คำพูดหัวหน้า..ช่วยพัฒนาตน คนและงาน


เมื่อวานมีน้องที่เป็นเพื่อนครูอยู่ที่เขต ๒ ถามว่า ผอ.ทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด เอาเวลาพักผ่อนที่ไหน ผมก็เลยบอกไปว่า ขณะที่ทำงานอยู่นั้น ก็พักไปในตัวนั่นแหละ จิบกาแฟบ้าง เดินเล่นบ้าง บางทีก็ดูทีวีไปด้วย การทำงาน คือ การปฏิบัติธรรม ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ เราจะต้องไม่ทำงานด้วยความเครียด ไม่ให้งานมาบั่นทอนชีวิตเรา แต่เราต้องเข้าหางาน ทำให้งานน้อยลง และมีอิทธิพลบีบคั้นเราน้อยที่สุด

วันนี้..ได้ทำงานหลายอย่าง..ทำไปก็ให้รู้สึกคิดถึงหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอฯเจ้านายเก่า ที่เคยร่วมงานกันมา เมื่อสิบกว่าปีผ่านมาแล้ว สมัยที่ยังเป็น สปช. ท่านชื่อ หัวหน้า..อาทิตย์ จำปาถิ่น ปัจจุบันท่านเป็น ผอ.สกสค.จังหวัดราชบุรี

ท่านเคยพูดในที่ประชุมผู้บริหารโรงเรียน..พูดอะไรจำไม่ได้ แต่เท่าที่จดไว้ ท่านบอกว่า"การเป็นข้าราชการ..เป็นกัน ๒๔ ชั่วโมงนั่นแหละ" ผมกลับมาคิดดูก็ถูกของท่าน ทำให้ผมรู้สึกอยากปฏิบัติดีปฎิบัติชอบ มุ่งมั่นทำงานให้ถูกต้องตามกฎระเบียบและจรรยาบรรณ วันนี้..แหงนดูกิ่งไม้และป้ายผ้าไวนิลของโรงเรียน ถูกพายุฝนกระหน่ำมาหลายวัน ทำให้ห้อยย้อยละศีรษะ ดูเกะกะและไม่เรียบร้อย ผมเลยปีนบันไดขึ้นไป ใช้เชือกผูกขึงและดึงป้ายผ้าให้ตึง ส่วนกิ่งไม้ที่ไม่ใหญ่มากนัก ก็ใช้เลื่อยผูกปลายไม้ เลื่อยออกไปได้หลายกิ่ง ดูโล่งตา ไม่บังอาคารเรียนและแหล่งเรียนรู้ นอกจากจะทำให้สวยงามแล้ว ดูจะทำให้บริเวณโรงเรียนปลอดภัยด้วย

ขณะที่ตัดแต่งกิ่งไม้ ก็นึกถึงคำพูดหัวหน้าอาทิตย์ไปด้วย ท่านเคยพูดว่า "เวลาผมออกนิเทศโรงเรียน ผมไม่ชอบเลยที่เวลาเดินดูสิ่งแวดล้อมรอบๆอาคาร แล้วมีอะไรมาละหัว.."แม่ผมก็พูดแบบนี้ เหมือนกัน แม่เคยบอกว่าบริเวณบ้าน ต้องมองดูดีมีระเบียบถ้ามีอะไรมาละหัว ถือว่าไม่เป็นมงคล.. ใครจะมองว่าเป็นความเชื่อที่ขาดการพิสูจน์ แต่ผมคิดว่า "ศรัทธา"จะนำพาเราให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มีเวลาพอที่จะเก็บฝักอัญชันสีม่วง มีฝักแห้งๆให้เก็บมากมาย ผมนำไปเพาะในกระถาง อีกส่วนหนึ่งไปโรยข้างรั้วสมุนไพร ตั้งใจให้อัญชันเลื้อยไปตามรั้ว ถ้าเป็นไปตามแผน จะช่วยเป็นสื่อจูงใจให้นักเรียนอยากไปปลูกที่บ้านบ้าง

ก่อนออกมาจากบริเวณสวนสมุนไพร หันไปมองตรงทางเข้าสวน ยังไม่มีป้ายคำว่า สมุนไพร จริงๆเตรียมป้ายและทาสีรองพื้นไว้แล้ว ยังไม่ได้ลงมือเขียนเสียที ตั้งใจว่าจะเขียนครั้งหนึ่งให้ได้หลายๆป้าย พูดถึงป้าย..นึกถึงป้ายชื่อโรงเรียน สมัยที่ท่านอาทิตย์เป็นหัวหน้า ท่านให้ความสำคัญกับป้ายโรงเรียนมากๆ ไม่ได้หมายถึงป้ายหน้าโรงเรียนที่มีราคาแพง แต่เป็นป้ายบอกทางว่าไปทางไหน ซ้ายหรือขวา อีกกี่กิโลเมตรจะถึง /อีก ๓ กม. หรือ ๑๐ กม.ก็เขียนบอกไว้ในจุดต่างๆ ตามสามแยกสี่แยก ใครที่จะไปจะมาก็จะได้รู้ทาง เรื่องนี้สำคัญมาก ใครอาจจะนึกไม่ถึง แต่เรื่องนี้หมายถึงการบริหารจัดการเลยแหละ

เพิ่งมีประสบการณ์มาเมื่อเดือนที่แล้ว ไปตรวจและประเมินสถานศึกษาพอเพียงในหลายๆโรงเรียน ที่อยู่ต่างเขต ขับรถไปด้วยความปวดร้าว ผ่านหลายแยกและหลายโค้ง ไม่เห็นป้ายโรงเรียนสักป้าย จนหลงทางต้องโทรถามเพื่อน ไปพบป้ายอีกทีเกือบถึงโรงเรียนแล้ว( ..ถามว่า ป้ายโรงเรียนมันหนักหนาตรงไหน..)

ผมคิดว่า ท่านหัวหน้าท่านลึกซึ้งและเป็นมืออาชีพ สิ่งที่ท่านทำท่านพูด ผมเก็บมาคิดและทำ ช่วยให้ผมพัฒนาตน พัฒนาคนและงานได้อย่างราบรื่นเป็นลำดับ สิ่งที่ลืมไม่ลง ครูหลายคนคิดว่า ท่านบังคับให้ทำผลงานวิชาการ"เชิงประจักษ์" ครูบางท่านให้ความร่วมมือ บางคนวางเฉยและก็ยังไม่ได้เลื่อนซีเลื่อนระดับเป็น คศ.๓ มาจนถึงทุกวันนี้ ผมประทับใจที่ท่านแนะนำให้ภรรยาผู้บริหารโรงเรียนทุกคน "ต้องทำผลงานชำนาญการพิเศษ"(ซี ๘) คนที่บ้านผมซึ่งชอบสอนมากกว่าเรียบเรียงผลงาน ออกอาการหน้ามืด

ผมต้องปลอบว่าหัวหน้าท่านหวังดี คำตอบคือ "ถ้าพ่อจะให้แม่ทำ พ่อต้องช่วยด้วยแม่จะเขียนแผนการสอนให้อย่างเดียว" ตกลงผมก็เลยต้องช่วยอย่างมีเงื่อนไข ไม่ต้องไปว่าจ้างใครให้เสียตังค์ เงื่อนไขคือ "ถ้าแม่ได้ชำนาญการพิเศษ มีเงินประจำตำแหน่งแล้ว ถ้าพ่อจะขอมาพัฒนาโรงเรียนบ้างในแต่ละเดือน แม่ต้องให้พ่อบ้างนะอย่าขี้เหนียว"

ทุกวันนี้..ผมยังไม่ได้คำตอบจากคนที่บ้าน..แต่ได้เงินค่าตอบแทนและเงินประจำตำแหน่งของเธอ พัฒนาตน พัฒนาคนและงานโรงเรียน..ทุกเดือน..แล้วอย่างนี้ ผมจะไม่คิดถึง...หัวหน้าอาทิตย์ จำปาถิ่น ได้อย่างไร.........

หมายเลขบันทึก: 548367เขียนเมื่อ 15 กันยายน 2013 18:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กันยายน 2013 21:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

มีที่ปรึกษา อยู่ใกล้ๆ มีชัย ไปกว่าครึ่ง นะคะ ยังๆ ก็ต้องช่วยนะคะ เพราะ ให้ข้อเสนอไปแล้ว ฮาาา …..

ขอบคุณค่ะท่าน ผอ. ชยันต์

"ถ้า..ประเทศ..นี้..มี..ข้าราชการ..อย่างท่าน..(เอาเพียง..ครึ่งนึง ของที่มีอยู่..ประเทศ คงได้..ฉายา..ว่าเป็น.กระต่าย..เป็นแน่..อ้ะะ..)"

..เคย..คุย..กับ..ข้าราชการ..ท่านหนึ่ง..ที่มา..ดู.งาน..ใน ต่างประเทศ.."ท่าน..ขึ้นไป..นอน..บน..โต้ะ..ทำงาน..เพราะไม่..รู้..จะทำ..อะไร..กับ..คำว่า..ข้าราชการ..ยี่สิบสี่..ชม.(มั้ง)..."..เหตุที่เป็นผล ตามมา..คือ..พูด..กันกับ ฝรั่ง..ไม่รู้เรี่อง..นอน..ดี..กว่า.(.อิอิ)..

เมื่อมีหลัก มีจุดยืน ก็ต้องมุ่งมั่น เดินหน้า พร้อม ๆ กับแสวงหาสาระประโยชน์เพิ่มเติมเสริม

ให้จุดยืนนั้นแข็งแกร่ง เพื่อมุ่งสู่หลักชัยเบื้องหน้าต่อไป  ... เดินหน้าต่อไปจ้ะ

จริงด้วย ผอ ทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงจริงๆ

ขอชื่นชม

 

...ครูมีการพัฒนาจนเชี่ยวชาญพิเศษ ชำนาญการพิเศษ...เป้าหมายสำคัญคือเมื่อพัฒนาตนแล้ว นำความรู้ความสามารถที่แจ้งประจักษ์นั้น มาพัฒนาผู้เรียนนะคะ...ขอบคุณค่ะ

I look at work as "a balance of humanity and economy of service". But I like your view "การทำงาน คือ การปฏิบัติธรรม ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ เราจะต้องไม่ทำงานด้วยความเครียด ไม่ให้งานมาบั่นทอนชีวิตเรา แต่เราต้องเข้าหางาน ทำให้งานน้อยลง และมีอิทธิพลบีบคั้นเราน้อยที่สุด" better.

 

ขอบคุณท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน ในชั่วชีวิตหนึ่ง ของการรับราชการ ณ วันนี้ นับวัน..เราจะมีเจ้านายมากขึ้นทุกวัน บ่งบอกว่า ประเทศไทย มีคนชอบสั่งมากกว่า..ที่จะนำทำเป็นตัวอย่าง....และแน่นอน สำหรับผม มีไม่กี่คนหรอกครับ..ที่จะเป็นแบบอย่างที่ดี ให้เรายึดถือคำสอนและแนวปฏิบัติไปใช้ในชีวิตประจำวัน

"คำพูดหัวหน้า..ช่วยพัฒนาตน คนและงาน"  ผมชอบประโยคนี้ของ ผอ.มากเลยครับ  เพราะที่ผมเจออยู่ คือ คำชมไม่เคยได้ยิน แต่คำตำหนิ เอาซะเราชินไปเลยครับ ทั้งที่คนทำงานก็คือเรา  แต่ผมก็ไม่คิดมากหรอกครับ  ถือซะว่า คำตำหนิ คือ ข้อบกพร่องที่เราต้องแก้ไขแล้วกันครับ  >>> แต่ถ้าเราได้รับคำชมบ้างสักคำสองคำ คำปลอบมากกว่าคำตำหนิเมื่อเวลาเราผิดพลาด ให้เราสู้ใหม่อีกครั้ง มันก็น่าจะดียิ่งกว่า ทำให้เรามุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนั้นให้ดียิ่งขึ้นด้วย แต่ผมก็ไม่ท้อหรอกครับ เพราะเป้าหมายการทำงานของผม อยู่ที่ลูกๆ นักเรียนอยู่แล้ว ไม่ใช่อยู่ที่การทำผลงานเพื่อเอาใจหัวหน้า  ถึงเราเหนื่อยก็ภูมิใจที่นักเรียนของเรามีความสุขครับ  ว่างๆ ก็แวะเข้าไปเยี่ยมโรงเรียนผมได้นะครับ   www.khonkaenwelfare.ac.th  ผมชอบบทความของ ผอ.นะครับ แต่ละบทความอ่านแล้วมีสาระ ได้ความรู้ด้วย และที่ชอบกว่านั้นคือ ท่านคิดไม่ต่างกับผมเลย ในเรื่องระบบการศึกษาในสมัยปัจจุบัน  ยิ่งอยู่นานยิ่งสงสารนักเรียนขึ้นไปทุกวัน สงสารประเทศชาติ  กับระบบการศึกษาที่หวังแต่ภาพลักษณ์ มากกว่าคุณภาพของนักเรียนอย่างแท้จริง ทำบุญเอาหน้า ปลูกผักชีกันทั้งนั้น  ผมขอยกประโยคนี้ของท่าน ผอ. ที่ชอบอีกประโยคมาแล้วกันนะครับ ตรงกับใจผมมากเลยจริงๆ "การสร้างเอกสาร ครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ของกระบวนการประเมินแบบรวมมิตร ของ สมศ. และ งบประมาณมหาศาลกับการทดสอบทางการศึกษาของ สทศ. ป.๓ ป.๖ และม.๓ ที่ตกต่ำมา ๑๐ ปี แต่ไม่รู้เอาผลไปทำอะไร สอบกันได้ทุกปี หมดค่าออกข้อสอบ คนคุมสอบและค่าประมวลผล มากมาย"   555 สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย ได้แต่ภาพลักษณ์ แต่คุณภาพจริงๆ หาได้ที่ไหนกัน  สมัยผมเรียนตอนเด็กๆ เพื่อนผมหลายคน ที่ถูกเรียกกันว่า "บักปึก" (โง่)  ก็ยังสามารถเขียนหนังสือได้ อ่านหนังสือออก  กันทุกคน เพียงแค่เรียนช้ากว่าเพื่อน สอบได้ที่ท้ายๆ ก็แค่นั้น  ตอนนี้ก็เรียนจบกันสูงๆ มีงานทำดีๆ กันทั้งนั้น  เพราะครูได้มีเวลาอยู่กับนักเรียนมากกว่าทุกวันนี้  ครูคอยฝึกอ่าน ฝึกเขียน ทบทวนบทเรียน จบไปพร้อมกับเพื่อนๆ ได้  แต่ทุกวันนี้ นักเรียนส่วนมากอ่านหนังสือแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะครูอยู่กับเอกสาร อยู่กับการประเมิน อยูกับการอบรม มากกว่าที่เคยเป็น ถ้าเป็นสมัยก่อน นักเรียนกลุ่มนี้คงอ่านเขียนกันได้หมดแล้ว  จึงเป็นที่น่าเสียดาย และสงสารนักเรียนเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับผลจากการจัดการศึกษาแบบนี้  ขอโทษที่ต้องแสดงความคิดเห็นยาวแบบนี้นะครับ  พอดีติดลมไปหน่อย 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท