“ครู”ในทัศนะของพระพุทธศาสนา โดยพระพิศาลปริยัตยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดหาดใหญ่สิตาราม


"ผู้ที่เอาความรักรดราดลงไปในดวงใจศิษย์!" ผู้นั้นได้ชื่อว่า “ครู”

ท่านเจ้าอาวาสวัดหาดใหญ่สิตารามกำลังรับกฐินจากคณะญาติโยมประเทศมาเลเซียเมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๕
 ขอบคุณภาพจาก  http://bankaonews.com/?p=3139 สืบค้นเมื่อ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖

 

ผู้เขียนเป็นครูมาเกือบ ๒๐ ปี (ทำไมมันช่างเร็วเช่นนี้)
มีบันทึกหนึ่งซึ่งเขียนไว้แล้วมักหยิบมาอ่านเพื่อเตือนตนให้ทำหน้าที่ครูเหมือนอย่างที่ได้รับการอบรมมา

รู้สึกจะ 2-3 ปีมาแล้ว ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ท่านวิทยากรรูปหนึ่ง คือท่านเจ้าอาวาสวัดหาดใหญ่ใน ซึ่งให้ความเมตตามาบรรยาย
ในห้องสัมมนาซึ่งต้องให้ลูกศิษย์แบกหามท่านใส่รถเข็นมา
แต่เนื้อหาการบรรยายนั้น สนุกมาก จนข้าพเจ้าถอดความไว้ตามที่จะทรงจำได้
หลังจากกลับมาแล้วต้องทำรายงานส่งให้ต้นสังกัด
อยากให้ทุกท่านลองอ่านดูเผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อวงการศึกษาของบ้านเรา
และเป็นประโยชน์ต่อเราๆท่านๆทั้งหลายตามสมควร!!

ทัศนะการสอนเพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม : มุมมองด้านศาสนาพุทธ
โดยพระมหาสมโภชน์ กิจจสาโร
(ท่านพระมหาสมโภชน์ กิจจสาโร  ปัจจุบันจำพรรษา
ณวัดหาดใหญ่สิตาราม  จ.สงขลา และเพิ่งได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพิศาลปริยัตยาภรณ์ 
ซึ่งในชั้นต่อไปจะขอแทนชื่อท่านว่า “ท่านเจ้าคุณ”)

ภาคเช้าบรรยาย(บันทึกที่ 539738)

ภาคบ่าย ท่านเจ้าคุณบรรยายต่อในหัวข้อ

ครูในทัศนะของพระพุทธศาสนา

 "ผู้ที่เอาความรักรดราดลงไปในดวงใจศิษย์!"  ผู้นั้นได้ชื่อว่า ครู

การเอาความรัก รดราด ลงไปหมายถึงอะไร?

  ๑.ผู้ป้องกันภัยให้ศิษย์พ้นจากอันตราย
ชี้นำให้เห็นโทษ เห็นคุณต่างๆ ที่จะเกิดในชีวิต
 ๒.ผู้เพ่งโทษน้อยใหญ่ของลูกๆ ชี้ว่าอย่างนี้ไม่ดี ทำแล้วเป็นอย่างไร
ถ้าไม่ทำจะเป็นอย่างไร เป็นผู้ปกปักรักษา
 ๓.อดทนต่อการให้คำสั่งสอน ไม่เบื่อที่จะบอก จะสอน แนะนำทำให้ดู
 ๔.เป็นผู้ที่ยังให้ศิษย์ไว้วางใจที่จะทำตาม

 " เด็กเคยอยู่กับครอบครัวอย่างไร  เราต้องให้ความรักเด็กอย่างนั้น

ถึงตอนนี้ท่านเจ้าคุณได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับเณรองค์หนึ่งให้ฟังว่า
มีพระนำเณรมาฝากจากจังหวัดภูเก็ต ก่อนท่านจะลากลับมากระซิบไว้ว่า
"เณรองค์นี้ด่าเก่งมาก ถ้ารับไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ให้ส่งกลับคืนท่านที่ภูเก็ต!"

  ท่านเจ้าคุณเมื่อรับทราบเช่นนั้นก็มิได้ว่ากล่าวอะไร
เพียงแต่มอบเณรองค์ดังกล่าวให้อยู่ในความดูแลของของพระพี่เลี้ยงรูปหนึ่ง
ผ่านไปสามวันต้องเปลี่ยนพระพี่เลี้ยง พระบอกไม่ไหว ด่าเก่งเหลือเกิน
ท่านเจ้าคุณเลยต้องเปลี่ยนพระพี่เลี้ยงใหม่ ผ่านไปสามวันต้องเปลี่ยนอีก
จนหมดวัดไม่มีพระพี่เลี้ยงแล้ว

ท่านเล่าว่า   “ลืมบอกไปว่าเณรองค์นี้ชื่อเณรชาติ
แต่พวกเราที่วัดขนามนามให้ใหม่ว่า “ชาติชั่ว”(ถึงตอนนี้ผู้เข้าประชุมฮาตึง)

ในที่สุดต้องคืนเณรกลับมาให้ท่านเจ้าคุณ 
ท่านเจ้าคุณเมื่อเจอเณรชาตินี้ได้มาพบหน้ากันตอนตี ๔
เพื่อตื่นเตรียมตัวทำวัตรเช้า เจอหน้าปุ๊บท่านเลยทักว่า “ไงเณร
วันนี้ด่าหรือยัง?”
  เณรตอบ “ยังไม่ได้ด่า”
 ท่านเจ้าคุณ  “ อ้าว! ทำไมไม่ด่าล่ะ?”  “ด่าสิ่
 
ด่าเลย จะได้กลับบ้านเก่าเร็วๆ”
  เณรชาติงง??
ย้อนถามว่า “บ้านเก่าที่ภูเก็ตเหรอ?”
พอดีมีพระที่บวชมาหลายพรรษาอยู่ใกล้ๆ ตอนนั้นท่านฟังแล้วก็ยิ้มแล้วตอบแทนอาตมาว่า
“บ้านเก่าที่นรกไง!” (ผู้ฟังฮาอีก)

ท่านเจ้าคุณเลยรีบยุให้เณรชาติด่าอีก
บอกว่า “เอาเลย ด่าเลยเณร
"การด่ามากๆ เป็นการขอวีซ่ากลับบ้านเก่าเร็วขึ้น
 !"
ขอได้เร็วขึ้น ไปได้ลึกกว่าเก่า ใหญ่กว่าเก่า แล้วอยู่ได้นานกว่าเก่าด้วย!” (ที่ประชุมฮาตึงกันอีก)

  เมื่อพบหน้าเณรชาติทุกครั้งท่านเจ้าคุณจะถามว่า
ด่าหรือยัง ทำไมไม่ด่า แล้วยุให้เณรชาตด่าเสมอๆ
ผ่านไป ๑ เดือน เณรชาติมาขอปวารณาตัวว่า
ต่อไปนี้จะเลิกด่าแล้วครับ!

  การสอนของท่านให้เปรียบเณรองค์นี้เหมือนแมว
เวลาดึงไปข้างหลังมันจะมาข้างหน้า เวลาผลักไปข้างหลัง มันจะไม่ยอมไป
เด็กแต่ละคนท่านจะสอนไม่เหมือนกัน

ท่านเล่าอีกเรื่องว่า "มีโยมมาปรึกษาว่าลูกสมาธิสั้น
อาตมาถามว่าต้องการให้ยาวแค่ไหน???"

พ่อแม่บางคนคิดว่าวัดเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
เอาเด็กมาจุ่มไว้ ๑๐ วัน แล้วพากลับ จะหาย(ที่ประชุมหัวเราะ)

  ให้ความดีนำพาความสุขมาให้โดยไม่ต้องแสวงหาคุณธรรม จริยธรรม

 ท่านพูดถึงพ่อแม่สมัยปัจจุบันนี้ว่า
 "พ่อแม่ปัจจุบันรักลูกมากกว่าพ่อแม่เรารักเรา"

  "ชีวิตเรารักลูกเพื่อให้ลูกทำอะไรไม่เป็น
แล้วร้องขออย่างเดียว"

 เราลืมไปพ่อแม่สอนเราอย่างไร
พ่อกับแม่หลายคนก็ไม่ได้จบปริญญาตรี  แล้วคำสอนที่สอนพวกเรามาสืบๆกันมานั้น
ก็ไม่ค่อยมีคนสงสัยว่าจริงมั้ย? ใครสอน ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนั้น
ท่านยกตัวอย่างว่า
คำสอนที่พวกเราเชื่อฟังต่อๆกันมาว่า ให้นอนหลับวันละ ๘ ชั่วโมงนั้น
ไม่ทราบว่าใครเป็นคนต้นคิด  แต่ทางพุทธศาสนาไม่ได้สอนเช่นนั้น
ท่านสอนว่า

 “บัณฑิตนอน ๔  เศรษฐีนอน ๖  ยาจกนอน ๘”

  “ความอดทนเป็นอาวุธที่แผ้วถางทางชีวิต”

คุณธรรมไม่ใช่วัคซีนที่ฉีดปุ๊บหายปั๊บ
แต่ต้องค่อยๆหยอดวันละนิด

คุณธรรมเป็นเครื่องดำเนินชีวิตที่พ่อแม่ให้กับลูก

  มีลูกสาวคนนึงรักพ่อมาก
พอถึงวันเกิดลูกพ่อถามว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด
ลูกคนนี้ตอบเลยว่าอยากให้พ่อเลิกสูบบุหรี่ 
พ่อก็รับปาก แต่ทำไม่สำเร็จ มาปรึกษาอาตมา อาตมาให้กลับไปถามพ่อว่า

  พ่อเลี้ยงดูหนูมา
เคยเอาบุหรี่เลี้ยงหนูมั้ย พ่อไม่เคยเลยที่จะให้สิ่งไม่ดีกับลูก ถามอย่างนี้บ่อย ๆ ในที่สุดเลิกได้

เราเป็นพ่อแม่ต้องใส่คุณธรรมตลอดชีวิต
พ่อแม่เป็นผู้เติมพลัง ไม่ใช่รอจนอุดมศึกษาแล้วจึงสอนคุณธรรม จริยธรรม

กลับไปหาวิธีเดิมๆที่พ่อแม่ ปู่ ย่า ตา
ยาย ใช้มา คุณธรรมนั้นจะกลับมา

  ในตอนสุดท้ายท่านฝากแง่คิดไว้ว่า
“เรือนไม่มีชาน     หลานไม่มียาย ไม่สุขสบายเลยชีวิต”

เปรียบเทียบเหมือนกับบ้านที่ไม่มีชานบ้านนั่งเล่นหน้าบ้านหรือข้างบ้านก็แล้วแต่
มันจะร้อนไม่สบายเหมือนบ้านที่มีชานบ้าน หลายไม่มียายก็ลำบาก ไม่มีปู่ย่าตายายดูแล
เป็นแบบอย่างประพฤติปฏิบัติ
ครอบครัวนั้นจะเลี้ยงดูลูกด้วยความยากลำบากกว่าครอบครัวที่มีพ่อแม่ปู่ย่าตายาย.

 
ผู้เขียนนั่งฟังท่านบรรยายไปจดไปแล้วกลับมาถ่ายทอดให้ท่าน(ผู้อ่านอีกครั้งนึง)
หากมีคำพูดใดไม่เหมาะสมหรือผิดพลาดไป ผู้เขียนขอน้อมรับความผิดนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว
ทั้งนี้ยังไม่เคยได้ไปกราบท่านที่วัดเลย แต่อ่านข้อเขียนนี้แล้ว
เหมือนได้ไปนั่งฟังท่านสอนผู้เขียนเป็นการเฉพาะตนแท้เทียว!!
กราบนมัสการด้วยความระลึกถึงพระคุณเจ้ามา ณ ที่นี้

****หมายเหตุ****
ท่านผุ้อ่านสามารถติดตามกิจกรรมของวัดหาดใหญ่สิตารามได้จาก
http://bankaonews.com/?p=3139

หมายเลขบันทึก: 549336เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2013 14:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน 2013 14:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

 

         ต้องใส่คุณธรรมตลอดชีวิต ..... ขอบคุณค่ะ

"ผู้ที่เอาความรักรดราดลงไปในดวงใจศิษย์!"  ผู้นั้นได้ชื่อว่า ครู
ครูนกคงต้องพยายามพร่ำบ่นต่อไป....ค่ะ

ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้แม่พี่มะนาวและน้องโมกค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท