ใบงานพระอภิธรรมปิฎก ครั้งที่ ๑.docx
ใบงานพระอภิธรรมปิฎก ครั้งที่ ๒.doc
ใบงานพระอภิธรรมปิฎก ครั้งที่ ๓.doc
ใบงานพระอภิธรรมปิฎก ครั้งที่ ๓.doc
ใบงานพระอภิธรรมปิฎก ครั้งที่ ๔.doc
หากไม่นับพระไตรปิฎก หรือ “บาลี” ซึ่งเป็นหลักฐานชั้นหนึ่งแล้ว คัมภีร์อันดับสองที่รู้จักกันคือทั่วไปในนามอรรถกถานับว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเพราะเป็นคัมภีร์ที่อธิบายขยายความพระพุทธพจน์หรือบาลีให้เข้าใจหมายความว่า ตอนใดที่เป็นพุทธพจน์ซึ่งตรัสไว้ย่อๆ ก็จะมีคำอธิบายขยายความพุทธพจน์นั้น เพื่อให้มีเนื้อหาสมบูรณ์และเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ข้อความที่อธิบายขยายความพุทธพจน์นี้แหละท่านเรียกว่า “อรรถกถา”
อาจารย์ผู้แต่งคัมภีร์อรรถกถา เรียกว่า “มีกำเนิดมาอย่างไรนั้น ตามหลักฐานที่ปรากฏระบุว่าในราวพุทธศตวรรษที่ ๕ ในคัมภีร์มหาวงศ์และสัทธัมมสังคหะ ระบุข้อความเชิงประวัติว่า อรรถกถาเดิมนั้นพระมหินทเถระ ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้นำมายังศรีลังกา แล้วแปลมาจากภาษาเดิม (ภาษามคธหรือบาลี) สู่ภาษาสิงหฬ เชื่อกันว่า อรรถกถาเหล่านี้เป็นผลงานจากการทำสังคายนาครั้งที่ ๓
ครั้นล่วงมาถึงสมัยของพระพุทธโฆสาจารย์ อรรถกถาที่มีอยู่ในประเทศอินเดียได้สูญหายไปส่วนที่เหลืออยู่ก็ไม่สมบูรณ์เมื่อเป็นเช่นนั้นพระเรวตเถระ จึงได้แนะนำให้ท่านพระพุทธโฆสาจารย์ได้เดินทางไปศรีลังกาเพื่อศึกษาอรรถกถา และแปลกลับมาสู่ภาษาเดิม (คือมคธ) พระพุทธโฆสาจารย์จึงได้เดินทางไปศรีลังกาตามคำแนะนั้น แล้วได้ศึกษาและแปลอรรถกถาจากภาษาสิงหฬสู่ภาษามคธ (บาลี) ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ อรรถกถาที่เราได้ศึกษากันอยู่ใน
ปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลงานการแปลของท่านพระพุทธโฆสาจารย์ และพระเถระอื่นๆ ๑ คัมภีร์อรรถกถา จึงนับเป็นคัมภีร์สำคัญรองจากพระไตรปิฎกจะเห็นได้จากการที่คณะสงฆ์ไทย ใช้เป็นหลักสูตรของการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีตั้งแต่ชั้นประโยค ๑-๒ จนถึงประโยค ป.ธ. ๙
ได้มอบหมายให้นักศึกษาไปค้นคว้าเกี่ยวกับคัมภีร์พระอภิธรรม และให้นำมาส่งเผยแผ่ทางอีเมล์ด้วย เพื่อเป็นการฝึกทักษะของนักศึกษาในการใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เท่าที่จะทำได้
ไม่มีความเห็น