2
ภาพเหล่านี้นำมาจาก "images เศรษฐกิจชุมชน"
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
ทำไมถึงบันทึกเรื่องนี้
เรื่องก็มีอยู่ว่า
เมื่อตอนต้นเดือนกันยายน 2556 ที่ผ่านมา นั่งรถไฟ ได้คุยกับสองสามีภรรยารุ่นลูก ได้ความว่า ทั้งสองมาหาสินค้าจากกรุงเทพฯ ไปขาย คุยกันไปก็รู้สึกชื่นชมที่เธอทั้งสองช่างคิดทำมาหากิน จึงถามไปว่าลูกไปเรียนอะไรมาถึงค้าขายเก่ง ก็ได้รับคำตอบมาว่าเรียนจบ ม.6ในโรงเรียนศาสนาเอกชน ที่สอนเฉพาะทาง แต่ก็มีการสอนวิชาสามัญด้วย เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง พ่อแม่ผู้ปกครองของสามจังหวัดภาคใต้นิยมส่งบุตรหลานไปเข้าเรียนตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมตอนปลาย มีการเปิดสอนหลายสาขาวิชา โดยเฉพาะภาษา มีหลายภาษา อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น อาหรับ ฯลฯ เรียกว่าไม่แพ้โรงเรียนรัฐบาล
“ลูกเรียนมาทางธุรกิจใช่ไหม”
“ไม่เลยครับ”
“อาจอยู่ในวิชาการงานอาชีพ”
“ก็ไม่ได้เรียนสักเท่าไร”
“แล้วไปรู้วิชาการค้าขายมาจากไหน”
“ก็คิดกันเองครับ เคยทำสวนยาง ก็ไม่ไหว แต่ก็ยังทำอยู่บ้าง ตอนนี้ค้าขายเป็นรายได้หลักของครอบครัว”
“ทางเหนือเขาปลูกกะหล่ำปลี ทางใต้ปลูกยางพารา ทำการประมง ถ้ามีการสอนในโรงเรียน จะดีไหม……..” เธอทั้งสองก็นั่งฟังตามที่ชวนคุย แล้วก็คุยกันไปจนลงรถไฟจากกันไป
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็มักพบว่ามีการให้ความสำคัญในเรื่องวิชาชีพกันน้อย วิชาชีพในสมัยก่อน เรียกกันว่าวิชา “กรรม” เกษตรกรรม คหกรรม อุสาหกรรมศิลปกรรม หัตถกรรม ปัจจุบันวิชาเจ้า "กรรม" เหล่านี้ ไปรวมอยู่ในกลุ่มสาระวิชา ที่เรียกว่า การงานอาชีพและเทคโนลียี ครูวิชา "กรรม" ทั้งหลาย ก็หันไปเอาดีในวิชาอื่น ๆ เช่น วิชาคอมพิวเตอร์ ชนิดศึกษาด้วยตัวเอง แล้วก็เอามาสอนได้ พวกวิชา "กรรม" จึงเฉาทั้งครู และนักเรียน แต่ "กรรม ๆ" เหล่านี้ ก็ยังเบิกบานอยู่ในชุมชนน้อยใหญ่ ที่พ่อแม่ผู้ปกครองทำมาหากิน ส่งลูกไปโรงเรียน
แต่โรงเรียนมักไม่ค่อยให้ความสำคัญ ทำกันไปตามบุญตามกรรมในหลายโรงเรียนที่เคยพบเห็นมา
พ่อแม่ผู้ปกครองโดยทั่วไปก็ไม่นิยมให้ลูกหลานเรียนวิชาอาชีพ แม้อาชีพตัวเองที่เลี้ยงลูกมาได้ ก็ไม่ได้รับการสอนมามากมาย
พ่อแม่โดยทั่วไปก็ให้ลูกหลานไปเรียนพิเศษในวิชาสามัญเสียมากกว่า
สมัยนี้เคยพบว่าคนที่เรียนจบวิชาอะไรมา ก็ใช่ว่าจะไปทำงานในเรื่องที่เรียนมาโดยตรง จบวิศวกรรมศาสตร์ มาขายน้ำผลไม้ ทางสถานีวิทยุชุมชนของตนเอง จบนิเทศศาสตร์มาทำดอกไม้ขาย จบบัญชีมาขายอาหารปักษ์ใต้ หรือวิชา “กรรม” ที่ได้มาจากพ่อแม่โดยไม่ได้เรียนอยู่ในตลาดสดฯลฯ
ถ้าเด็ก ๆ ได้เข้าใจ สนใจในวิชาอาชีพ หรือวิชา “กรรม”มาตั้งแต่วัยเด็ก โตไปภายหน้า ก็อาจนำวิชาที่เรียนมาไปพัฒนาต่อยอดได้หรือไม่ก็ ทำเป็นอาชีพไปได้เลย เพราะวิชาเหล่านี้ คือชีวิต ที่ถูกปลิดไปจากความคิดทางการศึกษา ที่มุ่งสู่วิชาที่คนส่วนใหญ่ของประเทศแทบไม่ได้เอาไปใช้ เรียนจบมาได้ไม่กี่ปีลืมหมด
บันทึกเรื่องนี้มาก็หวังว่า จะเกิดความตระหนักว่าวิชาที่ไม่เรียนกันในโรงเรียนจะได้รับการให้ความสำคัญมากขึ้นทั้งในครอบครัวโดยทั่วไป และนักการศึกษาที่มักจะความสำคัญในเรื่องวิชาชีพน้อย มองวิชาชีพด้อยค่าทั้ง ๆ ที่วิชาเหล่านี้คือวิชาชีวิตที่ต้องกิน ต้องใช้ ต้องทำ กลับไม่ค่อยได้รับความสนใจ ไปสนใจเรื่องที่ไกลตัว ทั้ง ๆ ที่ในทุกวันนี้อยู่กันได้ ก็เพราะวิชาที่มักไม่มีสอนในโรงเรียนที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเขาทำกัน ดังที่ท่านได้ชมในภาพที่ผมเสนอมา
นักกีฬา ดนตรี นัก…..เป็นแชมป์โลกได้ ที่มักพบเห็นกันก็เพราะได้ฝึก ได้เรียน มาตั้งวัยเด็ก ลูกหลาน นักเรียนก็เช่นกัน ถ้าได้ฝึก ได้ทำอะไรมาตั้งแต่วัยเด็ก ก็จะเก่งได้เช่นกัน วิชาชีพ หรือวิชา “กรรม” ที่กล่าวมานั้นจะเป็นกรรมดีในภายหน้า ที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องให้ความสนใจส่งเสริมด้วย
อีกสองปีข้างหน้าเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เราจะเอาอะไรไปขาย รถยนต์ที่ขายได้ เทคโนโลยีที่ขายได้ ก็มักไม่ใช่ที่ทำเองได้ คนส่วนใหญ่ก็แค่ขายแรงงาน กำไรส่วนใหญ่กลับไปให้กับต่างชาติ
หากเราส่งเสริมการอาชีพพื้นฐานได้ที่ว่า พวก“กรรม ๆ ” ได้แล้วนำไปต่อยอดด้วยวิทยาการ เทคโนโลยีทันสมัย เราก็สามารถทำเองได้ ทำได้มาก เหลือกินเหลือใช้ ก็ขายได้
หากการศึกษาให้ความสำคัญกับวิชาเหล่านี้น้อยไป ก็คอยซื้อสินค้าจีนที่ทะลุทะลวงเข้ามายกใหญ่จนแทบเต็มตลาดสด ห้าง ศูนย์การค้า อย่างที่เห็น ๆ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ลึก ๆ แล้วเข้าใจว่า การศึกษาของเขาก็คือการทำมาหากินพื้น ๆ หรือ พวกวิชา “กรรม ๆ” ที่กล่าวมา แล้วนำมาพัฒนาต่อยอดด้วยวิทยาการสมัยใหม่ จนจีนมีสินค้าชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ ส่งขายทั่วโลก กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกไป
การศึกษาให้มีกินมีใช้เป็นพื้นฐาน เรียนจบ ตรี-โท-เอก ได้ก็ต่อยอดกันไปจากพื้นฐาน หรือทำอะไรใหม่ เอามาพัฒนาคุณภาพชีวิต ขายใน หรือนอกประเทศได้ พัฒนาไทยให้เจริญ
เรียนดี เรียนสูง พอนำมาบวกกับประสบการณ์ การงานอาชีพ ก็รวยได้
นี่คือเศรษฐีรุ่นใหม่
http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9550000144798
คลิ๊กอ่าน แล้วท่านจะเห็นว่า วิชาการงานอาชีพ ต้องเป็นประสบการณ์
ที่สามารถทำให้ลูกหลาน เป็นเศรษฐีได้
วิชาการบ้านเราดูแค่กระดาษแผ่นเดียวครับ
น่าเสียดาย