เศรษฐกิจเชิงพุทธ : เปรียบเทียบเศรษฐกิจของฆราวาสกับพระสงฆ์


เศรษฐกิจเชิงพุทธ : เปรียบเทียบเศรษฐกิจของฆราวาสกับพระสงฆ์

                                                              วาทิน ศานติ์ สันติ

ภาพจาก : http://eyesimage.wordpress.com/2010/04/27

ข่าวพระสงฆ์ไทยทุกวันนี้หลายข่าวทำให้เราชาวพุทธไม่ค่อยสบายใจมากนัก โดยเฉพาะข่าวพระสงฆ์ใช้ศรัทธาประชาชนเรียกเงินมหาศาลจนซื้อบ้าน ซื้อรถ ซ้อเครื่องบินส่วนตัวได้ เพื่อนผู้เขียนคนหนึ่งบอกว่า องค์กรสงฆ์เป็นเพียงองค์กรเดียวที่ไม่อาจตรวจสอบฐานะทางการเงิน ผมก็ว่าจริง บางวัดมีเงินบริจาคมหาศาล มากจนนำเงินนั้นมาพัฒนาประเทศได้มากมาย คำถามสำคัญ เงินบริจากถูกนำไปใช้อะไรบ้าง ใครเป็นผู้ดูแล

            ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เน้นกระปฏิบัติตนเพื่อไปให้ถึงความสุขอันสูงสุดคือ “นิพพาน” ดังนั้นหลักคำสอนของศาสนาพุทธจึงสอดแทรกทุกกิจกรรม โดยเฉพาะเศรษฐกิจซึ่งผูกพันกับวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือพระสงฆ์ แต่กระนั้นเป้าหมายหลักก็ต่างกัน

 

เศรษฐกิจกับพุทธศาสนาเปรียบเทียบฆราวาสกับพระสงฆ์

๑. เป้าหมาย

              ฆราวาส เพื่อ ๑.) การมีทรัพย์ ๒.) การใช้จ่ายทรัพย์ ๓.)การไม่มีหนี้สิน ๔.)ปราศจากทุกข์

              พระสงฆ์ เพื่อ ๑.) เพื่อเข้าสู่พระนิพพาน ๒.) เพื่อขัดเกลากิเลศ

๒. การได้มา

              ฆราวาส ได้มาจากสัมมาอาชีวะโดยการประกอบอาชีพหรือเลี้ยงชีพชอบ เป็นการได้มาอันสุจริต เพื่อ ๑.) ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ๒.) ท่ามกลางจิตใจที่มีคุณธรรมเพื่อประโยชน์ในชาตินี้ หรือชาติหน้า ๓.) หรือเพื่อหวังความสูงสุดคือนิพพาน ทรัพย์ที่ได้มาต้องไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม และไม่ผิดกรรมบถ

              พระสงฆ์ ได้มากจากการ บิณฑบาต เพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิตประจำวันเพื่อใช้สอย การร้องขอนั้นสงฆ์สามารถขอได้เฉพาะญาติหรือผู้ที่ปวารณาตนไว้แล้วเท่านั้น เหตุที่บัญญัติเรื่องการได้มาของทรัพย์นั้นสามารถจำแนกได้ดังนี้

              ๑. เพื่อขัดเกลาจิตให้มีคุณธรรมและพระนิพพาน คือการดำรงชีวิตที่ไม่ยุ่งยาก

              ๒. เพื่ออยู่เป็นสุขของสงฆ์ เพื่อให้สังคมสงฆ์เป็นสังคมที่ดี

              ๓. เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก หรือผู้ที่ไม่มีความอาย

              ๔. เพื่อความสำรวมแห่งสงฆ์อันมีศีลเป็นที่รัก

              ๕. เพื่อป้องกันอาสวะอันเกิดในปัจจุบัน และในอนาคต

              ๖. เพื่อความเลื่อมใสของคนที่ยังไม่เลื่อมใส และคนที่เลื่อมใสแล้ว

              ๗. เพื่อความตั่งมั่นแห่งพระสัจธรรม

              ๘. เพื่อเอื้อเฟื้อพระธรรมวินัย ให้พระธรรมวินัยคงอยู่ได้ เพราะหากบัญญัติขอหนึ่งและรักษาได้ บัญญัติอื่นจะสามารถคงอยู่ได้เช่นกัน

              ๙. สามารถขัดเกลาตนเอง เป็นหนึ่งในการปฏิบัติธรรมและเกี่ยวข้องกับผู้อื่นในแง่การเลื่อมใสด้วย

              นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงการแสวงหาทรัพย์ที่ไม่สมควร (อเนสนา) เอาไว้ กล่าวคือ หากทรัพย์ที่ได้มานั้นจะถือว่าเป็นทรัพย์ที่ไม่บริสุทธิ์ ถือเป็นอาบัติ

              ๑. ห้ามทรัพย์ที่ได้มาจากการอวดอุตริมนุษยธรรม

              ๒. ห้ามชักสื่อนำทรัพย์มาให้

              ๓. ห้ามร้องขอต่อบุคคลที่ไม่ใช่ญาติหรือผู้ที่ไม่ได้ปวารณาตน

              ๔. ห้ามขอในเวลาที่ไม่สมควรเช่น การร้องขออาหารในเวลาอันวิกาล

              ๕. แกล้งอาพาธเพื่อแสดงความเห็นใจให้ได้มาซึ่งทรัพย์

              ๖. พูดชักจูงให้ผู้คนตายใจจนนำทรัพย์มาให้

              ๗. บีบบังคบด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งที่ผู้นั้นไม่เต็มใจ

              ๘. ต่อลาภด้วยลาภ

 ๓.  การใช้

              ฆราวาส ควรใช้ให้พอดี พอเพียง ไม่ใช้จนเกินกำลังก่อให้เกิดหนี้สิน ไม่ใช้ไปตามลิเลส

              พระสงฆ์ ควรใช้แต่ความพอดีในการดำรงชีวิตและปฏิบัติธรรม เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลศ จำแนกได้ดังนี้

              ๑. ใช้แค่บริขาร ๘ อันประกอบด้วย สบง จีวร สังฆาฏิ บาตร มีดโกนหรือมีดตัดเล็บ เข็ม ประคด กระบอก กรองน้ำ ซึ่งสงฆ์ต้องพิจารณา ๒ ขณะคือ ขณะรับและเมื่อรับแล้ว  หากรับโดยปราศจากการพิจารณาจะถือว่าของที่ได้มานั้นอาบัติ

              ๒. เพื่อขัดเกลากิเลศ ซึ่งเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง เป็นการเจริญสัมปชัญญะกรรมฐาน เพื่อพิจารณาวัตถุประสงค์ของการใช้สอยสิ่งของเหล่านั้นเช่น กินเพื่ออะไร ที่อยู่อาศัยเพื่ออะไร ยาเพื่ออะไร เครื่องนุ่งห่มเพื่ออะไร เมื่อพิจารณาแล้วทำให้ไม่ยึดติดกับสิ่งของเหล่านั้น อีกทั้งเพื่อรู้ว่าสิ่งที่ได้มาคืออะไร หากไม่พิจารณาจะถือว่าเป็น การกินใช้อย่างขโมย การกินใช้อย่างเป็นหนี้ กินใช้อย่างทายาท กินใช้อย่างเจ้าของ ซึ่งไม่เหมะกับพระสงฆ์

๔. การสะสม

                 ฆราวาส สะสมเพื่อใช่สอยยามจำเป็น หรือเพื่อการดำรงชีวิตในแต่ละอาชีพของตนเอง เช่น สะสมเพื่อค้าขายเป็นต้น

                 พระสงฆ์ ต้องไม่สะสมทรัพย์ที่ได้มาโดยไม่จำเป็นและต้องเป็นไปตามพระวินัยกล่าวคือ

             ๑. ต้องไม่สะสมของที่ได้มาและต้องรู้ว่าสิ่งของหรืออาหารต่าง ๆ นั้นสามารถเก็บไว้ได้นานเท่าใด  อาหารทั่วไปเก็บได้ตามเวลา เช่นเช้า – เที่ยงวันเท่านั้น หากเป็นสิ่งของที่ใช้ปรุงยาสามารถเก็บไว้ได้ตลอด

             ๒. เพื่อไม่ให้ยึดติดไม่ให้หวงแหน

             ๓. เพื่อความเป็นระเบียบในการอยู่ร่วมกันของสงฆ์

             ๔. เพื่อการอาศัยร่วมกับฆราวาสอย่างเป็นสุข เพื่อไม่ให้เกิดการติเตียน

 

ตัวอย่างการใช้ทรัพย์ตามหลักศาสนา

            ฆราวาส การใช้ทรัพย์ หรือการมีวิถีทางเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้องกับหลักทางพระพุทธศาสนา เป็นการเอาเปรียบและเบียดเบียนผู้อื่น เช่น นักการเมืองแสวงหาทรัพย์อันเกิดจากการทุจริต การช้อราษฎร์บบังหลวง ทำให้บ้านเมืองไม่สามารถพัฒนาไปได้อย่างที่ควรจะเป็น ใช้อำนาจที่ตนมีเป็นเครื่องมือแสวงหาทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรมให้กับตนเองและเพื่อนพ้อง ทำให้เกิดการแตกแยกทางสังคม รวมถึงนักธุรกิจที่ไม่มีศีลธรรมก็จะแสวงหาทรัพย์โดยไม่สนหลักมนุษยธรรม เกิดการขัดแย้งระหว่างชนชั้นนายทุนและลูกจ้าง หากประชาชนปฏิบัติตนตามหลักเศรษฐกิจของศาสนาพุทธและรวมถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สังคมไทยก็จะอยู่เป็นสุข แม้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจก็สามารถเลี้ยงตนเองได้

            พระสงฆ์ หากปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจตามพระธรรมวินัย สังคมสงฆ์ก็จะอยู่อย่างสงบสุข เป็นที่ศรัทธาของประชาชน ศาสนาพุทธจะมีผู้เลื่อมใสมากมาย เป็นการสืบทอดพระศาสนาให้ยาวนานขึ้น เช่นการใช้ผ้าจีวรของพระอานนท์ ที่ใช้อย่างคุ้มค่าคือเริ่มจากการเป็นเครื่องนุ่งห่ม เมื่อเก่าแล้วก็ใช้เป็นผ้าปูนอน เก่าแล้วใช้ปัดเช็ดถู เก่ามาใช้เป็นผ้าเช็ดเท้า และเมื่อเก่าจนใช้ไม่ได้ก็ตำรวมกับมูลดินเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ซึงถือเป็นตัวอย่างของการใช้สอยทรัพย์อย่างคุ้มค่า

บทสรุป

            เหตุที่ต้องหลักธรรมกับเศรษฐกิจเพราะ ผู้ที่เข้าบวช รวมถึงฆราวาสนั้นมีภูมิหลังที่ไม่เท่ากัน ฐานะทางสังคมและการเงินไม่เท่ากัน แต่เมื่อมาอยู่รวมกันแล้ว จะต้องประพฤติปฏิบัติให้เป็นแนวทางเดียวกัน เสมือนดอกไม้ต่างพรรณต่างสีที่กระจัดกระจายถูกนำมาร้อยเป็นพวงเดียวอย่างสวยงาม

 

วาทิน ศานติ์ สันติ

๒๐ ต.ค. ๒๕๕๖

หมายเลขบันทึก: 551450เขียนเมื่อ 21 ตุลาคม 2013 22:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม 2020 21:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท