โครงงานที่นำขยะมาผ่านกระบวนการ Reuse ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ โดยเเบ่งเป็น 12 กลุ่ม ใน 1 โครงงาน ซึ่งทั้ง 12 กลุ่มนี้ได้รับโจทย์เดียว คือ จะทำขวดที่ทิ้งเเล้วอย่างไรให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ เเล้วความคิดความสร้างสรรค์ของเเต่ละกลุ่มก็เเตกต่างกันไปตามความชอบความถนัดของเเต่ละคน มีการศึกษาเเละดูภาพตัวอย่างในการทำ / ศึกษาหลัก 5 R เเละการจัดการขยะ จากสื่อต่างๆที่อยู่รอบตัว
ในการทำงานในครั้งนี้ เสียงบอกว่าสนุกเเละอยากทำอีก..... ซึ่งจะเห็นได้อีกมุมหนึ่งว่า การนำศิลปะเข้ามาช่วยในการเรียนรู้สามารถช่วยได้มากขึ้นที่จะทำให้เขาตั้งใจในงานที่เป็นงานของเขาเอง.... โจทย์อีกข้อ คือ กระทำอย่างไรให้มันสวยงามน่าใช้จากขยะที่กลายมาเป็นของใช้ที่สร้างสรรค์ อาทิ ในการพ่นสีสเปรย์จะทำอย่างไรให้สีติดใส่ขวดเเละไม่ลอกออกง่าย ในการต่อไฟจะต่ออย่างไรให้สว่างจะให้ขั้วใดไปต่อใส่ขั้วใด ในการตกเเต่งจะตกเเต่งอย่างไรให้สวยงาม ในสื่อสารกันในกลุ่มจะสื่อสารอย่างไรให้เข้าในกันตามความคิดของเเต่ละบุคคล ในการจะทำขนาดให้เข้าในในทุกส่วนจะทำอย่างไรให้เข้ากัน ในการหาวัสดุจะใช้วัสดุอะไรที่สามารถหาได้ง่าย เป็นต้น
พวงกุญเเจจากขวดน้ำเเละกระป๋องเบียร์ซึ่งจากขวดน้ำที่ทิ้งนำมาทำสี ติดตา ติดเศษผ้าหรือกระดาษที่เหลือใช้เป็นเเขน ขา เเละหู ของเเพนด้า ถือว่าน่ารักไปอีกเเบบครับ
กระปุกออมสินจากขวดน้ำทำจากขวดน้ำที่เป็นพลาสติกประภทที่ 1 หรือ PETE หรือ PET นำมาตัดเข้าเเละดัดเเปลงกลายเป็นกระปุกออมสิน ที่สร้างสรรค์
โคมไฟประดับจากขวดพลาสติกที่นำมาตัดเป็นรูปทรงใบไม้ประกอบกับไฟด้านในมีสีสันหลากหลายสีจึงเหมาะสำหรับการเปิดในงานรื่นเริงต่างๆ... ไม่กินไฟด้วย
กระเป๋าใส่เหรียญจากก้นขวดครับผม... ตัดก้นขวดของเเต่ละขวดเเเล้วนำมาต่อกันด้วยซิป... สร้างสรรค์ไปอีกเเบบ (ถ้าเพนต์สีจะสวยอีกเเบบครับ
ที่ใส่ปากกา/ดิน/สีไม้ ที่ทำจากขวดน้ำอัดลม เเล้วมาตกเเต่งเพิ่มเติมจากวัสดุที่มีอยู่ตามท้องถิ่น เป็นการตัดขวดหลายๆขวดมามาเชิ่มต่อกันกลายเป็นมีช่องใส่หลายช่อง
กล่องใส่ดินสอจากขวดเเชมพู 2 ขวดมาต่อกันเเล้วตกเเต่งให้น่าใช้มากขึ้นตามวัสดุในท้องถิ่น... จากขยะกลายมาเป็นกล่องดินสอที่ทำอย่างเรียบง่าย...
กล่องเก็บทิชชูครับทำจากไหมพรมที่ถักมาด้วยความยากลำบากเพราะตอนเเรกถักไม่เป็น...กว่าจะได้ไหมพรมสักผืนยากมากครับ ข้างในเป็นขวดน้ำตัดส่วนกลางออกจะเห็นเป็นลักษณะรูปกล่อง ซึ่งตรงนี้ล่ะ เป็นที่ใส่ทิชชู
กล่องใส่ดินสอที่ละเลงด้วยสีโป๊สเตอร์... ถึงเเม้จะเห็นว่าง่ายๆเเต่มันไม่ง่ายนะครับ...เพราะสีโป๊สเตอร์จะไม่จับกับพื้นผิวที่มีความมันอย่างง่ายๆ... จะต้องมีกระบวนการอะไรซักอย่างที่ทำให้สีจับเเน่น... เฉลย คือ การทาสีรองพื้นก่อนหลายๆรอบเเล้วค่อยละเลงด้วยสีโป๊สเตอร์ที่สามารถกันน้ำได้
โคมไฟประดับเเสงกระพริบกระพริบ...ทำจากขวดน้ำพลาสติกที่กินอยู่ทุกๆวันทำให้เกิดปัญหาขวดน้ำเกลื่อนกลาดอยู่ทุกซอกทุกมุมของ โรงเรียน ทำให้เกิดปัญหาที่ต้องดำเนินการเเก้ไข
เป็นกล่องใส่ดินสออีกเเบบที่ละเลงด้วยสีดป๊สเตอร์เช่นเดียวกัน ทำจากขวดน้ำอัดลม 1.25 ลิตร (โดราเอม่อน) มีกระเป๋าวิเศษด้วย
โคมไฟดอกไม้เหล็กจากกระป๋องชาเขียวที่ทิ้งในถังขยะ... จะต้องไปคุ้ยในถังขยะทำทำเลยทีเดียว เเล้วต่อกับหลอดไฟที่มีอยู่เเล้วตามบ้านเรือน
โคมไฟเช่นเดียวกันจากกระป๋องชาเขียวเเละกระป๋องเบียร์ทำเป็นลักษณะโค้งคล้ายกรงนกหรือสุ่มไก่เเล้วต่อกับหลอดไฟเป็นสีๆสำหรับตกเเต่งบ้านเเล้วเปิดตอนกลางคืนจะสวย
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากโครงงาน
การทำโครงงานผลิตผลคนทำขวดนี้มีกระบวนการถอดองค์ความรู้ของเพื่อนๆ ซึ่งแต่ละคนได้รับได้เรียนรู้แตกต่างกันไปตามศักยภาพของแต่ละคนซึ่งพอสรุปได้ดังนี้
1.จุดร่วม
1.ได้เรียนรู้กระบวนการพอเพียง
2.ได้ใช้เวลาว่างในเกิดประโยชน์
3.ได้ใช้ความคิดอย่างอิสระสร้างสรรค์
4.สามารถนำไปประกอบอาชีพได้
5.ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
6.เกิดความสามัคคีในกลุ่ม
7.มีความภาคภูมิใจในผลของงานที่เกิดขึ้น
8.ขยะในโรงเรียนและชุมชนลดลง
9.แนวคิดการสร้างอาชีพเสริม
10.การสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะโดยกระบวนการ Reuse
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติมากกว่าความรู้ในเชิงทฤษฎี เเต่ถึงอย่างไรโครงงานนี้การปฏิบัติกับทฤษฎีก็ต้องควบคู่กันไปจะมีเเต่ทฤษฎีก็มิได้มีเเต่ปฏิบัติก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งอาจเปรียบได้กับ
1.ปราชญ์ชาวบ้าน - ลองผิดลองถูก / ภูมิปัญญา / ความเป็นอยู่ดั้งเดิม / ความเชื่อ / การบอกเล่าของบรรพบุรุษ
2.นักวิชาการ - คำนึงถึงทฤษฎี / ทดลองด้วยหลักการเเละเหตุผล
โครงงานจึงเป็นเป็นการยกระดับความรู้ในระดับของปราชญ์ชาวบ้านขึ้นมาสู่ในระดับของนักวิชาการมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่เพื่อนๆได้รับในตนเองที่ไม่ค่อยรู้ คือ การพัฒนาตนเอง ซึ่งผมเองมองว่าการพัฒนาตนเองนี่ล่ะ คือ หัวใจของโครงงานที่เเท้จริง
เมื่อพิจารณา จาก AAR ท้ายบันทึก และ เทียบเคียงกับ "กระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง 3 ขั้น" (คิดขึ้นเอง) ได้แก่ "สืบค้น" "คิด" และ "ทำหรือแก้ปัญหา" น่าจะวิเคราะห์ได้ ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ความภูมิใจ ทักษะการคิด และความรู้ใหม่ที่ได้ จะขึ้นอยู่กับ "ความยาก" หรือ "ระดับคุณค่า" ของ "ปัญหา" หรือ "ประเด็นที่ทำ" โครงการ จิตอาสาของกลุ่ม "ฮักนะเชียงยืน" เป็นตัวอย่างที่ดี ที่สร้างความภูมิใจให้กับแสนและเพื่อนๆ ตลอดทั้งครูและโรงเรียนด้วย.... เพราะเป็น "ปัญหาที่มีคุณค่า" ไงครับ