ค่ำคืนผ่านมาด้วยความสุข
หลับอุตลุดอากาศดีจนเช้าสาย
หวั่นก็เพียงวิกฤตจริตวาย
มาพรากกายน้องแว๊นแสนแก่นเกิน
สวัสดีวันใหม่ที่สดใสทั้งจิตใจ ร่างกาย และสภาพแวดล้อมภูมิอากาศ ที่ชวนให้หวลถึงธรรมชาติในอดีตที่หายไป
นึกขอบคุณน้ำฝนที่โปรยปราย และเมฆที่อึมครึมชวนให้อยู่กับตัวเอง อยู่กับลมหายใจได้นาน และยังส่งผลให้สมอง
ที่ทำท่าจะไม่เอาการเอางานเริ่มรู้ตัวว่ายังมีหน้าที่ที่ต้องทำ ทำให้เขียนบันทึกนี้เพราะ มันคือผลจากการเรียนรู้
จากบทความของอ.ดร.จัน เจ้าของบทความเทคนิคห้องเรียนกลับทาง มาสู่แนวทางการปฏิบัติสำหรับตนเองและ
เพื่อนๆจิตอาสาผู้ป่วยด้วยกัน เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพตนเองและเพื่อนผู้ป่วยโรคเรื้อรังร่วมกัน
เราจะร่วมกันตั้งเป้าหมายในการทำงานด้วยกันอีกครั้งในบ่ายวันที่ 26 เดือนกรกฏาคมนี้
และถ้าจัดระเบียบความคิดพร้อมความยินยอมจากผู้ร่วมงาน ก็จะได้ทดลองนำไปใช้ในวันที่ 30 เดือนเดียวกัน
โดยจะเสนอกระบวนการนำแนวคิดไปใช้จริงในรูปของกิจกรรมที่ชื่อว่า "เมื่อฉันบินได้"
ลำดับขั้นการดำเนินงานในเวลา 1.30 ชั่วโมง เพื่อนผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ยินดีร่วมกิจกรรมไม่เกิน 30 คน
1.เปิดภาพและเสียงนกร้องให้ได้ยินได้เห็น ดูภาพลูกนกหัดบิน ภาพรังนก แม่นกป้อนอาหาร ภาพนกคู่ ภาพฝูงนก
2.เห็นอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร
3.เชื่อมโยงสิ่งที่เห็นที่เบิกบานกับความเป็นจริงของกายนี้
4.เชื่อมโยงเหตุแห่งกายนี้กับความรู้ที่มีในตนเองการปฏิบัติตน
5.บอกให้รู้ว่าวันนี้เราจะด้เรียนรู้แนวทางดูแลสุขภาพจากใจตนเอง พร้อมรับความรู้ใหม่ เชื่อมโยงความรู้เก่า
6.แบ่งกลุ่ม โดยหาพวกให้เจอ ทุกคนจะได้รับนกนาๆชนิดติดตัวตั้งแต่ตอนลงทะเบียน
โดยผู้จัดเตรียมไว้ชนิดละ 10-12 เผื่อมีเกินโควต้า
7.ก่อนหาพวก ต้องแนะนำหรือให้ผู้ป่วยเสนอขึ้นมาเองว่าจะร้องเรียกเพื่อนเข้ากลุ่มด้วยเสียงนกแบบไหนดี ลองฝึกดูทั้งbig Group ถ้าขับเคลื่อนตรงนี้ได้เร็วก็ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ทำ Ice Breaking เบาๆเพราะอายุก็มากแล้ว เอาแค่ชูมือ มองซ้าย มองขวา กับคำสั่งให้ทำตรงกันข้ามกับที่ได้ยินเช่น ชูแขนซ้าย การปฏิบัติต้องชูแขนขวา เอาพอหอมปากหอมคอ ให้คลายกังวล บอกให้ลุกก็นั่ง บอกให้นั่งก็ลุก อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมให้ร่างกายก่อนลุกเดินไปหาพวก เพื่อเข้าสู่กิจกรรมตั้งวงสนทนา
8.ตั้งวงกันแล้วก็ให้แต่ลงวงทำวงกลมเป็น 2 วง ให้หันหน้ามาจ๊ะเอ๋กัน ส่งคำถามให้คนหนึ่งคิดแล้วพูด คนหนึ่งฟัง และใคร่ครวญ แล้วสลับกันพูดฟัง โดยเปลี่ยนโจทย์
9.ช่วยกันนำเสนอ พี่เลี้ยงช่วยกันเขียน ถ้าเขียนไม่ถนัด ถ้าเขียนเองได้ก็ให้เขียน กลุ่มใครกลุ่มมัน ส่งตัวแทนมาอ่านสรุป สมองจะได้ตื่นตัว อ่านไม่ถนัดก็ให้ช่วยกันทั้งกลุ่มคงจะน่ารักดี ช่วยกันนำเสนอความคิดของกลุ่มด้วยดีไหม
10.ให้เปลี่ยนกลุ่ม ให้จับคู่ 3 จากนก 3 ชนิด ในแต่ละกลุ่มอย่าให้นกซ้ำกัน คราวนี้ให้มีนกพูด นกฟังและนกคาบไปเล่า ไปเขียน เสร็จแล้วเอามาลปรร.กัน อย่าลืมเสริมแรงบวกด้วยคำชื่นชม มองหาจุดแข็ง จุดเด่นของแต่ละกลุ่มให้เจอจุดด้อยไม่ต้องพูดถึงเก็บเอามาทำการบ้าน
ส่วนการบ้านเมื่อคืน มาสว่างใสเอาเมื่อเช้าว่า จะวิเคราะห์อย่างไร ถึงจะเข้าถึงความตระหนักในตนเอง ให้รู้ให้เข้าใจว่า ที่เป็นนี่ฉันเป็ฯนะ ดังนั้นจึงต้องมีหน้าทีดูแลตนเองควบคู่ไปกับการรักษาทางการแพทย์ด้วย สุขภาพจะได้ฟื้นไวๆ แข็งแรงเร็วๆ ทีนี้อยากทำอะไร จะไปบุญวัดไหนก็สะดวกโยธิน ไม่เป็นภาระใจให้ครอบครัวลูกหลานห่วงใย
แนวทางการจัดสาระการเรียนรู้ ในกิจกรรมการวิเคราะห์ตนเองกับโรคที่เป็นอยู่ในฐานะเป็นผู้ป่วยเอง และในฐานะเป็นเพื่อนผู้ป่วยโรคเดียวกัน หรือหลายโรคที่ได้ชื่อว่าโรคเรื้อรังประเภทไม่ติดต่อกับใคร เช่นโรคความดัน เบาหวาน หัวใจ ไต และมะเร็ง เพราะทั้ง 5 โรคเรื้อรังนี้ยังคงเกี่ยวข้องกับรสนิยม ความคุ้นเคยหรือนิสัย และความจำเป็นที่ต้องบริโภค การออกกำลังกาย และการมีจิตใจที่เบิกบาน อันจะส่งผลโดยตรงต่อการบำบัดและรักษา และความร่วมมือในการรักษาระหว่างผู้ป่วยกับครอบครัว ผู้ป่วยกับแพทย์ พยาบาล และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ
1. วิเคราะห์ความสำคัญของโรคในฐานะที่เป็นอยู่ และหลักการดูแลตนเองเบื้องต้น
2. บอกความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจในขณะดำรงอยู่กับโรค
3. บอกได้ว่าสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวผู้ป่วยเองนั้นเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร มีผลต่อสภาพร่างกาย และจิตใจมากน้อยเพียงไร
4. เก็บสิ่งดีงาม และความรู้สึกไว้เพื่อพัฒนาให้เติบโต และสามารถนำมาใช้เป็นพลังชีวิต
5. เรียนรู้พหุศาสตร์แห่งการมีสุขภาพที่ดี ชีวีสดใส และพร้อมแบ่งปันความรักบนโรคแห่งความทุกข์
6. เล่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ความคิด และการกระทำที่มีผลต่อการรักษาตนเอง
7. บอกสิ่งที่อยากทำหลังพบความสุขที่เกิดขึ้นแม้เพียงจุดเล็กๆในใจ เช่นอยากช่วยงานบุญอะไรในโรงพยาบาล ทำไมอยากช่วย ช่วยแล้วคิดไหมว่าจะได้ผลรับอย่างไร ลองๆคิดดูล่วงหน้า
8. หากัลยาณมิตรพิชิตความท้อแท้ ความหมดหวัง และเติมเต็มพลังใจ พลังที่จะต่อสู้ด้วยตัวเอง
9. บอกได้ไหมว่าเมื่อประเมินความพึงพอใจของตนเองได้ในแต่ละระดับจะแบ่งปันความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นกับ
เพื่อนผู้ป่วยคนอื่นได้อย่างไร แบบไหน
10. ร่วมกันแชร์ความสามารถของตนเองแล้วนำเสนอแนวทางในการร่วมงานจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนต่อไป
และกลับบ้านไปลงมือทำให้สิ่งที่คิด ทดลอง บันทึก นัดหมายโอกาสที่จะนำความรู้อันเกิดจากประสบการณ์ที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาของตนเอง กลับมาแลกเปลี่ยนความรู้กัน ในวันนั้นจะรวบรวมความสวยงามของความรักที่มีให้กัน ในรูปหนังสือหนึ่งเดียวหน้าเดียว เพื่อประโยบชน์ต่อการดูแลสุขภาพของตนเอง
ท้ายที่สุดของการร่วมกิจกรรม ..การให้ผู้ป่วยทุกคนได้รับการเสริมแรงบวก จะเป็นเครื่องยืนยันความดีที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยความศรัทธาในความดีและความรักของเพื่อนมนุษย์ที่พึงมีให้กัน...จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตระหนักในคุณค่าของตนเอง ไม่มากก็น้อยมิใช่หรือ ขอบคุณค่ะ
ดีจังเลยครับ พี่ วันก่อนไปทำเรื่องนี้กับ ดร.จันทวรรณมาครับ
พี่สบายดีไหมครับ
ไม่ค่อยสบายกายจ้า
แต่สบายใจ วันนี้ได้อ่านบันทึกหลายบันทึกเลย เจอตัวก็ดีแล้ว
พี่เห็นวีดีโอlใน google แต่เสียดายพี่พยายามคลิ๊กๆๆกว่าจะมานั่งรอหลับไปหลายนาที
อยากฟังน้องๆสนทนากัน ท่าทางสนุกดีจังเลย
เอาไปลงยูทรูปด้วยได้ไหมจะได้ไปเปิดดู
คิดว่าน่าจะดีกว่า น้องอ.ดร.สบายดีนะคะ
รักและคิดถึงพี่คุณครูต้อยเสมอครับผม ขอให้สบายกายคู่กับสบายใจ ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้...ทำให้ผมได้เรียนรู้ด้วยครับ
เป็นกลยุทธที่ดีมากเลยนะคะ ขอให้ได้เห็นผลเป็นรูปธรรมที่เอามาบอกเล่าต่อได้อีกนะคะ
ขอบคุณน้องDr. Pop
บันทึกของน้องก็ช่วยให้พี่มีปัญญามากขึ้น ขอบคุณเช่นกันค่ะ
ขอให้มีความสุขมากๆขึ้นนะคะ
ฝากความระลึกถึงคุณแม่ด้วยนะคะ
ขอบคุณคะ น้องโอ๋-อโณ
ขอบคุณที่ให้กำลังใจเสมอมา
พลังของความเมตตา กรุณานั้นยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ
เป็นแนวทางที่ต้องนำไปใช้แน่ๆค่ะ
ตอนนี้กำลังเตรียมสื่อ อุปกรณ์
เหลือเพียงทำความเข้าใจในหลักการ
และตั้งเป้าหมายร่วมกันกับเพื่อนผู้ป่วยเพื่อนจิตอาสาดูแลตนเองว่า
จะตั้งเป้าหมายการดูแลตนเองไว้มากน้อยเพียงไร
สุขภาพที่ดีที่คาดหวังของแต่ละคนจะให้บันทึกไว้
เพื่อประเมินตนเองว่ามีความสำเร็จ
ความพึงพอใจกับการดูแลสุขภาพแนวนี้อย่างไร
และอยากให้คนปฏิบัติช่วยกันออกแบบการประเมินตนเองด้วยตนเองค่ะ
คิดว่านะจะมีความสุข มีข้อสะกิดให้คอยดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีกว่าอีกทั้งจะให้ความรู้สึกอิสระ
ไม่รู้สึกเหมือนถูกบังคับ อิอิ
บุญรักษา มีความสุขมากๆนะคะ
ขอบคุณค่ะ