อาจารย์ระพี สาคริก เขียนถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ท่่านเคยเป็นอธิการบดี


ได้รับแชร์ลิงค์เฟซบุ๊คมา เกรงว่าบางท่านไม่ได้รับ  เป็นข้อเขียนของท่านอาจารย์ระพี สาคริก  ปูชนีบุคคลไทยซึ่งที่เป็นที่ยอมรับนับถือกันทั้งประเทศ จึงนำมาฝาก หากจะติดตามท่าน ก็ติดตามได้ใน เฟซบุ๊คของท่านที่นี่ http://www.easy.tc?gu5 

ที่ได้รับมามี ดังนี้

เธอเพื่อนรักของฉัน เมื่อวานนี้วันที่ 14 มิถุนายน 2556 ฉันได้รับเกียรติเชิญไปปาฐกถาพิเศษในโอกาสที่วิทยาลัยแพทย์ทหารบกมีอายุครบ 38 ปี


เหตุผลที่ฉันได้รับเกียรติครั้งนี้มีเรื่องสำคัญอยู่หลายประการ

ประการแรกก็คือฉันเป็นผู้ที่ให้กำเนิดแก่วิทยาลัยแพทย์ทหารบกในทางปฏิบัติ ในช่วงที่ฉันดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ประการที่สองก็เพราะว่าในทางปฏิบัตินั้นตัวฉันเองมีความทรงจำมาในอดีตเกี่ยวกับเรื่องสำคัญๆของชาติด้านหนึ่ง นับตั้งแต่องค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงประกาศเลิกทาสอันนับได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พระองค์ท่านได้เตรียมงานนี้มาประมาณ 30 ปีกว่า และทรงมีพระราชประสงค์ที่จะประกาศเลิกทาสโดยที่ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อคนไทยทั้งชาติ

ต่อจากนั้นมาองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานสิ่งล้ำค่าในกับประเทศสยามด้วยการพระราชการความคิดในการจัดการศึกษาที่ดีมีคุณค่า สิ่งนั้นก็คือได้ทรงจัดตั้งโรงเรียนที่ใช้ระบบ Boarding School เพื่อพัฒนาเด็กไทยให้เติบโตขึ้นมาบนพื้นฐานการพึ่งตนเองอย่างสำคัญ นอกจากนั้นยังทรงส่งกองทัพไทยไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยมีพระราชประสงค์ที่จะปลดแอกที่ประเทศอังกฤษได้ทำไว้กับไทยในด้านสิทธิทางศาลจนกระทั่งเป็นผลสำเร็จ 

ส่วนรัชกาลที่ 7 ก็ได้ทรงเตรียมการเอาไว้สำหรับพระราชทานอำนาจให้แก่พสกนิกรชาวไทยทุกคนแต่บังเอิญมีการชิงสุกก่อนห่ามเสียก่อน เลยทำให้พระองค์ท่านเสียพระราชหฤทัยอย่างหนักจนกระทั่งเสด็จไปสวรรคตในต่างแดน และหลังจากนั้นคนไทยก็ยกพวกฆ่ากันเองเป็นช่วงๆมาตลอด ถ้าคนไทยไม่ชิงดีด่วนได้ในช่วงนั้นเราคงเจริญก้าวหน้ามากว่านี้

เพราะคิดว่าประชาธิปไตยนั้นมันมีรากฐานอยู่ข้างนอก แต่แท้จริงแล้วอยู่ในใจเราทุกคน

มาถึงช่วงนี้มีเรื่องที่น่าเสียใจอีกอย่างหนึ่งก็คือการศึกษาของเกษตรกรชาวนาชาวไร่ ซึ่งควรมีโอกาสพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น แต่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งควรจะเป็นแม่แบบที่ดีกลับประกาศออกนอกระบบทางวัตถุ แทนที่จะออกนอกระบบทางจิตใจและใช้ศิลปะเป็นพื้นฐาน

เรื่องนี้ฉันต้องขอโทษที่เอาความจริงมากล่าว เพราะพระราชบัญญัติของมหาวิทยาลัยฯ ได้ผ่านความเห็นชอบในหลักการจากสภาผู้แทนมาแล้ว แต่นำมาให้กรรมาธิการพิจารนาและคณะกรรมาธิการก็ได้ขอให้ฉันไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิจารนาเรื่องนี้

วันแรกฉันได้เสนอข้ออภิปรายที่ไม่เห็นด้วยเพราะเรากำลังทำผิดอีกครั้งหนึ่งแล้ว แทนที่จะออกนอกระบบโดยทำจิตใจให้อิสระ เรากลับออกนอกระบบทางวัตถุ ทีนี้หละเกษตรกรชาวนาชาวไร่ซึ่งชีวิตยากไร้อยู่แล้วคงหาโอกาสยากที่จะได้ศึกษาเล่าเรียน เพราะมหาวิทยาลัยมีโอกาสหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างอิสระ

การไปประชุมครั้งที่ 2 ประธานกรรมาธิการได้มาชี้แจงกับฉันเป็นการส่วนตัวว่าเรื่องนี้ได้ผ่านสภาเห็นชอบไปแล้ว

เป็นอันว่าตัวฉันเองอาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการนำไปอ้างว่าการออกนอกระบบครั้งนี้มีฉันเข้าประชุมด้วย


ฉันต้องขออภัยที่ต้องนำเรื่องนี้มากล่าวตามตรง

ฉันนึกถึงเมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวอิสราได้หยิบยกเอาเรื่องมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กู้เงินสหกรณ์มาใช้ทำสิ่งก่อสร้างทางวัตถุ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดังขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว นี่เป็นครั้งที่ 2 ฉันต้องกราบขอโทษทุกคนที่นำความจริงมาพูด เพราะเห็นแก่ประเทศชาติซึ่งเป็นบ้านเกิดของฉันเอง ในเมื่อมีการสูญเสียถึงขนาดนี้และฉันก็เป็นคนไทยคนหนึ่งซึ่งทำตามหน้าที่

วันนี้สถานีโทรทัศน์กรุงเทพธุรกิจทีวี ได้มาสัมภาษณ์ฉันไปออกรายการน้ำครึ่งแก้ว รายการนี้จะออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 23 และวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2556 เวลา 14.30-15.00 น. คงมีเรื่องดีๆที่ประชาชนควรจะได้รับการชี้แนะให้ประกอบกรรมทำความดีความงามแก่สังคมไทย


ฉันต้อของขอบคุณสถานีโทรทัศน์กรุงเทพธุรกิจไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยและจะต้องขอขอบคุณสำนักข่าวอิสราที่จุดประกายให้ประชาชนได้หันมาสนใจ แม้บางคนอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ฉันก็พูดอยู่เสมอว่า “เรื่องเล็กน้อยนั้นอย่าดูถูกเพราะจะนำไปสู่เรื่องใหญ่ 

แม้น้ำครึ่งแก้ว วันหนึ่งก็นำไปสู่น้ำเต็มแก้วได้ ถ้าน้ำครึ่งแก้วเป็นน้ำที่ใสอาด น้ำเต็มแก้วก็ย่อมไม่สกปรก โดยเฉพาะน้ำครึ่งแก้วก็เปรียบเหมือนเด็กที่โบราณบอกว่าเหมือนผ้าขาว ถ้าเด็กไม่ถูกสีดำมันทำให้เปรอะเปื้อนก็ย่อมทำให้เป็นเด็กที่ดีได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ฉันสงสารเด็กไทยทุกคน โบราณได้กล่าวไว้ว่า ถ้าหัวไม่ส่ายหางก็ไม่กระดิก 

เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใหญ่ไม่ทำเสียหายเด็กก็ย่อมต้องเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีได้อย่างแน่นอน

ฉันขอบคุณประธานคณะกรรมาธิการพิเศษที่พิจารนา พ,ร,บ. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่พูดกับฉันตามตรง

ถ้าฉันพูดอะไรผิดไปจากนี้ก็ต้องกราบขออภัยทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

ฉันพยายามอย่างที่สุดที่จะสะท้อนภาพที่ดีจากนักการเมืองส่วนใหญ่ให้สังคมยอมรับ แต่ถ้าใครทำตัวเองเป็นอย่างไรผลก็ย่อมเป็นอย่างนั้นโดยไม่มีใครจะช่วยได้

เป็นอันว่าฉันเข้าประชุมเพื่อพิจารนา พ.ร.บ. แต่แท้จริงแล้ว พ,ร,บ, นั้น ร่มคันใหญ่ได้พิจารนากันมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว

บ้านระพี สาคริก พหลโยธิน 41 จตุจักร กรุงเทพฯ 10900

ระพี สาคริก
15 มิถุนายน 2556

หมายเลขบันทึก: 539538เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2013 08:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2013 08:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท