ทานไม่ตรงเวลา - เน้นมื้อเย็น (ระวังเป็นกรดไหลย้อน)


ทานไม่ตรงเวลา  -  เน้นมื้อเย็น

ระวังเป็นกรดไหลย้อน

ใครมีพฤติกรรมระคายเคืองบริเวณลำคอตลอดเวลา  หรือมีอาการท้องอืด  แน่นท้อง  หรือหลังอาหารมือหลักมักจะมีอาการคลื่นไส้อยากอาเจียน  อาการเหล่านี้มักเป็นลางบอกเหตุของการเกิดโรคกรดไหลย้อน???

               ลักษณะของโรคกรดไหลย้อน  ผู้ป่วยมักจะมีอาการเสียงแหบ  หรือมีอาการกระแอมตลอดเวลา  เช้า  กลางวัน  เย็น  เหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอโดยเฉพาะในช่วงตอนเช้าเนื่องจากเวลานอน  บางรายพูดๆ ไปเสียงก็หายไป  หรือเสียงแห้งไปเลย  รวมทั้งรู้สึกว่ามีอะไรร้อน ๆ อยู่ในช่องคอ  จุกแน่นบริเวณหน้าอก  รู้สึกเหมือนว่าในลำคอมีสิ่งแปลงปลอมอยู่  เมื่อกลืนอาหารเหมือนมีอะไรมาติดอยู่ในคอ  กลืนอาหารลำบาก  มีอาการปวดแสบปวดร้อนในหน้าอก  โดยอาการเหล่านี้ผู้ป่วยมักกังวลเพราะไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร  หาที่มาของอาการไม่ได้  บางคนกังวลกลัวว่าตนเองจะเป็นมะเร็ง  ก็จะมาหาหมอ

               เมื่อมาหาหมอ  หมอจะตรวจโดยดูในส่วนของคอโดยมีอุปกรณ์พิเศษไม่ใช่แค่เอาไม้กดลิ้นธรรมดา  แต่จะใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นแท่งเหล็กที่ปลายเป็นกระจกเพื่อสะท้อนรูปร่างของกล่องเสียงให้เป็นหมดได้เห็น  หากเป็นโรคกรดไหลย้อนลงกล่องเสียง  จะพบว่า  บริเวณกล่องเสียงส่วนหลังจะบวมแดง  หรือบางรายอาจลามไปยังส่วนของเส้นเสียงด้วย  ผู้ป่วยจึงมาด้วยอาการเสียงแหบ

                เมื่อมีภาวะที่เรียกว่า  กรดไหลย้อน  ที่มีสาเหตุมาจากการทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์  เช่น อาหารจานด่วนทั้งหลาย ชา  กาแฟ  น้ำอัดลม  รวมทั้งมีพฤติกรรมชอบกินอาหารเย็นหนักๆ  แล้วนอนเลย  อาหารจึงยังตกค้างอยู่ในกระเพาะ   ร่างกายก็ต้องหลั่งกรดออกมาย่อยอาหารที่ยังตกค้างเหล่านั้น  ทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนจึ้นมาที่ลำคอ เกิดอาการแสบระคายเคืองขึ้นมาบนคอในส่วนของกล่องเสียงด้านหน้าได้  ซึ่งปกติ  กล่องเสียงของคนเรานั้น  เนื่้อเยื่อไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อให้ทนกับกรด  จึงเกิดอาการบวม  นั่นคือ  อาการที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บคอเหมือมีอะไรอยู่ในคอ  รวมทั้งเมื่อเนื้อเยื่อมีอาการบวมแดง  ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น  คือ  จะมีการผลิตคล้ายเมือกออกมา  ซึ่งนี่เองคือสาเหตุที่ว่า  ทำไมผู้ป่วยถึงรู้สึกเหมือนมีเสมหะอยู่ในลำคอ  มีอาการกระแอมตลอดเวลา

                การเกิดของโรคนี้  ต้องแก้ที่สาเหตุในส่วนของการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน  เพื่อจัดการให้มีกรดไหลย้อนขึ้นหลอดอาหารน้อยที่สุด  เริ่มจากการทานอาหารต้องทานให้ตรงเวลา  และไม่ทานอาหารมากหรืออิ่มจนเกินไปในแต่ละมื้อหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง  และทานอาหารจำพวกผักและผลไม้ที่มีใยอาหารให้มากขึัน  ในส่วนของ  ชา  กาแฟ  น้ำอัดลม  เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  ควรงด  แล้วเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ  เมื่อทานอาหารเสร็จให้นั่งหรือทำอะไรก่อนอย่าเพิ่งนอนทันที  โดยใช้เวลาประมาณ  3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย  เพื่อให้อาหารได้มีการย่อยแล้วค่อยเข้านอน  ส่วนใครที่มีน้ำหนักตัวเกินกว่ามาตรฐานมาก ๆ ควรหาทางลดน้ำหนัก  เนื่องจากไขมันในช่องท้องและไขมันรอบพุงต่างก็มีส่วนเพ่ิมแรงดนในช่องท้อง  ทำให้กรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น  นอกจากนี้ควรหมั่นหาเวลาว่างออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  พร้อมทั้งควบคุมเรื่องอาหารการกิน

                หากเป็นโรคนี้แล้ว  ต้องใช้เวลาในการรักษา  นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารแล้วยังต้องทานยาอย่างสม่ำเสมอ  โดยจะเป็นกลุ่มยาลดกรด  รวมทั้งกลุ่มยาที่ช่วยทำให้มีการบีบตัวของกระเพาะอาหาร  หลอดอาหาร  และลำไส้  ให้พอเหมาะมากขึ้น  และกลุ่มยาที่ช่วยป้องกันไม่ให้กรดไหลขึ้นมาในส่วนของกล่องเสียง

                กรดไหลย้อนแม้เป็นโรคที่ไม่น่ากลัว  แต่เมื่อเป็นแล้วจะทำให้รู้สึกรำคาญ  เสียบุคลิก  รู้สึกกังวลกับอาการที่เป็นอยู่  จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลตนเอง  จัดระเบียบชีวิตประจำวันให้ดี  จะได้ไม่เป็นโรคนี้  เพราะเป็นแล้วต้องใช้เวลาในการรักษานานนั่นเอง

ที่มา: หน้า  14 เกร็ดความรู้  จดหมายข่าวสำนักงานศาลปกครอง

 

 

คำสำคัญ (Tags): #สารความรู้
หมายเลขบันทึก: 551064เขียนเมื่อ 16 ตุลาคม 2013 15:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม 2013 15:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณสำหรับความรู้ที่เป็นประโยชน์ครับ

ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจค่ะ   ขอให้ทุก ๆ คนดูแลสุขภาพด้วยนะค่ะ เดี๋ยวอาหารการกินก็ต้องระวังให้มากๆ  อากาศก็เปลี่ยนแปลงบ่อย

ด้วยความเป็นห่วงในสุขภาพค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท