ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดสอบรับตรง (ทั่วประเทศ)
ไม่รู้ว่ามีนักเรียนไปสอบมากน้อยแค่ไหน
รู้แต่ว่า โรงเรียนในเขตเมืองขอนแก่นถูกใช้เป็นสนามสอบ โรงแรมทุกแห่งทั้งที่ระดับไม่มีดาว จนถึงระดับหลายๆ ดาวถูกจอง.... เต็ม
เรามีโอกาสทำหน้าที่ ผู้ปกครอง...ไปส่งลูกสาวที่สนามสอบ เนื่องด้วยเป็นลูกสาว และไม่คุ้นเคยกับสถานที่ จึงต้องจอดรถและเดินไปเป็นเพื่อน จึงเห็นบรรยากาศหลากหลาย
บ้างก็มากับเพื่อน บ้างก็มากับ พ่อ บ้างก็มากับแม่ และหลายๆคนที่มาพร้อม พ่อ แม่ และครอบครัว
เป็นบรรยากาศแบบครอบครัว
ทำไมจึงมีเด็กนักเรียนมาสอบมากมายขนาดนี้
นอกจากเป็นสถาบันที่ประกาศรับสมัครสอบสอบเป็นอันดับแรกๆ ของประเทศแล้ว
...........ลองประมวลผลจากข้อมูลที่ได้ พอจะแบ่งกลุ่มออกเป็น
1. สอบ เพื่อต้องการสอบให้ได้ และอยากเรียน กลุ่มนี้จะเป็นเด็กที่เรียนดี เก่ง ในอันดับต้นๆ ของโรงเรียน
2.สอบ เพื่อลองสนามสอบ และเป็นการประเมินความสามารถของตนเอง แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ คือ
2.1 กลุ่มที่คิดว่า สอบได้แน่...แต่ไม่เรียนที่นี่..เพราะต้องการไปสอบและเรียนในสถาบันเมืองใหญ่ กลุ่มนี้จะเป็นเด็กที่เก่งมากถึงมากที่สุด มั่นใจในความสามารถของตนเอง
2.2 กลุ่มที่คิดว่าสอบไม่ได้ไม่เป็นไร ถ้าได้ ก็ดี ...แต่จะเรียนหรือไม่...ต้องคิดดูก่อน เพราะไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นการสอบเพื่อจะได้รู้ว่า ตัวเองต้องเพิ่มเติมในส่วนใดบ้าง
ลูกสาว....ก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย...แม่ยินดีให้สอบ เพื่อจะได้รู้ว่า ต้องอ่านหนังสือเพิ่มในส่วนใดบ้าง
เนื่องจาก เธอไม่เรียนพิเศษ .....เหตุผลคือ...เหนื่อย...อยากอยู่บ้าน...ขออ่านเอง....เฮ้ออออออ..
2.3 กลุ่มที่คิดว่า สอบไม่ได้แน่ๆ แต่อยากสอบ อาจเป็น
กลุ่มที่มาสอบเป็นเพื่อน (เพื่อน/ญาติขอร้อง)
กลุ่มที่มาสอบตามเพื่อน (เพื่อนไปไหน ขอไปด้วย)
กลุ่มที่อยากมาทัศนศึกษา (เที่ยว) ต่างจังหวัด
คิดว่ากลุ่มนี้ ต้องมีน้อยมาก เพราะ อย่างน้อย เด็กที่จะสมัครสอบแพทย์ได้ ต้องมีผลการเรียนอยู่ในระดับดีอยู่แล้ว (3.00 ขึ้นไป)
ผิดถูก อย่างไร หรือ ใครมีมุมมองที่แตกต่างกันไป
มาแบ่งปันกันได้ นะค่ะ
ขอเอาใจช่วยเด็กนักเรียนทุกคน ให้ได้เรียนในสิ่งที่ตนเองต้องการเรียน
แม่คนหนึ่ง
9-9-56
เป็นกำลังใจ...ขอเอาใจช่วยเด็กนักเรียนทุกคน ให้ได้เรียนในสิ่งที่ตนเองต้องการเรียนนะคะ
Learning Style ของเด็กแต่ละคนย่อมแตกต่างกันครับพี่
บางคนไม่ต้องเรียนพิเศษหรือกวดวิชาก็สามารถเรียนเข้าใจและรู้เรื่องกว่าเด็กที่เรียนพิเศษ
บันทึกนี้ชอบ เพราะเจ้าของบันทึกไม่ได้ใช้ชีิวิตไปทุกวันอย่างเรื่อย ๆ
แต่เป็นคนช่างสังเกตแล้วนำเรื่องราวที่คิดไว้มาเขียน
ขอบคุณครับพี่ ;)...
เข้าใจได้ค่ะ เพราะเคยสัมผัสกับประสบการณ์และอารมณ์เช่นนี้มาก่อน เป็นกำลังใจนะคะ
ตามมาให้กำลังใจคุณแม่แสนดีครับพี่
สู้ๆทั้งคุณแม่และคุณลูกครับ
ดร. พจนา แย้มนัยนา |
อยากให้นักเรียนทุกคนสอบได้ ได้เรียนในสื่งที่ตัวเองชอบเช่นกันค่ะ
Wasawat Deemarn |
เรื่องเรียนพิเศษ ต้องเคารพในการตัดสินใจของลูกค่ะ
คนเป็นแม่ก็ได้แต่เอาใจช่วย และจัดหาอุปกรณ์พิเศษให้ พาไปซึ้อหนังสือที่เขาอยากได้
บอกลูกว่า ถ้าไม่เรียนก็ต้องจัดสรรเวลาอ่านหนังสือเอง
เห็นภาพบรรยากาศแล้ว นึกถึงสมัยตัวเองเป็นนักเรียน บรรยากาศคล้าย แต่ไม่เหมือน
ตอนลูกชายสอบ ไม่เห็นภาพแบบนี้ เพราะพ่อพาไปส่งแล้วกลับเอง ไม่ได้เดินเข้าไปส่งที่โรงเรัยนด้วย
ขจิต ฝอยทอง
6 วันที่แล้ว
|
สอบครั้งนี้เป็นการทดสอบความพร้อมของตัวเองค่ะอาจารย์
ครั้งต่อไปช่วงเดิอนธันวา จึงจะเป็นคณะที่ตัวเองตั้งใจ อยากเรียน
ขอบคุณคะ สำหรับกำลังใจจากทุกๆ ท่าน