จากการเข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาเทคนิคการเขียนภาพด้วยสีอาคิลลิคโดยชมรมครูศิลปะกรุงเทพมหานคร (7-8ตุลาคม 2556)
ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมครั้งนี้เป็นโอกาสที่เราได้เรียนรู้หลายๆอย่างที่พอสรุปไดดังนี้
1. ได้สังคมใหม่เจอเพื่อนใหม่ที่ไม่ใช่ครูในโรงเรียนเดียวกัน ไม่ใช่ครูกลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม แต่เป็นครูกลุ่มศิลปะทั้งกทม.สังกัดกทม.และเอกชน
2. ได้รูปแบบการถ่ายทอดความรู้ทางศิลปะ เช่น
_การเสียสละ
_ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน
_ การให้กำลังใจแรงเสริมเติมเต็มให้เกิดเป็นพลังความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ
_ ความกล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง
_ การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
3. การสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง ไปแรกๆ เราจะทำอะไรดี เราจะไปอยู่ส่วนไหนของกลุ่ม ความคิดแบบนี้ได้เปลี่ยนไปทันทีที่ประธานชมรม ดร. สมบูรณ์ คำมามูลและสมาชิกทุกคนเข้ามาทักทายและชวนเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งเราไม่เคยทำเป็นและไม่เคยคิดว่าจะทำได้ทุกคนช่วยเชียร์ บอกทำไปเถอะถ้าตรงไหนที่แก้ไขหรือต่อเติมก็จะมีพี่ๆที่คอยให้คำแนะหรือชี้แนะ วันนี้มีความภาคภูมิใจในชิ้นงานแรกที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตจริงๆ และเป็นสีอาคีลลิคด้วย วิทยากรที่มาให้ความรู้วันนี้คือรศ.นพดล เนตรดี ท่านเป็นกันเอง สอนไปทีละขั้นตอนไม่เครียด พอวันที่สองเป็นเรื่องของสีน้ำงานนี้เครียดแต่ก็ทำไปตามจินตนาการ และตามตัวอย่างที่อาจารย์สาธิตให้ดู ในที่สุดงานก็สำเร็จได้อีกหนึ่งชิ้น โดยได้รับการชี้แนะจากรุ่นพี่และช่วยต่อเติมโดยอาจารย์เองทำให้งานสำเร็จ สมบูรณ์และสวยงาม มันเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจที่จะทำงานต่อไปให้สำเร็จและได้คิดถึงเด็กที่ห้องเรียนทันที คิดถึงความหลากหลายความสามารถของเด็กรายบุคคล ที่เราต้องคอยเติมเต็มให้เขามีกำลังใจที่จะเรียนในแต่ละสาระให้ผ่านไปอย่างภาคภุมิใจการลงมือทำงานสองวันนี้ทุกคนมีความสุขและมุ่งมั่นทำงานของตนเองให้สำเร็จไม่มีใครหนีออกจากงานของตนเองเลย มันเป็นเวลาที่มีค่ามากที่สุดได้ใช้เวลาที่คุ้มค่ามาก
4. ได้ข้อคิดที่ได้จากการไปครั้งต่อยอดในเรื่องของการจัดการเรียนการสอนอย่างไรจึงจะให้เด็กเกิด _ ความรักในการทำงาน
_ ไม่หนีเรียน
_ ไม่สนใจกิจกรรมอื่น
_ ไม่หลับในห้องขณะเรียน อ
_ ไม่คุยกันนอกเรื่องขณะอยู่ในห้องเรียน
_ อยากมาเรียนหนังสือ
_ อยากร่วมกิจกรรม
_ มีจิตอาสา
_ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
_ เกิดความภาคภูมิใจในชิ้นงานหรือผลงาน
สรุปได้ว่าผู้นำหรือผู้บริหารก็มีความสำคัญที่จะบริหารจัดการในการทำงานให้ดีได้ต้องมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาช่วยเป็นอค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำหรือผู้บริหารที่มีภาวะความเป็นผู้นำ เห็นความสำคัญของทุกคน บริหารงานที่ต้องเอื้อได้กับทุกระดับมีความสัมพันธ์แบบแนวนอนให้มาก ระบบการทำงาน สั้น กระชับ ไม่เสียเวลามาก การทำงานต้องมีเป้าหมาย วางแผนแล้วปฏิบัติให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จัดระบบพี่เลี้ยงให้ผู้มีประสบการณ์สูงต้องช่วยผู้ที่อ่อนประสบการณ์กว่า เกิดเสรีภาพทางงานวิชาการแต่ต้องเป็นเชิงบวกอีกทั้งการรูจักกาลเทศะในการแสดงออกทางความคิด
ความรู้และเวลา ถ้าทุกคนยอมเสียสละและรู้จักการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันของแต่ละสาขาวิชากันเป็นประจำหรือลักษณะการเข้ามาประชาคมกันอยู่เสมอก็จะก่อให้เกิดความเจริญงอกงามทางด้านวิชาการ จะทำให้ลดช่องว่างในการสร้างสรรค์งานวิชาการระหว่างผู้บริหารกับบุคลากร และครูรุ่นเก่ากับครูรุ่นใหม่
ดังนั้นครูทุกท่านในองค์กรต้องร่วมมือช่วยกันสร้างความแข็งแกร่งให้กับงานวิชาการของไทยดังที่ศาตราจารย์เกียรติคุณ ดร.เจตนา นาควัชระ ได้พูดไว้ในการบรรยายพิเศษของข่าสภาคณาจารย์ ฉบับเดือนเมษายน 2555 ไว้ว่า ครูจะอยู่คนเดียวไม่ได้ต้องมีสังคม และมีเพื่อน ต้องเป็นตัวของตัวเอง ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ต้องมีความรักความเมตตา อุทิศเวลา ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สมกับความเป็นครูในยุคศตวรรษที่21ให้ได้ การเป็นครูที่ดีต้องพิสูจน์ให้ได้รับการยอมรับจากคนในสาขาและวงวิชาการในวงกว้าง จะเห็นได้ว่าโลกเสมือนจริงมีความสำคัญยิ่งหากเราสามารถทำให้มนุษย์ด้วยกันได้สร้างความมั่นคงทางปัญญาให้เกิดขึ้นได้
ข้อเสนอแนะในเรื่องของโครงการหรือนโยบายการสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการของหน่วยเหนือควรจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการดังกลุ่มศิลปะจัดขึ้นเพราะได้ทั้งคน และผลงาน ที่สร้างสรรค์และทุกคนได้เต็ม100
โดย วาสนา รังสร้อย
ชอบสีน้ำครับ...
นำภาพสวยๆมาลงให้ื่นชมด้วยนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ได้ความรู้มากเลยนะครับ
ได้ทั้งเรื่งศิลปะและการแก้ปัญหานักเรียน
อาจารย์อยู่จังหวัดไหนครับ