เมื่อคืน ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่ง ในสมัยที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน จากกันไปเกือบ 5 ปี เห็นจะได้ แต่ก็ไม่ได้หนีหายกันไปเลย นานๆ ครั้งก็โทรศัพท์คุยกันที ล่าสุดได้ข่าวว่าเพื่อนคนดังกล่าว สอบได้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอแห่งหนึ่ง ในจังหวัดกำแพงเพชร
เพื่อนโทรมาด้วยเสียงที่ฟังแล้ว ทำให้พอจะเดาอาการของคนพูดได้ว่า คงจะเหนื่อยล้าเต็มทน หลังจากถามสารทุกข์สุกดิบกันแล้ว ด้วยความสงสัยก็ถามไปว่า ทำไมน้ำเสียงถึงดูเนือยเหนื่อยหน่ายเหลือเกิน เพื่อนตอบว่า “คงจะเหนื่อยหน่ายจริงๆ เพราะตั้งแต่สอบได้มาเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน ผ่านมาเป็นปีแล้ว จนวันนี้ ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง” ในฐานะที่เป็นเพื่อนที่อาวุโสกว่า (นิดนึง) พอจะมีประสบการณ์เจอะเจอกับปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาในงานมาพอสมควร ก็ได้แต่ปลอบพร้อมให้กำลังใจไปว่า เป็นธรรมดา ทำงานก็ต้องเจอปัญหาและอุปสรรค ปัญหามีไว้ให้แก้ไข ถ้าไม่มีปัญหา เค้าก็ไม่ต้องมีผู้บริหาร (เก่งๆ) อย่างเพื่อนหรอก ไม่รู้ว่าจะช่วยเพื่อนให้หายจากอาการเหนื่อยหน่ายได้มากน้อยแค่ไหน หวังว่าเพื่อนคงจะปล่อยวางแล้วหาทางออกในปัญหาของตนเองได้บ้าง
ดูจากสาเหตุปัญหาที่เพื่อนเล่ามาให้ฟัง ทำให้ฉุกคิดได้ว่า ปัญหาในการทำงาน ส่วนใหญ่มักเกิดจากคนมากกว่างาน เออนะ ทำไมกับคนซึ่งคุยกันด้วยภาษาที่ไม่ยุ่งยากฟังแล้วเข้าใจ ถึงได้สร้างปัญหาให้ผู้อื่นให้หนักอกหนักใจได้มากขนาดนี้ ต่างจากงาน ที่แม้จะหนักหนาสาหัสขนาดไหน ก็มีทางออกเสมอ งานบางงานเหมือนจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายถ้าทำไม่สำเร็จตามวัตถุประสงค์ แต่ก็ไม่เห็นจะสร้างปัญหาหนักหนาสาหัสขนาดนั้น แต่กับคน แม้จะเป็นเรื่องน้อยนิด แค่พูดกันคนละเรื่อง ไม่เข้าใจตรงกันเท่านั้นเอง ก็เป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว
หากจะให้ประเมินปัญหาของเพื่อน คงสรุปได้ว่า เพื่อนกำลังเผชิญกับปัญหา “ทะเลาะกับตัวเอง” เสียมากกว่า ลืมมองไปว่า คนเรามีความแตกต่างระหว่างบุคคล ซึ่งจริงๆ เพื่อนไม่น่าลืมข้อนี้ เพราะจิตวิทยาการศึกษา ที่นักการศึกษาทุกคนรู้จักมักคุ้นกันดี ในเรื่องของ “ความแตกต่างระหว่างบุคคล” เป็นจิตวิทยาที่พวกเราที่เรียนทางการศึกษาต้องเรียนรู้เป็นทฤษฎีแรกๆ ของการเรียนรู้ศาสตร์ทางการศึกษา ด้วยความที่เพื่อนเป็นคนที่เก่ง โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีทางการศึกษา ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เรียนมาในเชิงลึกพอสมควร ดังนั้นเมื่อได้บริหารงานโรงเรียน จึงคาดหวังว่า คนอื่น โดยเฉพาะผู้ใต้บังคับบัญชา น่าจะปฏิบัติได้เหมือนกับตนเอง ต้องให้เพื่อนไปคิดเป็นการบ้านว่า ลองแยกความแตกต่างระหว่างบุคคลของบุคลากรในโรงเรียนให้ออก อ่านให้ออกว่าเค้ามีความสามารถเฉพาะทางที่นอกเหนือจากการสอนหนังสือตรงไหน แล้วค่อยสนับสนุนให้ความสามารถของเขาเหล่านั้นโดดเด่นขึ้นมา แล้วจะพบว่า แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีความสามารถและมีศักยภาพ ในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป หากได้รับการสนับสนุนที่ดี ความสามารถที่โดดเด่นของแต่ละบุคคลเหล่านั้น จะช่วยส่งเสริมให้กิจการงานของโรงเรียนดำเนินก้าวหน้าไปได้ตรงตามวัตถุประสงค์ได้
ไม่รู้ว่าเพื่อนจะนำแนวคิดเราไปใช้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่ได้ผลแน่ๆ คือเพื่อนเริ่มมองออกแล้วว่า จะจัดการกับปัญหาในงาน โดยเฉพาะเรื่องบุคลากรของตนเองได้อย่างไร ก็ภาวนาให้แนวคิดที่เพื่อนคิดจะทำนั้น ประสบผลสำเร็จ เพราะหากไม่ประสบความสำเร็จ อาจส่งผลต่อกำลังใจของผู้บริหารคนหนึ่ง ที่มีความสามารถอย่างยิ่งต้องหดหายไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น คงจะเสียดายอย่างยิ่ง วลีเปรียบเปรยที่ว่า “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” คงจะใช้ได้ดีในทุกยุคทุกสมัย แม้จะรู้กันดี แต่คนเราส่วนใหญ่ ก็ต้องการขึ้นไปอยู่บนที่สูง...ทั้งนั้น...ไม่มีความเห็น