ภาคเรียนวิริยะ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ คุณครูสุ - สุภาพร กฤตยากรนุพงศ์ ได้รับโอกาสให้มาสอนคณิตศาสตร์นักเรียนชั้น ๒ ด้วยความรู้สึกกังวล เพราะไม่เคยสอนเด็กเล็กๆ มาก่อน แต่ความรู้สึกที่มีต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ กลับสร้างพลังให้กับครูสุได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ในวันที่ณาญ่า เด็กหญิงผมยาว ตาเล็ก รูปร่างผอมบางเขียนสะท้อนการเรียนรู้ว่ารู้สึก “ชอบคณิตศาสตร์มากขึ้น เพราะเข้าใจแล้ว” และ จั๊มเด็กชายผิวคล้ำ ตาเล็ก เสียงกังวาน ที่มักถามคำถามทุกเช้าที่พบกันว่า “ครูสุ ครูสุ จั๊มมีงานแก้ไหมครับ” เขียนสะท้อนการเรียนรู้เอาไว้ว่าเขารู้สึก “มหัศจรรย์กับคณิตศาสตร์” จึงเป็นวันที่ครูสุรู้สึกมีความสุขมาก
ความรู้สึกที่เด็กๆ สะท้อนผ่านสมุดคณิตศาสตร์ และคำแนะนำดีๆ ที่ได้รับจากคุณครูใหม่ – วิมลศรี ที่ไปนั่งสังเกตชั้นเรียนหลังจากที่จบคาบเปิดชั้นเรียนของห้องคุณครูหนึ่ง – ศรัณธร แล้ว
ครูใหม่สะท้อนว่าชั้นเรียนของครูสุ “ยังขาดเรื่องของจินตนาการ ความงามทางคณิตศาสตร์ และการนำความรู้ที่เรียนมาไปเชื่อมโยงกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน” ทำให้ครูสุต้องทบทวน และเพิ่มเติมส่วนที่ขาดหายไปด้วยวิธีการที่ได้รับคำแนะนำมาจากครูใหม่ในคาบเรียนถัดไป
เปลี่ยนกิจกรรมในชั้นเรียน
คาบเรียนที่แล้ว นักเรียนห้อง ๒/๔ ได้รู้จักกับมุมฉากไปแล้ว มีการให้นักเรียนเขียนระบุสิ่งของที่อยู่รอบตัวที่มีมุมฉาก คาบเรียนนี้มีกิจกรรมให้นักเรียนลองนำกระดาษที่พับให้เป็นมุมฉากไปลองทาบกับสิ่งของต่างๆ ดู พบว่าคาบเรียนนั้นเด็กๆ รู้สึกสนุกกับการเรียนรู้มาก คาบเรียนนั้นเองที่เป็นคาบเรียนจุดประกายให้เราทดลองค้นหาวิธีที่จะทำให้เด็กๆ เรียนรู้อย่างเข้าใจและสนุกไปกับการเรียนรู้
คาบเรียนถัดมาครูสุจึงนำเอาการใช้สีมาสร้างให้เกิดความงาม และเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ในช่วงภาวะพร้อมเรียนกับความรู้สะสมที่เด็กๆ มี คาบเรียนนี้ครูเล่าเรื่องแล้วให้เด็กๆ ระบายสีตามรูปร่างที่ได้ยิน ...โอเคเลย ! วันนี้ดูเด็กๆ มีสมาธิ จดจ่อต่อการฟัง เกาะติด และสนุกกับการระบายสีตามรูปร่างต่างๆ เช่นรูป สามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม บอกกับตัวเองวิธีนี้ใช้ได้ วันนี้ขอแค่นี้ก่อน
อีกคาบเรียนหนึ่งนำเอาคำใบ้มาสร้างจินตนาการ ด้วยการเล่านิทานประกอบคำใบ้ที่แสดงลักษณะของรูปร่างต่างๆ ว่า “มีเด็กชายช่างสังเกตคนหนึ่ง กำลังเดินทางไปสวนสัตว์ เมื่อเขาไปถึง และก้าวลงจากรถ เข้าสังเกตเห็นประตูสวนสัตว์มีลักษณะ เป็นรูปสี่เหลี่ยม มีมุม ๔ มุมเป็นมุมฉาก มีด้านที่ยาวเท่ากัน ๒ คู่ เด็กชายช่างสงสัยอยากรู้รูปประตูเป็นรูปอะไรนะ เมื่อเดินพ้นประตูมาเจอห้องลึกลับ มีรูปร่างมากมายเลย มีรูปหนึ่งเป็นกรอบรูปแตกต่างจากรูปอื่นเลย รูปนั้นมีมุม ๓ มุมมีด้าน ๓ ด้านเป็นเส้นตรง เด็กชายขี้สงสัยอยากรู้รูปนี้เป็นรูปอะไรนะ และเมื่อออกจากห้องลึกลับ ก็พบรูปมีมุม ๔ มุม มีด้าน ๔ ด้านเป็นเส้นตรง เขาไปพบกับรูปอะไร”
เมื่อเล่าจบครูให้นักเรียนเขียนชื่อรูปร่างที่มีลักษณะตามคำใบ้ที่ได้ยินจากเรื่องที่เล่า เด็กตั้งใจเขียนกันมาก ตอนเฉลย...โอ้โห! เด็กๆ ยกมือตอบกันใหญ่ไม่น่าเชื่อเลยว่าส่วนใหญ่ตอบถูกด้วยนะ เมื่อครูเห็นเด็กมีสมาธิต่อเนื่อง จึงไม่รีรอที่จะแจกโจทย์สถานการณ์ เมื่อพวกเขาอ่านโจทย์ และลงมือทำ พวกเขาสามารถร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้เป็นส่วนใหญ่ และสรุปได้ว่ารูปใดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ในตอนท้ายคาบเรียนทิ้งความมหัศจรรย์ให้กับนักเรียนด้วยการแจกกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้คนละหนึ่งแผ่น จากนั้นครูพับกระดาษโดยนำมุมบนของด้านกว้างพับทบลงมาเป็นรูปสามเหลี่ยมให้ด้านกว้างทับกับด้านยาวพอดี จากนั้นครูถามนักเรียนว่าเกิดเป็นรูปอะไร เด็กส่วนๆ ตอบได้รูปสามเหลี่ยมกับรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จากนั้นให้นักเรียนลองพับและขีดเส้นตรงแนวกระดาษด้านที่เป็นมุมฉาก จากนั้นให้นักเรียนคลี่กระดาษที่พับออก แล้วถามว่าพบรูปอะไรเพิ่มอีกไหม เด็กๆ ตอบได้ทันทีว่ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตอนครูสุพูดว่าวันนี้หมดเวลาแล้วก็ได้ยินเด็กคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความเสียดายว่า “หมดเวลาแล้วเหรอ”
คาบเรียนต่อมา...ไม่อยากจะเชื่อเลย
วันพุธที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ช่วงภาวะพร้อมเรียน ครูทบทวนความรู้สะสมของเด็กๆ ด้วยการพับกระดาษ โดยครูพับเหมือนคาบเรียนที่แล้ว และถามนักเรียนว่าสังเกตเห็นอะไร คำตอบที่ได้คือ รูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
จากนั้นครูใช้คำใบ้รูปร่างของสี่เหลี่ยมจำนวน ๔ ข้อ เพื่อทดสอบความแม่นยำอีกครั้ง
๑. ให้นักเรียนชื่อรูปร่างของสี่เหลี่ยมที่มีมุม ๔ มุมเป็นมุมฉาก มีด้านที่ยาวเท่ากัน ๒ คู่
๒. ให้นักเรียนชื่อรูปร่างของสี่เหลี่ยมที่มีมุม ๔ มุม มีด้าน ๔ ด้านเป็นเส้นตรง
๓. ให้นักเรียนวาดรูป เป็นรูปสี่เหลี่ยม มีมุม ๔ มุม แต่มี ๑ มุมเป็นมุมฉาก
๔. ให้นักเรียนชื่อรูปร่างของสี่เหลี่ยมที่มีมุม ๔ มุมเป็นมุมฉาก มีด้าน ๔ ด้านที่ยาวเท่ากันทั้งหมด
สร้างแรงบันดาลใจ
ครูนำกระดาษรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมาติดบนกระดาน จากนั้นตั้งคำถามถามนักเรียนว่า “จะรู้ได้อย่างไรว่ากระดาษนี้เป็นกระดาษรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส”
ซิดนี่ยกมือตอบว่า “ต้องเป็นสี่เหลี่ยมมีมุมฉาก ๔ มุม และมีด้าน ๔ ด้านยาวเท่ากันทั้งหมด”
เพื่อนๆ ส่งเสียงสนับสนุนบอกว่า “ใช่...ให้ครูลองวัดดูเลย”
ครูทำการวัดมุมก่อน จากนั้นก็วัดด้าน และเขียนเลขกำกับด้านไว้
คำถามต่อมาของครู “แล้วถ้าครูไม่วัดจะทำอย่างไรได้บ้าง”
นักเรียนตอบมาว่า “ให้ลองพับดู”
ครูทำการพับกระดาษรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสให้กลายเป็นรูปสามเหลี่ยมตามที่นักเรียนบอก แล้วค่อยๆ พูดสรุปให้ทุกคนเข้าใจว่า ถ้ากระดาษพับแล้วทบกันได้พอดีกัน แสดงว่าด้าน ๔ เท่ากับ ด้าน ๑ และด้าน ๑ เท่ากับด้าน ๒ และด้าน ๒ เท่ากับด้าน ๓ ดังนั้นทุกด้านจึงเท่ากันหมด (ตอนที่เขียนบันทึกนี้รู้สึกเสียดายไม่ได้เขียนข้อสรุปบนกระดาน แต่ในตอนนั้นเด็กๆ ส่วนใหญ่ก็มีทีท่าว่าเข้าใจ)
ยอดเยี่ยมครับ...