คนส่วนน้อยในบ้านเราที่ตามข่าวต่างประเทศคงเคยอ่านเจอข่าวเรื่องการลักลอบเก็บข้อมูลของคนทั่วโลกโดยหน่วยงานการข่าวของประเทศมหาอำนาจดี แต่สื่อของไทยไม่ค่อยลงข่าวเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เท่าไร คงคิดว่าไม่สำคัญ ทั้งๆ ที่สำคัญ สิ่งที่ตามมาก็คือ ผู้นำประเทศทั้งในยุโรป และอเมริกาใต้ต่างก็เป็นเดือดเป็นแค้นเรื่องนี้กันใหญ่ ส่วนของเราคงไม่ต้องหวังว่าจะมีปัญญาไปเป็นเดือดเป็นแค้นหรือแม้แต่รู้เรื่องอะไรกับเขา
วันนี้ไปเจอหน้าบรรณาธิการของนิวยอร์คไทม์ แต่ว่าคนที่เขียนเป็นนักเขียนรับเชิญผู้เคยเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ในยุโรป ทำให้ได้ข้อมูลมากขึ้น เขาเน้นในประเด็นในหัวเรื่องบทบรรณาธิการว่า ยุโรปกำลังพ่ายแพ้ในโลกดิจิตอล กล่าวคือประเทศมหาอำนาจกำข้อมูลไว้ทั้งหมด
แม้ในภาคธุรกิจเอง คนธรรมดาๆ ทั่วโลกก็โดนเก็บข้อมูลไป อย่างข่าวล่าสุด กูเกิลก็กำลังเจริญรอยตามเฟซบุ้คในการจะนำทั้งชื่อเรา ภาพถ่ายเรา ไปใช้ในการโฆษณาสินค้า ถ้าเมื่อไรก็ตามเราเผลอไปให้ความเห็น หรือชมชอบผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่าง โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเราอีก ทั้งนี้ กูเกิลบอกว่ายังมีเวลา ถ้าใครไม่ชอบก็สมัครขอออกจากนโยบายนี้ได้ ภายในต้นเดือนหน้า แต่ตอนนี้ผมก็ยังคลำไม่เจอว่าจะไปขอออกจากนโยบายนี้ได้อย่างไร
เมืองไทยเราไม่เคยได้ยินว่ามีทำเหมืองข้อมูลแบบนี้มั่ง
น่ากลัวนะครับ
ข้อมูลบางอย่างเราไม่อยากให้เขาทราบ
ขอบคุณครับ
เราทำอะไรไม่ได้หรอกครับ
มีเหตุการณ์หนึ่งในอดีต อาจจะมีส่วนคล้ายอยู่บ้างในเรื่องความเป็นส่วนตัว คือผมเคยเข้าไปรู้จักบางคนที่มีความสามารถพิเศษรู้ความคิดคนอื่นได้ และคนๆ นี้ไม่ใช่พระภิกษุ เป็นสุภาพสตรีอ่อนวัยกว่า โอ้ย อึดอัดมาก ตอนนั้นรู้สึกแทบเหมือนเราไม่มีอะไรป้องกันความเป็นส่วนตัวได้เลย