ชีวิตที่พอเพียง: ๒๐๒๑. ไปร่วมงานปรับเปลี่ยนการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ


 

          มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดการประชุม  “CoP – Teaching  # 8  การประยุกต์การปรับเปลี่ยนการเรียนรู้ ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ”    ตอนบ่ายวันที่ ๑๖ ก.ย. ๕๖    และเชิญผมไปเป็นวิทยากรให้ความเห็น

 

          ไปเห็นแล้วชื่นใจ   ที่ได้เห็นความพยายามทั้งระดับมหาวิทยาลัย  และคณาจารย์จำนวนหนึ่ง ดำเนินการเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ ไปเป็น Active Learning อย่างจริงจัง

 

          หลังจบการประชุม นักศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ปี ๒ มาสัมภาษณ์ว่า จากกิจกรรมนี้นักศึกษาได้อะไร

 

           ทำให้ผมได้โอกาสคุยกับนักศึกษา   และได้ตระหนักว่า ผมไม่มีโอกาสคุยเรื่อง Learning Reform กับนักศึกษาเลย    ได้แต่คุยกับครูอาจารย์ ซึ่งก็เห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้าง    และแม้แต่ที่เห็นด้วย ก็มักไม่ได้นำไปปฏิบัติ    คือยังคงยึดติดกับการสอนแบบถ่ายทอดความรู้อยู่อย่างเดิม    เพราะมันง่าย สะดวกต่อครู/อาจารย์ 

 

          ผมบอกนักศึกษาว่า    กิจกรรมเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้นี้   ทั้งหมดทำเพื่อนักศึกษา    เพราะอนาคตข้างหน้าเมื่อนักศึกษาจบออกไปทำงานและดำรงชีวิต    ไม่มีใครรู้ว่า โลกในอนาคต ๑๐ - ๒๐ - - ๕๐ ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร    เรารู้แต่ว่ามันจะไม่เหมือนในปัจจุบัน   ดังนั้น เนื้อความรู้ที่เรียนจากมหาวิทยาลัย ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะใช้ไม่ได้ในอนาคต   นักศึกษาจึงต้องเรียนรู้เพื่อเตรียมตัวไปเผชิญชีวิตที่ไม่แน่นอน ในอนาคต   โดยการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนให้ครบด้าน ไม่ใช่แค่เรียนวิชา    คือต้องเรียนให้ได้ทักษะด้านพัฒนาการ เชิงอารมณ์  เชิงสังคม  เชิงจิตวิญญาณ  และด้านกายภาพ  ไปพร้อมๆ กัน    การเรียนรู้เพื่อให้ได้ผลพัฒนาการ อย่างบูรณาการ ทำไม่ได้โดยการฟังเล็กเชอร์    ต้องเรียนโดยการลงมือทำ    ทำแล้วคิดไตร่ตรองเอง และไตร่ตรองร่วมกับเพื่อนๆ  โดยอาจารย์คอยโค้ช    คำว่าไตร่ตรองนี้ ภาษาอังกฤษว่า reflection    ภาษา KM ว่า AAR (After Action Review)    ภาษาพระว่า โยนิโสมนสิการ

 

          ผมให้คำแนะนำแก่คณาจารย์จำนวนประมาณ ๕๐ คนที่มาประชุมว่า   Active Learning โดยตัวของมันเอง ไม่ได้ทำให้เกิดการเรียนรู้แบบรู้จริงเสมอไป    จะให้เกิดการเรียนรู้แบบรู้จริง    การเรียนแบบลงมือทำต้องตามด้วย reflection ๓ แบบ

      ๑. Self reflection   ทำโดย นศ. แต่ละคนเขียนบันทึกการเรียนรู้ของตนเองทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ - ๒ ครั้ง    ว่าที่ทำกิจกรรมนั้นๆ ตนเองหวังได้ประโยชน์ อะไรบ้าง    เมื่อทำแล้วส่วนไหนได้มากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้   เพราะอะไร   ส่วนไหนยังไม่ค่อยได้  เพราะอะไร   คิดจะปรับปรุงวิธีการอย่างไรบ้าง    เพราะอะไร    จะเอาความรู้ที่ได้ส่วนไหน ไปใช้ประโยชน์ในอนาคต    สิ่งที่ได้เรียนรู้อธิบายทฤษฎี ก, ทฤษฎี ข อย่างไรบ้าง  ฯลฯ                                                   

     จะยิ่งดี หากให้ นศ. เขียนบันทึกออกแบ่งปันกับเพื่อนๆ ทาง โซเชี่ยล มีเดีย    เพื่อจะได้เรียนรู้มุมมอง และประสบการณ์ที่แตกต่างของเพื่อนๆ                                                                                                      และจะยิ่งดีขึ้นไปอีก หากอาจารย์เข้าไปอ่าน และเลือกบันทึกเด่นประจำสัปดาห์ ๓ บันทึก    บอกให้ นศ. ช่วยกันบอกว่า บันทึกเหล่านั้นดีอย่างไร   เพื่อจะได้เรียนรู้วิธีเขียนบันทึก reflective journal ที่ดี

 

     ๒ การเรียนรายงานผลงานของทีม   และนำเสนอต่อชั้นเรียน   โดยอาจไม่นำเสนอเป็น presentation ก็ได้   เช่นเสนอเป็นละคร  เป็นหนังสั้น 

 

     ๓ การทำ AAR ในชั้นเรียน หลังจากจบวิชานั้น  หรือจบตอน 

 

 

วิจารณ์ พานิช     

๑๗ ก.ย. ๕๖

 

 

บรรยากาศในห้องประชุม

 

อธิการบดี ดร. มัทนา สานติวัตร กล่าวเปิดการประชุม

 

อ. กุลเชษฐ์ เล็กประยูร ผช. คณบดีคณะนิเทศศาสตร์

นำเสนอเรื่องวิชา Broadcasting Production Technique

 

ผศ. ยุบลวรรณ ตั๋นเธียรรัตน์ รองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว

นำเสนอเรื่องGE 111 Value of Graduates

 

ผศ. ประสิทธิ์ สันติกาญจน์ ผอ. ฝ่ายบริการการศึกษาและสวัสดิการ

กล่าวนำวิชา GE 114 Thai Citizens, Global Citizens

ท่านอธิบายความหมายของ civil society ได้จับใจผมมาก

 

อ.พรพจน์ เพ็ชรทวีพรเดช และ อ. ศุภชัย อิทธิปาทานันท์

เสนอเรื่อง GE 114 Thai Citizens, Global Citizens

 

 

อ. เสาวณี แซ่ตั้ง ผอ. ศูนย์สหกิจศึกษาและพัฒนาวิชาชีพ และ

อ. ศิริพร กนกชัยสกุล ผอ. สำนักพัฒนาคุณภาพการศึกษา

เสนอเรื่อง GE 112 Information Technology and the Future World

Imagine Room สถานที่ประชุม ถ่ายจากด้านหลัง เมื่อเลิกประชุมแล้ว

 

อีกมุมหนึ่งของ Imagine Room

 

อาคาร A3

 

 

หมายเลขบันทึก: 551629เขียนเมื่อ 24 ตุลาคม 2013 10:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม 2013 10:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ พัฒนาไปมาก

ทั้ง 3 ประเด็นนี้

การเรียนแบบลงมือทำต้องตามด้วย reflection ๓ แบบ

สามารถทำได้ใน classstart.org ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท