พรรครัฐบาลกัมพูชา อ้างชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ แต่ได้เสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ขณะที่พรรคอื่นๆ ไม่ได้เลย
พรรครัฐบาลกัมพูชา อ้างชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ แต่ได้เสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ขณะที่พรรคอื่นๆ ไม่ได้เลย โดยพรรคประชาชนกัมพูชา หรือ CPP ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ระบุว่า ได้ที่นั่งอย่างน้อย 68 ที่นั่ง ขณะที่พรรคฝ่ายค้านภายใต้การนำของนายสม รังสีได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นเป็น 55 ที่นั่ง เมื่อวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีฮุน เซน วัย 60 ปี อยู่กลุ่มผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งกลุ่มแรก ๆ ที่ไปใช้สิทธิ์หลังคูหาเลือกตั้งเปิดไม่นาน ที่ใกล้บ้านพักของเขาทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ส่วนนายสม รังสี วัย 64 ปี ได้ไปใช้สิทธิ์ที่คูหาเลือกตั้งใกล้กับสำนักงานของเขาในกรุงพนมเปญ ที่พากันต้อนรับเขาอย่างตื่นเต้น เว็บไซต์หนังสือพิมพ์พนมเปญ โพสต์ รายงานว่า นายเขียว กันหฤทธิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข่าวสารและโฆษกพรรค CPP เปิดเผยผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊ค ก่อนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จะแถลงอย่างเป็นทางการว่า พรรครัฐบาลเป็นฝ่ายชนะ แต่ได้ที่นั่งในสภาฯ ลดลงเป็นครั้งแรก ขณะที่ฝ่ายค้านได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนพรรคอื่นสอบตกหมด พรรค CPP ได้ที่นั่งลดลง 22 ที่นั่ง จากเดิม 92 ที่นั่ง เหลือ 68 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งในสภาทั้งหมด123 ที่นั่ง ส่วนพรรคกู้ชาติแห่งกัมพูชา หรือ CNRP ของนายสม รังสี ได้ 55 ที่นั่ง จากเดิม 29 ที่นั่งและเป็นครั้งแรกที่พรรค CPP ได้ที่นั่งลดลง นับตั้งแต่กัมพูชาเริ่มมีการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย เมื่อปี 2536 ตัวแปรสำคัญที่สั่นคลอนบัลลังก์ที่นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ครอบครองมานาน 28 ปี คือ คนหนุ่มสาวที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงและสนับสนุนนายสม รังสี กับพรรคฝ่ายค้าน การได้เสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ทำให้พรรค CPP ของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ไม่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ซึ่งจะต้องดูท่าทีของสองพรรคว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป ส่วนการประกาศผลอย่างเป็นทางการของ กกต.กัมพูชา จะใช้วิธีประกาศทางโทรทัศน์โดยออกอากาศสดพร้อมกันทั่วประเทศ โดยเรียงทีละตำบล ซึ่ง CPP มีคะแนนนำลิ่วในต่างจังหวัด ส่วน CNRP ได้คะแนนเสียงท่วมท้นในกรุงพนมเปญ
.................................................................................................................
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ว่า บุตรชาย 2 คนของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา คือฮุน มาเนต ลูกชายคนโต วัย 35 ปี และฮุน มานิต ลูกชายคนที่ 2 วัย 31 ปี ซึ่งรับราชการทหารอยู่ในขณะนี้ ได้รับการเลื่อนยศทั้ง 2 คน ท่ามกลางกระแสการคาดการณ์ว่า บุตรชายทั้ง 2 คน จะถูกดันให้ขึ้นเป็นผู้สืบทอดอำนาจทางการเมืองของผู้นำฝีปากกล้าผู้นี้ โดยมีกฤษฎีกาเลื่อนยศให้ฮุน มาเนต ผู้พี่ ได้เป็นพลโท ส่วนฮุน มานิต ผู้น้อง ได้รับยศเป็นพลจัตวา ในวันนี้ การเลื่อนยศมีขึ้นขณะที่ สมเด็จฮุน เซน ซึ่งบริหารประเทศมาแล้ว 28 ปี ต้องการขยายเวลาอยู่ในอำนาจในการบริหารประเทศต่อไปอีก
ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์สมเด็จฮุน เซน อดีตนักรบเขมรแดง หวั่นเกรงว่า ฮุน เซน กำลังสร้างอาณาจักรทางการเมืองผ่านบุตรชาย 3 คนที่จบการศึกษาจากสหรัฐ โดยลูกชายคนเล็กของเขาขณะนี้ กำลังหาเสียงลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา ที่จะมีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 28 ก.ค.นี้
“ผมคิดว่านี้เป็นแผนการของฮุน เซนและบุตรชาย ที่จะควบคุมอำนาจภายในพรรคประชาชนกัมพูชาให้อยู่ในมือต่อไป กรอบเวลาของการเลื่อนยศ ซึ่งห่างจากวันเลือกตั้งทั่วไปเพียง 4 วันเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างชัดเจนของฮุน เซน ว่าต้องการรับประกันฐานเสียงของพรรคซีพีพีภายในกองทัพและเห็นได้ว่าเป็นการเสริมอำนาจให้ตัวเอง” อู วีรัค ประธานศูนย์สิทธิมนุษยชนของกัมพูชา กล่าว
คะแนนเสียงหด หมดอำนาจ เพราะทรยศต่อชาติประชาชน ด้วยกลโกงเมื่อไร ก็อาจไม่มีแผ่นดินอยู่ได้เช่นกัน ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย
โอมเพี้ยง!!!
ดูนักการเมืองใน นักการเมืองนอก แล้วอยากจะสรุปเป็น บทเรียน ว่าอย่างนี้ จะได้ไหมนี่
ความดีของนักการเมือง
- เป็นผู้นำประเทศที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- มีรัฐบาลมาใช้เงินภาษี
- มีรัฐมนตรีแบ่งงานกันไปสร้าง
ความเจริญ
- เดินทางไปต่างประเทศ เป็นหน้าตา
- ได้ฝ่ายค้านมาทำหน้าที่
- ได้เห็นคนที่ประชาชนเลือกเข้าสภา
- ประชาชนได้รู้ว่าคนที่เลือกไปใครเลว
ใครดี
- ได้เห็นกิริยาท่าทีแท้ เมื่อเป็นวีไอพี
ของสังคม ประเทศ
ความชั่วของนักกินเมือง
- ไม่ตรงไปตรงมา
- มักใช้ภาษีของประชาชนประดุจเป็นของตน
- ใช้กลไกรัฐเป็นเครื่องมือสร้างความร่ำรวย - ช่วยคนผิด - บิดเบือนความถูกต้อง - นำพวกพ้องเครือญาติมาผูกขาดกิจการกินเมือง - ทำเรื่องชั่วร้ายเป็นแบบอย่าง - หาทางโกงกินแบบใหม่ ๆ ที่คนทั่วไปมักตามไม่ทัน