Archanwell
รศ.ดร. พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

คนตกหล่นจากทะเบียนราษฎรที่อาศัยในพื้นที่ประสบภัยสึนามิ : ทุกข์ที่ซ้ำซ้อนทั้งจากธรรมชาติและจากรัฐ


เราพบผู้ชายคนหนึ่งที่บ้านน้ำเค็มซึ่งสูญเสียทั้งครอบครัวและทรัพย์สินเหมือนคนอื่นๆ แต่ยังไม่ได้รับการเยียวยาจากใครเลยเหมือนคนอื่นๆ เพราะเขานั้นไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน เราถามเขาว่า ทำไมล่ะจึงไม่มีบัตรนั้น เขานิ่งนานมาก ดวงตาดูสงบมาก ถอนหายใจ แล้วบอกด้วยสำเนียงของคนใต้ว่า ก็พ่อแม่ไม่ได้แจ้งเกิดให้ แล้วบอกปนหัวเราะว่า ก็เลยตกอยู่ในสภาพเดียวกับแรงงานพม่าเข้าเมืองผิดกฎหมาย เขาตอบต่อไป โดยไม่ต้องถามสักนิดว่า ก็ไม่ได้โทษพ่อแม่หรอกนะที่ไม่ได้แจ้งเกิดให้ลุง เพราะพ่อแม่ของพ่อแม่ก็คงไม่ได้แจ้งเกิดให้ตัวพ่อแม่เองด้วย แกหัวเราะนิดๆ แล้วก็ลุกออกจากวงสนทนาไป

ในฐานะนักวิจัยของโครงการวิจัยเรื่องสุขภาวะและสิทธิมนุษยชนของเด็ก เยาวชน และครอบครัวของมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และอนุกรรมการของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หน้าที่ของดิฉัน ก็คือ การเข้าไปตรวจสอบปัญหาสุขภาวะและสิทธิมนุษยชนของมนุษย์ในพื้นที่หรือสถานที่ที่เสี่ยงจะมีปัญหาเช่นว่า เมื่อเกิดสึนามิขึ้น จึงเป็นหน้าที่ที่จะต้องลงไปเพื่อให้ประสาทตาได้สัมผัสกับปัญหาที่เห็นได้ และเพื่อให้ประสาทหูได้รับฟังกับคำบอกเล่าที่ผู้ประสบภัยจากสึนามิจะบอกเราได้ เราสรุปได้ว่า ชีวิตของผู้ประสบภัยสึนามินั้นยังไม่เข้าสู่ความเป็นปกติของชีวิต หลายรายยังทำใจไม่ได้ทุรนทุรายต่อความทุกข์ที่ถาโถมเข้ามา แต่หลายราย ก็จะเอาธรรมะมาช่วยให้สภาพจิตใจสงบและยอมรับในความไม่ปกติของชีวิตจนไม่ทุรนทุรายมากนัก

ในการเดินทางไปพังงาในช่วงเดือนแรกหลังจากวันที่เกิดภัยสึนามิ เราพบผู้ชายคนหนึ่งที่บ้านน้ำเค็มซึ่งสูญเสียทั้งครอบครัวและทรัพย์สินเหมือนคนอื่นๆ แต่ยังไม่ได้รับการเยียวยาจากใครเลยเหมือนคนอื่นๆ เพราะเขานั้นไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน เราถามเขาว่า ทำไมล่ะจึงไม่มีบัตรนั้น เขานิ่งนานมาก ดวงตาดูสงบมาก ถอนหายใจ แล้วบอกด้วยสำเนียงของคนใต้ว่า ก็พ่อแม่ไม่ได้แจ้งเกิดให้ แล้วบอกปนหัวเราะว่า ก็เลยตกอยู่ในสภาพเดียวกับแรงงานพม่าเข้าเมืองผิดกฎหมาย เขาตอบต่อไป โดยไม่ต้องถามสักนิดว่า ก็ไม่ได้โทษพ่อแม่หรอกนะที่ไม่ได้แจ้งเกิดให้ลุง เพราะพ่อแม่ของพ่อแม่ก็คงไม่ได้แจ้งเกิดให้ตัวพ่อแม่เองด้วย แกหัวเราะนิดๆ แล้วก็ลุกออกจากวงสนทนาไป เมื่อชาวบ้านอีกคนหยิบยกอีกปัญหามาพูดคุยกับเรา และเราจำเป็นต้องหันไปให้ความสนใจกับเรื่องที่หยิบยกขึ้นมาใหม่นั้น

ดิฉันติดใจกับกรณีของชายกลางคนผู้ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนท่านนี้มาก ไม่มีครอบครอบครัว ไม่มีบ้าน ไม่มีความช่วยเหลือ แล้วเขาจะอยู่ได้อย่างไร แล้วทำไมจึงดูสงบนิ่ง ทำไมไม่ทุรนทุรายต่อชีวิตมากนัก และไม่เร้าร้อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ไปเยือนอย่างเราเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆ ชาวบ้านเล่าให้เราฟังว่า เขาคนนี้อายุก็ไม่มากนัก ก็คงประมาณ ๔๐ กว่าปีได้ มีภริยาและบุตรเล็กๆ ๒ คน บ้านหายไปหลังจากภัยสึนามิ ภริยาและบุตรก็เสียชีวิต เขาก็ทุกข์ร้อน ร้องไห้เสียใจเหมือนทุกคน ตอนเห็นศพครอบครัว แต่เดี๋ยวนี้ดูเฉยๆ และทำใจได้กับปัญหาที่ถูกปฏิเสธสิทธิหลายประการที่สำคัญอันเนื่องมาจากความไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน

ดิฉันพยายามเดินหาชายผู้นี้ แต่หาไม่พบ ด้วยความคิดที่ว่า เราน่าจะช่วยเขาได้ เขาคงไม่รู้ตัวว่า เขามีสถานะเป็น “คนไร้รัฐ (stateless)” และเขาก็คงไม่รู้ว่า กระบวนการเยียวนั้นเป็นไปได้ทั้งโดยกฎหมายและนโยบาย และเขาก็คงไม่รู้ว่า ดิฉันพอจะรักษาโรคไร้รัฐได้ ก็เพราะเขาคงไม่รู้ว่า ความไร้รัฐคืออะไร และเขาเป็นโรคไร้รัฐ เขายอมรับความทุกข์ยากจากโรคร้ายนี้ได้ และเขาคงเอาชีวิตรอดอยู่ได้ด้วยความเอื้ออาทรของมนุษย์ที่อยู่แวดล้อมตัวเขาโดยไม่ต้องมีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี เขายอมรับได้ในชะตากรรมที่รัฐไทยไม่ได้ออกเอกสารรับรองความเป็นคนสัญชาติไทยของเขา เขาคงไม่มีแนวคิดที่จะน้อยใจที่ไม่มีรัฐใดในโลกยอมรับความเป็นคนชาติของเขากระมังนะ

แต่ขอให้สังเกตว่า เขาทราบโดยธรรมชาติว่า เขามีสถานะเป็นคนต่างด้าวเหมือนแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในบ้านน้ำเค็ม ซึ่งโดยกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คนที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนสัญชาติไทยก็จะถูกถือเป็นคนต่างด้าว และเมื่อไม่ปรากฏมีเอกสารที่แสดงถึงสิทธิที่จะเข้ามาและอาศัยอยู่ในประเทศไทย เขาก็จะถูกถือว่า เป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย

ลองจินตนาการว่า วันหนึ่ง ชายผู้ยอมรับชะตากรรมคนนี้ถูกตำรวจขอตรวจบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น เราก็คงสรุปได้ไม่ยากว่า เขาก็คงจะถูกจับและส่งออกนอกประเทศไทย แล้วจะส่งเขาไปที่ไหนล่ะ อาจจะตอบแบบง่ายๆ ว่า ก็ผลักดันออกไปไปในประเทศพม่านั่นแหละใกล้ดี แต่แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะ ประเทศพม่าจะยอมรับให้เขาตั้งบ้านเรือนไหมหนอ เขาจะเอาชีวิตรอดในประเทศพม่าไหมหนอ เสียงหนึ่งตอบแทนว่า คนพม่าเองยังอยู่ในประเทศพม่าไม่ได้เลย ส่งเขาออกไป เขาก็เดินกลับมาเองแหละ แล้วเขาก็กลับมาอยู่ในประเทศไทยในลักษณะของมนุษย์ผู้ไร้ตัวตนทางกฎหมาย หรือคนไร้รัฐอย่างที่นักวิชาการเขาเรียกกัน ดิฉันตามหาเขาไม่พบ เพราะไม่ได้ถามชื่อของเขาไว้ เรื่องง่ายๆที่ไม่น่าจะสับเพร่า

ในวันนั้น คิดว่า ชายคนนั้นคงเป็นมนุษย์โชคร้ายที่สุดคนหนึ่งที่ประสบทั้งภัยสึนามิอันเป็นภัยธรรมชาติ และภัยความไร้รัฐซึ่งเป็นภัยอันเกิดจากความไม่รู้กฎหมาย แต่ดิฉันตระหนักในวันต่อมาที่ไปเยี่ยมบ้านปากเตรียมและบ้านคึกคักว่า ยังมีคนในพื้นที่สึนามิอีกนับสิบ จนใกล้ร้อยที่เป็นคนตกหล่นจากทะเบียนราษฎร กล่าวคือ ไม่เคยมีการแจ้งเกิดในทะเบียนราษฎร แต่เป็นบุคคลที่อาศัยอยู่มานานในพื้นที่ และเป็นที่รู้จักกันในพื้นที่ เราพบคนจากภาคเหนือและภาคอิสานจำนวนไม่น้อยที่ลงมาทำงานที่พังงาหลายสิบปีและตั้งครอบครัวเลยที่นี่ ชุมชนรู้จักพวกเขาดี แต่พวกเขาไม่มีบัตรประจำตัวที่รับรองว่า เขาเป็นคนสัญชาติไทยคนหนึ่ง เพราะเขาไม่เคยปรากฏมีชื่อในทะเบียนบ้านของอำเภอใดในประเทศไทย แต่เขาเป็นคนเชื้อชาติไทยนะ ไม่ใช่คนเชื้อชาติต่างด้าว บางคนที่มีการศึกษาเคยขึ้นไปพูดคุยกับทางอำเภอ แต่ก็ยังไม่อาจบรรลุถีงการแก้ปัญหา เพราะอำเภอต้องการหนังสือรับรองการเกิดจากโรงพยาบาลหรือจากผู้ที่ทำคลอดให้ ซึ่งบางคนก็มี แต่บุพการีไม่มี ดังนั้น กระบวนการยอมรับว่า เป็นคนสัญชาติไทยเพื่อที่อำเภอจะยอมรับลงรายชื่อสัญชาติไทยในทะเบียนราษฎรไทย จึงเกิดไม่ได้ ปัญหาต้องการการแก้ไขอย่างคำนึงถึงประวัติศาสตร์ชุมชนอย่างที่ทำกันในพื้นที่สูงของประเทศไทยสำหรับชาวเขาดั้งเดิม องค์ความรู้นี้มิใช่รัฐไทยจะไม่มี เพียงแต่รัฐบาลซึ่งเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินจะได้ให้ความสนใจแก่คนรากหญ้ากลุ่มนี้หรือไม่

ภัยสึนามิที่ถาโถม ๖ จังหวัดภาคใต้ได้นำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินแก่มนุษย์ ทั้งที่ยากไร้และร่ำรวย การเยียวยาความเสียหายจนมนุษย์ดังกล่าวกลับเข้าสู่ความสามารถที่จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปและมีศักยภาพที่จะหาเลี้ยงชีวิตอยู่ต่อไป เป็นโจทย์ที่ไม่ควรจะเลือกปฎิบัติด้วยเหตุที่ว่า มีชื่อในทะเบียนบ้านหรือไม่ แม้จะปรากฏชัดว่า เป็นแรงงานต่างชาติพม่า หากเขาบาดเจ็บเพราะภัยสึนามิ การรักษาพยาบาลเขาจนรอดตายก็น่าจะเป็นเรื่องที่รัฐไทยควรทำอย่างเต็มใจ เพราะเขาก็คือมนุษย์ในสังคมไทย มิใช่หมาหรือแมว

แม้เมื่อปรากฏจากปากคำของชุมชนว่า ใครสักคนเป็นคนไทยที่ตกหล่นจากทะเบียนราษฎร กระบวนการแก้ไขปัญหานี้ก็ควรจะต้องเกิดขึ้นโดยพลัน เพราะความไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎรของรัฐไทยและรัฐอื่นใดเลยในโลกย่อมนำมาสู่ความเป็นคนไร้รัฐอันทำให้ไม่อาจได้มาซึ่งสิทธิในหลายลักษณะ และเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน

ไม่ใช่จะตำหนิว่า ไม่มีการแก้ไขในเรื่องการออกบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ผู้ประสบภัยสึนามิที่บัตรประชาชนหายไปกับน้ำ แต่ใคร่จะนำเสนอว่า มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ตกหล่นจากทะเบียนราษฎรมาตั้งแต่ก่อนเกิดภัยสึนามิ และในเวลานี้ พวกเขาประสบภัยสึนามิ และการเยียวยาความเสียหายจากภัยธรรมชาติแก่เขานั้นเป็นไปไม่ได้เท่าที่ควร เพราะเขาไม่มีทะเบียนบ้านมาตั้งแต่ก่อนเกิดภัยสึนามิ แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่แรงงานพม่าอีกด้วย

จึงอยากจะเสนอแนะให้ตระหนักว่า กระบวนการแก้ไขปัญหาการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรนั้นจะต้องทำโดยความเข้าใจว่า กฎหมายว่าด้วยทะเบียนราษฎรไทยก็เพิ่งมีทั่วไปใน พ.ศ.๒๔๙๙ เท่านั้นเอง ดังนั้น จะเรียกร้องให้คนไทยในภาคใต้แจ้งการเกิดอย่างถูกต้องมาตั้งก่อน พ.ศ.๒๔๙๙ คงจะเป็นการเรียกร้องเกินข้อเท็จจริงที่บุคคลนั้นๆ ควรจะทำได้ และหนังสือรับรองการเกิดจากโรงพยาบาลนั้นก็ไม่ใช่จะเป็นสิ่งที่ทำได้สำหรับคนที่เกิดเมื่อ ๓๐ – ๔๐ ปีก่อนซึ่งการคลอดโดยหมอตำแยยังเป็นที่นิยมของคนในชนบท และการหาหมอตำแยมายืนยันการเกิดของคนใน พ.ศ.๒๔๘๐ ประมาณนี้ ก็คงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก หมอตำแยอาจตายไปแล้ว หรือย้ายที่อยู่ไปแล้ว

และในระหว่างที่ยังพิสูจน์สถานะบุคคลของพวกเขาตามกฎหมายไทยไม่ได้ ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิซึ่งเป็นคนตกหล่นจากทะเบียนราษฎรนี้ ก็ควรจะเป็นไปตามความจำเป็นของชีวิต เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งบนโลกใบนี้

---------------------------------------------------

คนตกหล่นจากทะเบียนราษฎรที่อาศัยในพื้นที่ประสบภัยสึนามิ : ทุกข์ที่ซ้ำซ้อนทั้งจากธรรมชาติและจากรัฐ

โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

[email protected]

เขียนเมื่อวันพุธที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘

และเผยแพร่ในโพสต์ทูเดย์เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๘

และเผยแพร่ใน

http://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=155&d_id=154

หมายเลขบันทึก: 55183เขียนเมื่อ 19 ตุลาคม 2006 21:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2017 19:51 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

คนที่ผมรู้จักก็มีอยู่คนหนึ่ง เป็นป้าอายุประมาณ 60 ปี (ผมจำได้แต่ตัวเลขกลม ๆ)เมื่อก่อนทำงานบ้านอยู่ใกล้บ้านผม เท่าที่ผมจำได้แม่นยำก็คือตอนปี 2543 เพราะผมจะนั่งอ่านตำรากฎหมายตั้งแต่เช้ายันดึกทุกคืน ผมมักจะพบกับป้าตอนเช้า ๆ ประจำ

แกก็เล่าเรื่องราวให้ฟังว่าแกมาจากต.บ้านไร่ จ.กาญจนบุรี มาระนองตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ถนนหน้าบ้านผมยังเป็นถนน 2 เลน ฟุตบาธเป็นดินแดง ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นถนน 4 เลน ฟุตบาธก็เป็นปูนซีเมนต์หมดแล้ว

ก่อนหน้าที่จะมาเป็นคนรับใช้ใกล้บ้านผมนั้น แกเป็นแม่ครัวอยู่ร้านอาหารที่แพใหม่ สะพานปลา เมื่อก่อนแกเดินทางได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีใครมาตรวจบัตร เดี๋ยวนี้แกเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดไม่ได้

ตอนที่แกจากบ้านไร่มานั้น มากลับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวแกนายท่านเป็นคนเก็บไว้ ตอนนี้แกเลยไม่มีอะไรติดตัวเลย เคยไปขอแต่ท่านก็ไม่ให้

ผมก็ไม่แน่ใจว่าแกมีหรือไม่ ผมเลยสันนิษฐานว่าที่จริงแล้วแกไม่มีหลักฐานประจำตัวเลย

แกบอกผมว่าช่วยไปติดต่อเรื่องทำบัตรแรงงานพม่าให้หน่อย ผมบอกว่าแกเป็นคนไทย จะไปทำบัตรแรงงานทำไม หากแกทำแล้วต้องถูกส่งไปพิสูจน์สัญชาติที่ประเทศพม่า มันจะผ่านหรือ แล้วหากพิสูจน์สัญชาติไม่ผ่าน ทางจนท.ไทยเล่นตลกส่งแกไปอยู่ค่ายแกจะอยู่ได้หรือ

ผมเลยบอกว่าต้องหาวิธีช่วยวิธีอื่น เท่าที่ผมคิดได้ก็คือสำรวจคนไทยตกหล่น หรือบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน ที่กำลังจะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ดีกว่า

นี่ก็เป็นเรื่องของคนไทยตกหล่นเหมือนกัน แต่จนท.ไทยจะเชื่อไหมละ อย่างที่อ.แหววว่าละครับ ถ้าแกถูกจับตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง และถูกผลักดันออกนอกประเทศจะส่งแกไปไหน อายุก็ 60 ปีแล้ว ไร้ญาติ ไร้สามี และไร้ลูก อยู่เพียงลำพังในประเทศไทย

ชาติชายคะ

ยังตามตัวคุณป้าได้ไหมคะ

ถ้ายังเจอได้ ก็ยกร่างจดหมายถึงอธิบดีกรมการปกครอง และสำเนาส่ง อ.วีนัส แจ้งไปเถอะค่ะ เล่าความไร้รัฐของมนุษย์ที่น่าสงสารไปเลยค่ะ โอกาสแก้ปัญหามีได้ตลอดค่ะ

ขอให้คุณติดต่อกลับมา

ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่

โปรดติดต่อกลับมานะ

คุณ วิชัย สมพงษ์

สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้อ่านบทความข้างบนทำให้ดิฉันคิดขึ้นได้ว่าประชากรในประเทศไทยมีจำนวนมากที่ตกหล่นเป็นคนไร้สัญชาติ ดิฉันมีญาติที่เป็นคนตกหล่นเหมือนกัน (อยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ไกล้จากตัวเมือง ไม่สามารถเดินทางได้เหมือนทุกวันนี้ )ซึ่งเป็นลุงของดิฉัน แม่ดิฉันมีพี่น้องทั้งหมด 10 คนซึ่ง 5 คน มีบัตรประชาชนและอีก 5 คนไม่มีบัตรประชาชน เพราะ 5 คนที่ไม่มีบัตรประชาชนคิดว่ามันไม่จำเป็นในการดำรงชีวิตในสมัยก่อน เพราะพวกเขามีอาชีพทำนา และมีบ้านแป็นของตัวเอง ส่วนอีก 5 คนต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพจึงไปทำเรื่องการทำบัตรประชาชน แต่ใน ณ เวลานี้สถานการณ์เปลี่ยนไปลุงคนนี้โดนโกงเพราะไม่มีความรู้ หมดเนื้อหมดตัวแม้แต่ครอบครัวเพราะภรรยาไปมีสามีอื่นจึงต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพมาอาศัยกับน้องสาวซึ่งเป็นแม่ของดิฉัน พอมา สมัครงานเข้าก็ถามหาบัตรประชาชน เข้าตอบว่าเป็นคนตกหล่นเขาก็ไม่เชื่อ ลุงคนนี้ไม่สามารถที่จะทำงานได้ ญาติต้องพาไปฝากงานกับคนรู้จัก  เป็นงานก่อสร้าง ใช้แรงงานหนัก แต่พอมีการเดินทางก็ต้องเจอกับตำรวจ ตำรวจจะถามหาบัตรประชาชนดังนั้นลุงคนนี้ต้องการที่จะทำบัตรประชาชนซึ่งเขาเป็นคนไทย สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย แต่ไม่สามารถทำบัตรประชาชนได้เพราะ พ่อแม่ของลุงคนนี้ไม่ได้แจ้งเกิด และไม่ได้คลอดที่โรงพยาบาล(ให้คิดไปเมื่อ 40-50 ปี ที่แล้ว) จึงไม่มีหลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้นและตอนนี้พ่อและแม่ก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร ให้ลุงคนนี้ได้ทำบัตรประชาชน ซึ่งคนทั่วไปทำกับลุงคนนี้เหมือนเป็นคนพม่า ไร้สัญชาติ ดูถูกว่าเป็นคนต่างด้าว ซึ่งดิฉันอยากจะช่วยให้ลุงทำบัตรประชนให้ได้ให้เหมือนว่าเขาได้ชีวิดใหม่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างไร กรุณาช่วยหาคำตอบให้ดิฉันด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

คุณรุ่งอรุณคะ

ช่วยตอบคำถามหน่อยนะคะ

๑. ตายายเป็นคนที่ถือบัตรประจำตัวคนสัญชาติไทยไหมคะ ? ขอรายละเอียดเกี่ยวกับตายายหน่อยค่ะ เกิดที่ไหน ? ชาติพันธุ์อะไร ?

๒. ลุงเกิดที่ไหน ? เมื่อไหร่ ?

ขอข้อเท็จจริงแค่นี้ก่อนค่ะ

สวัสดีค่ะ ดิฉันก็มีญาติที่เป็นคนตกหล่นเหมือนกัน เป็นลูกสาวของลุง(พี่ชายแท้ของแม่)เกิดที่ประเทศไทยเกิดวันที่ 5มกราคม 2505 พ่อเป็นคนไทย แม่เป็นคนลาวลุงมีภรรยาหลายคน มีพี่ชายคนละแม่ 1 คน(แม่ของพี่ชายเป็นคนไทย บ้านไกล้ๆกันรู้จักกัน) ลูกสาวของลุงเคยเรียนหนังสือที่โรงเรียนในหมู่บ้าน มีหลักฐานอย่างเดียวคือ ใบรับรอง ว่าเคยเรียนหนังสือที่นี่ พ่อแม่ตายหมดแล้ว บ้านที่เคยอยู่ ป้า-น้า ก็ตายหมด เหลือแต่ รุ่นลูก- ญาติๆ ลูกสาวลุงคนนี้คนในหมู่บ้านก็รู้จักกันทุกคน จนอายุประมาณ 14-15 แกก็ไปทำงานกับญาติในเมือง ก็มีคนรัก แล้วก็หนีกันไปไม่ส่งข่าวคราว เราก็ไม่รู้จะติดต่อแกยังไง จนวันนี้แกกลับมา อยากทำบัตรประชาชน มีครอบครัวสามีมีลูก 2 คน ฐานะก็ปานกลาง ไม่ทราบว่าจะทำได้รึเปล่า ไม่มีใบเกิดๆกับหมอตำแย คนที่ทำคลอดก็ยังอยู่แก่มากแล้ว 75 ปีแล้ว คือแต่ก่อนลุงแกอยู่บ้านกับพี่สาวและน้องสาวแต่งงานมีครอบครัวกันหมดแต่ไม่มีลูก ค่อนข้างที่จะหวงสมบัตรหน่อยๆ เราก็ไม่รู้ว่าเขาแจ้งเกิดรึเปล่า ในใบรับรองมีวันเกิดมีชื่อพ่อ แม่ สมัยก่อนเรียนหนังสือก็ไม่ได้บังคับ เรียนแค่ ป.1 ป.2 ก็ไม่ไปเรียนอีก หลักฐานเกี่ยวกับพ่อก็ไม่มี บ้านก็ไม่มีแล้ว ญาติๆ รับรอง ผู้ใหญ่บ้านรับรอง พี่ชายต่างมารดารับรองให้ จะสามารถทำได้ไหมค่ะ กรุณาช่วยตอบดิฉันด้วยนะคะ ขอขอบพระคุณอย่างสูง อยากให้พี่สาวมีบัตรประชาชนเร็วๆ

มีพี่น้อง ก็ตรวจดีเอนเอได้ค่ะ

ไปหารืออำเภอนะคะ เขาว่า อย่างไร แล้วมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ

ผมเป็นคนตกหล่นคับ ยังไม่มีบัตรประชาชน ผมเคยไปทำแล้วคับแต่งบประมาณใช้เงินไม่พอคับ จนผมหมดปัญญา ไม่รู้จะทำยังไง ครอบครัวผมเป็นคนยาอจนคับ ติดต่อกลับทีคับ ผมอายุ19แล้วคับยังไม่มีบัตรประชาชนเลยคับ ขอร้องคับช่วยหน่อยคับ เบอร์ติดต่อคับ0961608058

  • วิศรุต คำหาญ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท