลูกกะทกรกป่า
ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%81
"กะทกรกหน้าตาเป็นอย่างไร ฟังลูกถาม
พ่อตอบความนี่ไงในปากเจ้า
อร่อยไหมถามตลอดบอกความในใจ
อร่อยได้น้ำซด ซดชื่นใจ"
พ่อกำชับเสียงอ่อนโยนให้ต้องรีบ(ทาน)
"ทานให้หมดถ้วย แล้วคว่ำถ้วยลงอธิษฐานจิต อย่าลืมขอบคุณเจ้าของตำรับผู้ล่วงลับไปแล้วด้วยนะ"
คว่ำชามอิ่ม รอให้อาหารย่อย แล้วค่อยนำชามแกงจืดกะทกรกไปล้างทำความสะอาด
สมัยเด็ก ๆ คุณมะเดื่อกับน้อง ๆ กินเป็นของว่างประจำทุกวันจ้ะ
เด็กๆพี่ก็ทานนะคะรสชาติเปรี้ยวๆอมหวานนิดๆลื่นๆลิ้นด้วยค่ะ
ข้างบ้านเป็นสวนครัวแต่กะทกรกก็มาขึ้นริมรั้วคู่กับตำลึง
แต่ผลตำลึกเอามาแกงได้อร่อยมากค่ะ
ตอนเด็กๆเคยกินค่ะ...ขึ้นเองตามริมรั้วนะคะ...
ขอบคุณที่ค่ะดร.พจนา แย้มนัยนา
พืชและผักริมรั้วกับช่วงเวลาย้อนหลังไปสู่อดีต
มีหลายพันธุ์นะคะที่มีประโยชน์ทั้งด้านอาหารและการรักษา
ทำให้หวลคิดถึงผู้ใหญ่ที่เคยพร่ำสอนว่ากินอยู่อย่างธรรมชาติจะได้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
เวลาที่ผ่านมา และการรับเอาวัฒนธรรม การย้ายถิ่น และการรับอารยจากต่างแดน
ก็มีส่วนทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป วัฒนธรรมการกินอยู่ก็เปลี่ยนไปนะคะ
ผลที่เกิดขึ้นจึงมีความแตกต่างออกไปค่ะ