จากงานแถลงข่าวงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๐ ต.ค. ๔๙ ที่ผ่านมา เป็นการแถลงข่าวเล็กๆ มีรูปแบบน่ารักๆ บรรยากาศเป็นกันเอง ไม่เหมือนที่ดิฉันคิดไว้คือ มีลักษณะที่เป็นทางการและน่าจะมีนักข่าวเข้าร่วมจำนวนมาก
การแถลงข่าวดำเนินไปด้วยความราบรื่นและเป็นไปตามกำหนดการ.... ตั้งแต่ อ.ประพนธ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ..ที่ทำหน้าที่โยนลูกให้แต่ละคนกล่าว เริ่มด้วย อ.วิจารณ์ กล่าวชี้แจงภาพรวมและจุดเด่นของการจัดงานมหกรรมฯ ครั้งนี้ จากนั้น อ.ประพนธ์ ก็โยนลูกต่อให้กับภาคีทั้ง ๔ คือ มูลนิธิข้าวขวัญ (ภาคประชาสังคม) กรมส่งเสริมการเกษตร (ภาคราชการ) บริษัท NOK (ภาคเอกชน) และ กศน.นครศรีธรรมราช (ภาคการศึกษา) ซึ่งทั้ง ๔ หน่วยงานนี้ถือเป็น best practice ในการนำ KM ไปใช้กับงานของตน...ถึงแม้บางหน่วยงานจะออกตัวว่าตนเองยังไม่เป็น best practice เพราะยังต้องเรียนรู้กันอีกมาก.....โดยก่อนที่แต่ละภาคีจะกล่าวนั้น อ.ประพนธ์ จะโยนลูกให้กับเจ้าหน้าที่ประสานงาน สคส. (PO) ซึ่งเป็นผู้ดูแลในแต่ละภาคส่วนชี้แจงภาพรวมการที่ สคส. นำ KM เข้าไปใช้ในแต่ละภาคส่วนอย่างไรแล้วเชื่อมโยงกับงานมหกรรมฯ ...........ดิฉันเห็นเบื้องหลังการทำเตรียมตัวของ PO ทั้ง ๔ (ประกอบด้วย พี่อ้อม (อุรพิณ) น้องอ้อ (วรรณา) พี่วัช (ธวัช) และ พี่หญิง (นภินทร) ) ว่าใช้เวลาเตรียมตัวไม่กี่นาทีก่อนเริ่มการแถลงข่าว...เพราะเพิ่งทราบว่าจะต้องกล่าวนำด้วย..เพื่อให้นักข่าวเห็นภาพและเข้าใจงานมหกรรมฯ ชัดขึ้น
ดิฉันประทับใจมากกับการกล่าวนำของ PO ทั้ง ๔ เพราะ เรียงลำดับเหตุการณ์ พูดได้ตรงประเด็น เชื่อมโยงชัด และโยนลูกต่อให้กับภาคีได้แนบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนประหนึ่งว่าเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี..แต่แท้จริงแล้ว..แทบจะกล่าวได้ว่าเป็นการ “ด้น” เหมือนที่ อ.วิจารณ์ เคยเขียนไว้ใน KM วันละคำ.........เหตุการณ์นี้ทำให้สมาชิก สคส. ที่เข้าร่วมการแถลงข่าววันนั้นก็ประทับใจในความสามารถของ PO ทั้ง ๔ ไปด้วย.......ใน weekly meeting สคส. วันที่ ๑๑ ต.ค. ๔๙ (เมื่อวานนี้) จึงนำมาพูดถึงในที่ประชุมด้วย โดย อ.ประพนธ์ กล่าวชื่นชมและให้แนวคิดว่า “การโยนลูกให้ PO แล้ว PO รับลูกได้ดีมาก ทำให้เห็นภาพและการเชื่อมโยงที่ชัดมาก ถือเป็นการโยนลูกที่สวยงามเป็นธรรมชาติ..จึงทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้ดี.......แสดงให้เห็นถึงความสามารถซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงการ improvise อย่างเดียวแต่ต้องมีการ organize ด้วย เพราะไม่เช่นนั้นการโยนลูกให้ไปอาจเละเทะได้ โดยสิ่งนี้ต้องอาศัยการฝึกปรือจนชำนาญรับได้ทุกสถานการณ์ ไม่ขัดเขิน และเป็นธรรมชาติ....การ improvise นั้นจึงจะทำได้ดีและพูดได้ดี”.......... : )
ผมรู้สึกว่ามันลงตัวมากๆเลย อย่างที่คุณ uraiman เขียนสาธยายอย่างไงอย่างงั้นครับ