เฉพาะทาง เฉพาะด้าน ดีจริงหรือ?


เฉพาะทาง เฉพาะด้าน ดีจริงหรือ?

  วันนี้รู้สึกอัดอั้นตันใจจึงขอเขียนระบายออกมาเป็นบทความ อาจไม่ถูกใจใครบางคน แต่คิดว่าอย่างน้อยอาจกระตุ้นต่อมความคิดถึงส่วนรวมของใครหลายคนได้  หากกระทบกระเทือนความรู้สึกใครก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย  วันนี้ข้าพเจ้าอาจใช้ภาษาไม่สุภาพแต่มันเป็นความรู้สึกล้วนมิอาจนั่งจินตนาการภาษาที่สวยงามได้มากไปกว่านี้ แล้ว

  กับเรื่องการการมีแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลชุมชนนี่ แต่ก่อนข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันดีนักหน้า คนไข้จะได้ไม่ต้องเดินทางไปรักษาไกลถึง โรงพยาบาลใหญ่ในเมือง แต่พอมีมาจริงๆข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่า เฮ้ย ..... ไม่มีน่ะดีแล้ว   มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอึดอัด  เวลาที่เฉพาะทางไม่อยู่ นี่ข้าพเจ้าแทบอยากกรี๊ดออกมาดังๆ เพราะเอาคนไข้หาแพทย์ไหนเขาก็บอกว่า  ไม่ถนัด ไม่เอา  อ้าวซวยพยาบาลล่ะซิ  แล้วตูจะเอาคนไข้ไปหาใครล่ะนี่  เมื่อหาทางออกไม่ได้ การแก้ปัญหาของพยาบาลก็คือ ยกความซวยให้คนไข้  นัดค่ะ  มาใหม่นะ  วันนั้นวันนี้  ถึงวันนัด คนไข้มาซวยซ้ำ 2 แพทย์ดันลาฉุกเฉิน ซวยตูอีก คนไข้เหมารถมาเที่ยวละ 500 หรือมากกว่า  ไม่ได้อะไรอีก จะมีกี่คนค่ะที่บอกว่า “ อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ คุณพยาบาลยินดี ที่ได้ใช้บริการค่ะ”  แล้วก็ฉีกยิ้มหวาน  มีแต่จะกินหัวพยาบาล  “เพราะเธอคนนี้แหล่ะ นัดมา เห็นมั๊ยไม่เจอหมอ เสียเวลาเสียเงินแค่ไหน”  เรื่องใหญ่ครับ  ร้องเรียน “พยามารคนนี้นี่แหล่ะ ..........................”  เรื่องถึงหูผู้ใหญ่  เรียกพยาบาลพบ  โห...คราวนี้มากันใหญ่  คนไข้แบบนี้ให้หมอไหนดูก่อนก็ได้  ให้เขากลับได้อย่างไร  ทุกแพทย์พยักหน้ากันหมด  ตู(พยาบาล) อยากบอกว่า วันนั้นตู(พยาบาล) เดินถามทุกห้องเห็นตอบเป็นเสียงเดียวกันคนละอย่างกับวันนี้ ว่า “ไม่” แต่วันนี้ดันยกความซวยให้พยาบาลไป  เรื่องนี้มันไม่ได้เกิดกับข้าพเจ้าหรอก  เพราะข้าพเจ้ามีวิธีรับมือกับแพทย์เสมอ  แต่เกิดกับน้องพยาบาลที่ยังละอ่อน น่าสงสารเธอจริง โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง

  อีกอย่างกับการตรวจคนไข้นี่ เฉพาะทางเขาก็มักจะขอ เอาเฉพาะทางจริงๆนะ  ไม่ใช่ทางเขานี่ไม่อยากตรวจ  พอเราเลือกให้ มีโวย case ง่ายๆอย่างนี้ ไม่ต้องถึงมือเขาหรอก ให้น้องหมอตรวจก็ได้  พยาบาลอยากบอกว่า  ในคนไข้ 100% มีคนไข้ทั่วไป  80%  เฉพาะทาง 20%  ในขณะที่  แพทย์เฉพาะทางรวม 80% น้องแพทย์มี 20%  แล้วน้องแพทย์ มิตรวจขี้แตกตายหรือคร้าบท่านเฉพาะทางทั้งหลาย ก่อนไปเรียนเฉพาะทางมา ก็ตรวจหมดมิใช่หรือ  ไปเรียนแค่ 3-4 ปี  มันจะทำให้ลืมวิชาแพทย์ทั่วไปหมดเลยนิ ในบริบทของ รพช.นั้นมันก็ต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ มิใช่หรือเพราะมันไม่สามารถแยกแผนกได้ชัดเจนมาก   เคยคุยกับน้องแพทย์ที่สนิท เขาบอกว่า แพทย์ต่างคนต่างบ่นว่าเหนื่อย  ในเมื่อแพทย์เยอะขึ้น ทำไมเขาต้องช่วยตรวจ คนไข้อื่นที่ไม่ใช่เฉพาะทางเขาด้วย  มันใช่หน้าที่เขาหรือ  พยาบาลก็ขอถามกลับว่า “ ในเมื่อแพทย์มากขึ้น แล้วพยาบาลก็ยังต้องช่วยตรวจอยู่หรือ “  มันใช่ความรับผิดชอบของพยาบาลมั๊ย 

  ในเมื่อเรามาอยู่ในที่ๆมันไม่พร้อมด้วยกันนี้  ก็ช่วยกันคนละไม้ละมือเถิด เพื่อคนไข้ที่เขาไม่รู้หรอกว่า  แพทย์ท่านนี้  ไม่เก่งด้านเขาแค่เขาได้พบแพทย์  โรคก็หายไป 70% แล้วท่าน  ไม่รู้ไม่ได้ก็นัดพบเฉพาะทางต่อก็ได้  แม้แต่เวรเปลคนไข้ยังเรียกหมอเลย  มาอยู่ รพ.ชุมชน  ทำใจนะว่ามันต้องแบบนี้แหล่ะ  แต่หากทำไม่ได้ ก็คงต้องไปอยู่ รพ.ใหญ่ๆ  แต่ก็ให้นึกย้อนไปตอนจะไปเรียนก็ไม่เห็นจะลงทุนก็วิ่งมาขอทุน รพ.ชุมชน  พอจบ ทำไม่ได้ซะงั้น  จะสงสารหรือสมน้ำหน้า รพ.ชุมชนดีนี่  เฮ้ย

ด้วยความเคารพ  มิคิดล่วงเกิน แต่ที่บ่นนี่มาจากความรู้สึก  ของพยาบาลล้วนซึ่งส่วนใหญ่มิกล้าคิดออกมาดังๆแบบนี้

เพียงใจ

ปล.ยังไม่หมด นะเดี๋ยวมาบ่นดังๆให้ฟังต่อ 


หมายเลขบันทึก: 543645เขียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2013 05:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม 2013 05:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

มาส่งกำลังใจตอนเช้าครับ  ดีแล้วครับ ได้แบ่งเบาความรู้สึกออกมาจะได้ปล่อยวางไปอีกหน่อย และถ้าคนที่เราบ่นถึงมีบุญได้มาอ่านก็น่าจะขอบคุณ คุณชลันธร นะครับ ที่ช่วยสะกิคต่อมความรู้สึกสามัญสำนึกที่ควรคิดได้เองซะบ้าง.,

ผมชอบสำนวณ คนไข้จะกินหัวพยาบาล  อ่านแล้วขำดี เห็นภาพที่น่าสงสาร เพราะผมก็เคยมีอาการนี้ และต่อไปสัญญาว่าจะไม่กินหัวพยาบาลอีก 

เห็นใจครับ ทุกวันนี้มีแต่คนที่ทำเพื่อตัวเยอะกว่าคนที่ทำเพื่อคนอื่น และสังคมมักฟังคนพระเอกมากกว่าพระรองอย่างพยาบาล ขอเป็นกำลังใจละกันนะครับ พยาบาลยิ้ม ผมว่าน่ารักกว่าหมอยิ้มอีกนะครับ เพราะผมไม่ค่อยเห็นหมอจะยิ้มเท่าไร คงกลัวเสีย ลุ๊ก มังครับ อิอิ

ดอกไม้ฝากแทนกำลังใจครับ

มาให้กำลังใจค่ะคุณชลัญธร

ขอเป็นหนึ่งกำลังใจนะคะ...

ขอเป็นกำลังใจด้วยอีกคน

เพิ่งรู้ครับว่า เฉพาะทางเขาไม่ตรวจทั่วไปด้วยครับ

ไม่น่าหล่ะไป รพ ที่ไรเห็นแต่ อินเทิร์นตลอด เลยสงสัยว่าแล้วหมอจริงๆ เขาไปไหนหมด

เข้าใจอาชีพพยาบาลครับ...สู้ๆๆ ต่อไปครับ

เขียนไปเถอะครับ "บันทึก"

หากมันคือความเป็นจริง

ยังไงคุณก็ยังมีเพื่อนอยู่ในนี้เต็มไปหมด

You Know?

;)...

เป็นกำลังใจให้ครับ ...

เข้าใจเลยครับกับการไปพบแพทย์ตลอดเวลาปีกว่า ที่ผ่านมา

โอ๋มาซบอกพี่ก็ได้ไม่ว่ากัน ใครนะใจร้ายกับน้องเราได้ (น้องเราเลียนแบบพี่ชาย ชยพร / ขออนุญาติพาดพิง)

ขอบอกว่าเข้าใจค่ะ แม้จะมิใช่พยาบาล แต่ก็เคยทำงานให้กับโรงพยาบาลเมื่อตอนวัยละอ่อนค่ะ

ชีวิตในโรงพยาบาลมีแต่เรืองให้ต้องอดทน อดกลั้น อดใจ มากๆ ค่ะ

เห็นใจนะคะ

 

ยิ้มหน่อยนะคะ ฝันดีค่ะ

คิดว่าขึ้นกับการบริหารงานของผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย

โรงพยาบาลนครปฐมที่พี่เคยอยู่ แพทย์ทุกคนช่วยกันตรวจคนไข้ค่ะ

หากไม่แน่ใจหรือสงสัยเราส่งปรึกษากันค่ะ

อ่านแล้วรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ระบายไปด้วยค่ะน้องชลัญ

เป็นความจริงที่ควรให้ถึงหูผู้บริหาร (ที่เป็นแพทย์) เพราะพี่โอ๋ว่าเหมือนที่คุณหมอเล็ก-ภูสุภา บอกไว้น่ะค่ะ แต่จะหาพยาบาลกล้าหาญแบบน้องโจ้ได้สักกี่คน ที่เห็นมาก็ยอมรับกรรมแล้วก็บ่นในหมู่กันเองเท่านั้น ในบทบาทของน้องโจ้ ก็คงต้องช่วยๆกันดูแลน้องและปรึกษาผู้บริหารในการที่จะช่วยกันปรับนิสัย"แพทย์เฉพาะทาง" โดยเฉพาะพวกที่ไม่มีจิตสำนึกแห่งการบริการ ไม่ดูบริบทที่ตัวเองอยู่ พี่โอ๋เชื่อว่าแพทย์กลุ่มนี้เป็นคนกลุ่มที่ หากเราช่วยกันทำให้เขา"คิด"มากขึ้น เราจะช่วยสังคมได้อีกมากทีเดียวค่ะ 

มาให้กำลังใจน้องชลันธร สู้ๆจ้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท