การตายของ เอกยุทธ์ อัญชัญบุตร : ข่าวใหม่ .14 สิงหาคม 2556 มือสังหารบอกว่าคนมีสีจ้างฆ่าเอกยุทธ์


ข่าวใหม่ล่าสุดคนมีสีจ้างฆ่า                                                      คลิ๊กอ่าน http://www.thairath.co.th/content/region/363392


หมอพรทิพย์ ตั้งข้อสังเกตเกี่่ยวกับฆาตกรรมอำพราง

http://www.clipmass.com/story/67206


เฟซบุ๊ค ของเอยุทธ์ 

https://www.facebook.com/akeyuth.thaiinsider

..............................................................................................................

เอกยุทธ์ อัญชัญบุตร

http://www.easy.tc?gtn

 มีรายงานว่า นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดังได้หายไปจากบ้านพักตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน โดยญาติไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้

 ทางด้านนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายเอกยุทธเปิดเผยว่า นายเอกยุทธได้หายไปจากบ้านจริงประมาณ 3-4 วันมาแล้ว ขณะนี้ทางญาติได้แจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลาง และกำลังไปแจ้งความที่กองปราบปราม
นายเอกยุทธ์  เป็นใคร

จากวีกิพีเดีย

http://www.easy.tc?gtm

เอกยุทธ อัญชันบุตรหรือในชื่อภาษาอังกฤษว่าจอร์จ ตัน(George Tan) นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ซึ่งต่อต้านรัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรในอดีตเคยต้องคดีแชร์ชาร์เตอร์และกบฏ 9 กันยาเมื่อพ.ศ. 2528และหลบหนีคดีออกนอกประเทศ เพิ่งจะเดินทางกลับประเทศไทยหลังจากคดีหมดอายุความแล้ว

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร เกิดเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2502 เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวน 5 คน ของ ร้อยโทแปลก อัญชันบุตร นายทหารคนสนิทจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์อดีตนายกรัฐมนตรี และนางนันทา ฉัตรกุล ณ อยุธยา จบการศึกษาที่โรงเรียนแม้นศรีวิทยา, โรงเรียนเทพประสาทวิทยา และเรียนมัธยมศึกษาที่เมืองโอมาฮารัฐเนแบรสกาสหรัฐอเมริกาก่อนจะกลับมาทำธุรกิจรับเหมาก่อก่อสร้างร่วมกับพี่ชาย และไปเรียนต่อด้านเศรษฐศาสตร์การเงินการคลังที่มหาวิทยาลัยแปซิฟิกฮาวาย

เมื่อเรียนจบ นายเอกยุทธเริ่มทำธุรกิจซื้อขายคอมมอดิตี้ส์และซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าจากนั้นจึงเปิดบริษัทนายหน้าซื้อขายคอมมอดิตี้ส์ และเงินตราต่างประเทศ ชื่อ   "ชาร์เตอร์อินเวสต์เมนต์" เมื่อ พ.ศ. 2525

เมื่อ พ.ศ. 2526 เป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศสูง ถึงร้อยละ 12 นายเอกยุทธในวัยเพียง 24 ปี ได้คิดหากำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ย โดยกู้เงินจากต่างประเทศด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ประมาณร้อยละ 3 มาฝากในสถาบันการเงินในประเทศเพื่อทำกำไร และนำกำไรที่ได้ไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม

บริษัทนายหน้าของนายเอกยุทธ ในระยะแรกมีเงินลงทุนจากนายทหาร และนักการเมืองเป็นจำนวนมาก เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงจึงมีประชาชนทั่วไปนำเงินเข้ามาลงทุน และรุ่งเรืองที่สุดเมื่อ พ.ศ. 2527 เมื่อประชาชนสมัยนั้นนิยมการลงทุนในเงินนอกระบบเช่นแชร์แม่ชม้อย,แชร์แม่นกแก้วและหันมาลงทุนกับแชร์ชาร์เตอร์เป็นทอด ๆ

เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2527 รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์โดยนายสมหมาย ฮุนตระกูลประกาศลดค่าเงินบาทและออกพระราชบัญญัติการกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527มีการดำเนินการทางกฎหมายกับนางชม้อย ทิพยโสหรือ "แม่ชม้อย" หัวหน้าวงแชร์แม่ชม้อย และพันจ่าอากาศเอกหญิงนกแก้ว ใจยืน หัวหน้าวงแชร์แม่นกแก้ว

นายเอกยุทธเดินทางออกนอกประเทศหลังจากมีข่าวว่าทางการจะออกหมายจับเมื่อกลางปี พ.ศ. 2528 และเกิดความตื่นตระหนกขึ้นเมื่อมีนายทหารฟ้องคดีเช็คของนายเอกยุทธ ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน และทำให้มีผู้เข้าร้องเรียนกับกองปราบเป็นจำนวนหลายพันคน ทางการประกาศอายัดทรัพย์สินของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร บริษัท ชาร์เตอร์ และผู้ถือหุ้น เพื่อนำออกขายทอดตลาด

กบฏ 9 กันยายน พ.ศ. 2528[แก้]

ในระหว่างที่นายเอกยุทธ หลบคดีแชร์ชาร์เตอร์ อยู่ในประเทศเยอรมนีตะวันตกก็ได้พบกับพันเอกมนูญ รูปขจรโดยการประสานงานกับกลุ่มผู้นำสหภาพแรงงาน และร่วมกันก่อการกบฏ 9 กันยาเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2528 เพื่อล้มล้างรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่ไม่สำเร็จ ในเหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศชาวอเมริกันและชาวออสเตรเลีย

หลังเหตุการณ์ นายเอกยุทธหลบหนีกลับไปอยู่ที่เยอรมนีตะวันตกอีกครั้ง แล้วย้ายไปกรุงเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์และมหานครนิวยอร์กสหรัฐอเมริกา

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร กลับมาเป็นข่าวคราวอีกครั้งในกลางปีพ.ศ. 2547เมื่อได้เข้าไปที่พรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับ นายอัมรินทร์ คอมันตร์เพื่อเจรจาทางการเมืองซึ่งกล่าวกันว่า นายเอกยุทธพยายามจะให้เงินสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เพื่อใช้ในการโค่นล้มรัฐบาล แต่ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้แถลงข่าวปฏิเสธและไม่ได้รับเงินไว้ จากนั้น นายเอกยุทธได้ร่วมกับกลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์จัดปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นที่ท้องสนามหลวงในเดือนกันยายนแต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากผู้ร่วมชุมนุมมีไม่มากนัก จากนั้น นายเอกยุทธจึงได้ออกข่าวเป็นระยะ ๆ วิพากษ์และโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่อยมา และได้เปิดเว็บไซต์ส่วนตัว อีกทั้งในบางครั้งบางช่วงก็ได้วิพากษ์และโจมตี นายสนธิ ลิ้มทองกุลแกนนำผู้หนึ่งของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย

ประวัติของนายเอกยุทธ มีมากมาย  google  บอกได้        อ่านกันไม่หวาดไม่ไหว สนใจอีกก็ไปติดตามอ่านกัน


หมายเลขบันทึก: 538905เขียนเมื่อ 11 มิถุนายน 2013 11:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 สิงหาคม 2013 14:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ดู TPBS คดี เอกยุทธ มันคุ้นๆ รูปแบบมาก หายตัวเริ่มแถว ทาวอินทาวน์ โดนอุ้ม แจ้งตำรวจกองปราบ เหมือนมากกะคดี ทนายสมชาย เปี๊ยบเลย ไม่ต้องเดาเลยว่าใครทำ หึหึ ยุคสมัยที่หายก้อรัฐบาลพรรคนี้เลย แหม๋ม อะไรมันช่างเหมาะเจาะแบบนี้หนอ

เห็นด้วยค่ะท่านชัด บุญมา ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นำมาเสนอนะคะ แต่อย่างไรก็อยากทราบข่าวว่าท่านเอกยุทธปลอดภัยค่ะ ในฐานะคนไทยด้วยกันค่ะ ขอสิ่งดีๆที่ท่านได้ทำไว้ช่วยคุ้มครองและให้พบท่านในเร็ววันด้วยเถิดค่ะ

“พฤษภกาสร       อีกกุญชรอันปลดปลง 
โททนต์เสน่งคง   สำคัญหมายในกายมี 
นรชาติวางวาย    มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ 
สถิตทั่วแต่ชั่วดี    ประดับไว้ในโลกา”

(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส : กฤษณาสอนน้องคำฉันท์) 

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว

ของเอกยุทธฺ์ อัญชัญบุตร ด้วยครับ


ผู้การพัทลุง ยัน คนรถสารภาพแล้ว ฆ่า "เอกยุทธ อัญชันบุตร" กองปราบนำตัวขึ้น ฮ. จากกรุงเทพฯ มาหาศพที่พัทลุงแล้ว

http://www.easy.tc?gtr

คืบหน้า คดีการหายตัวไปของ นายเอกยุทธ อัญชันบุตรนักธุรกิจชื่อดัง ล่าสุด พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ระบุว่า นายสันติภาพ เพ็งด้วง คนขับรถของนายเอกยุทธได้ให้การรับสารภาพแล้วว่า เป็นผู้ลงมือสังหารนายเอกยุทธและทิ้งศพไว้ใน จ.พัทลุง ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจกองปราบอยู่ระหว่างนำตัว นายสันติภาพมาทำการค้นหาศพ ที่ จ.พัทลุง ส่วนสาเหตุคาดว่าจะเป็นเรื่องเงิน 5 ล้านบาทตำรวจเรียกสอบใหม่

ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า มั่นใจว่าจากข้อมูลที่ได้รับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐเด็ดขาด "ผมฟันธงได้เลยว่าเป็นการฆาตกรรม จึงให้ตำรวจเรียกคนขับรถนายเอกยุทธมาสอบปากคำใหม่ เป็นเรื่องไร้สาระที่จะมาบอกว่าการวิจารณ์เรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ว.5 โฟร์ซีซั่นของนายเอกยุทธเป็นเหตุถูกอุ้ม เรื่องอย่างนี้รัฐบาลไม่พิสูจน์ทราบได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นฝ่ายค้าน ฝ่ายตรงข้ามก็ขยายประเด็น เชื่อเถอะไม่ใช่เรื่องการเมือง ผมไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น โกรธกับตำรวจก็คงไม่ถึงกับต้องฆ่าต้องแกงกัน" ร.ต.อ. เฉลิม กล่าว

มนุษย์เรา   ที่ดีหรือชั่ว  จนเด่นสุดขั้ว  หากไม่ระวังควบคุมใจ กาย  ก็อาจจะกลับมาเป็นภัยได้ ลองดูประวัติคนเด่นที่ถูกอุ้มฆ่า ตามที่หนังสือพิมพ์แนวหน้าเขานำมาบอกเล่า http://www.naewna.com/politic/55418

หนังสือพิมพ์ผู้จัดการนำข้อแนะนำการหลีกเลี่ยการถูกอุ่้มของชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มาบอกกล่าว

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000071066

เชื่อว่าสมาชิกโกทูโนที่นี่คงไม่มีวันที่จะถูกอุ้ม  แต่ก็รู้ไว้เพื่อนำไปประยุกต์ในบางโอกาสของชีวิตก็ได้นะครับ

 

 1.อย่าเดินทางโดยใช้เส้นทางเดิมๆ เป็นประจำ ต้องเปลี่ยนเส้นทาง ขึ้นทางด่วนบ้าง วิ่งทางธรรมดาบ้าง อ้อมนิดอ้อมหน่อย สลับไปสลับมา
 
 2.อย่าบอกกำหนดการเดินทางล่วงหน้า เช่น เย็นนี้จะไปกินข้าว หรือมีนัดกินเลี้ยงที่ไหน ถึงเวลาไปแล้วไปเลย
 
 3.อย่าพูดธุระสำคัญภายในรถ หัดใช้ Whatsapp Line หรือ sms ส่งข้อความแทน เพราะถ้าพูดในรถ คนขับรถ คนติดตาม มันได้ยินหมด
 

 4.อย่าใช้รถคันเดียว หากคุณซื้อรถเบนซ์ได้ ย่อมต้องซื้อรถญี่ปุ่นได้สัก 4-5 คัน หัดเปลี่ยนรถสลับไปสลับมา อย่าใช้รถแค่เพียงคันเดียวเท่านั้น

 
 5.อย่านั่งอยู่ตำแหน่งเดิมตลอด สลับตำแหน่ง นั่งหลังบ้าง นั่งหน้าบ้าง นั่งซ้ายบ้าง นั่งขวาบ้าง หรือในช่วงคับขัน ลองให้คนขับมาลองนั่งข้างหลัง แล้วเราไปขับแทน
 
 6. อย่ามีบ้านหลังเดียว นอนที่เดิมตลอด มีเมียเดียวก็จริง แต่ต้องมีหลายบ้าน คอนโดบ้าง โดยเฉพาะตอนเปิดประตูรถเป็นช่วงสำคัญที่สุด

 
 7.อย่าคิดว่าพกปืนแล้วจะรอด พวกที่ถูกอุ้มหรือตายไป มีปืนกันทั้งนั้น
 
 8.อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน คนขับรถ คนติดตาม หรือคนใกล้ชิด อาจถูกบังคับขู่เข็ญเพื่อสอบถามว่าเราอยู่ที่ไหน กำลังไปไหน หรือขู่เข็ญครอบครัวของบุคคลเหล่านี้ เพื่อเค้นคำตอบ ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติดังนี้
 
 8.1 ต้องรู้ประวัติของทุกคน เมียอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร ครอบครัวพ่อแม่อยู่ที่ไหน หากไปที่บ้านเดิมได้ ต้องไป อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเสียเวลา
 
 8.2 ต้องสอบประวัติอาชญากรรม พิมพ์นิ้วมือ ดูว่าเคยมีประวัติอะไรมาก่อน
 
 8.3 ต้องตรวจสอบสารเสพติด เพราะพฤติกรรมเสพยาเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด
 
 8.4 ต้องอบรมบุคคลเหล่านี้ไม่ให้ไปบอกใคร ว่าเจ้านายอยู่ที่ไหน เพราะโดยมากคนจะไม่สอบถามเราโดยตรง แต่จะไปถามคนขับรถ คนติดตาม หรือคนใกล้ชิด ดังนั้น ต้องอบรมสั่งสอนให้พูดอยู่แค่ 3 คำเท่านั้น “ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ทราบ” ต้องท่องให้ขึ้นใจ

 
 9.อย่าคุยโม้โอ้อวดเรื่องเงินเรื่องทอง หรือไปโชว์ให้เห็นว่ามีเงินอยู่กับตัวครั้งละมากๆ มันล่อตาล่อใจ แล้วทำให้คิดมาก คนไม่เคยคิดก็จะคิด หรืออาจจะนำไปพูดให้คนอื่นเกิดความคิด
 
 10.อย่าอยู่ที่ไหนนานเกินไป เช่น ไปนั่งทานอาหารอยู่ที่ไหนนานๆ หรืออยู่ในงานเลี้ยงนานเกินไป เวลานั่งให้หันหน้าเข้าหาประตู เพื่อจะได้เห็นคนที่เดินเข้าออก
 
 11.อย่ายอมขึ้นรถคนอื่นเป็นอันขาด วิ่งได้ต้องวิ่ง ยิงได้ต้องยิงกันตรงนั้น สู้ตรงนี้ดีกว่า เพราะถ้ายอมไปกับเขาแล้ว อย่าหวังว่าจะได้กลับมา

 
 12.อย่าใช้โทรศัพท์เบอร์เดียวซ้ำๆ ควรจะมีซิมประเภทเติมเงินหลายๆ อัน ใช้แล้วหักทิ้ง เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันทันสมัย แล้วมันไม่ได้เป็น “โจรนอกเครื่องแบบ”
 

เจาะลึกลำดับเหตุการณอุ้มฆ่าเอกยุทธ์ 

จาก  http://www.easy.tc?gtw

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจด้านเงิน-อสังหาริมทรัพย์ และเป็นเจ้าของเว็บไซต์ ไทยอินไซเดอร์ ถูกลักพาตัวหายตัวไปอย่างลึกลับ ก่อนเจ้าหน้าที่จะเริ่มแกะรอยหาเบาะแส และพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนขับรถประจำตัว ฆาตกรรมและนำศพไปฝังอำพรางไกลถึง จ.พัทลุง ประเด็นการหายตัวไปจนนำไปสู่การพบศพ นายเอกยุทธ ลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดได้ดังนี้

วันที่ 6 มิถุนายน 2556

เวลา 18.00 น. ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านอาหารครัวกระแต ย่านประดิพัทธ์ จับภาพ นายเอกยุทธ ขึ้นรถตู้โฟล์ค สีดำ เนื่องจากมีนัดทานอาหารเย็นกับกลุ่มเพื่อน โดยมี นายสันติภาพ เพ็งด้วง เป็นผู้ขับรถให้และรออยู่บริเวณร้านอาหาร โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา และขับรถตู้โฟล์คออกไปและกลับมาอีกครั้งอีก 20 นาทีต่อมา

เวลา 23.00 น. นายเอกยุทธ ออกจากร้านอาหารครัวกระแต และโทรศัพท์หาลูกชายแต่ติดต่อไม่ได้

วันที่ 7 มิถุนายน 2556

เวลา 00.05 น. กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถตู้โฟล์คของนายเอกยุทธ เข้าไปในซอยร้านอาหารบ้านต้นซุง เพื่อเดินทางไปต่อที่บริษัทไทยอินไซด์เดอร์ ทาวน์อินทาวน์ ซอย 3/2 เป็นเวลาไล่เลี่ยกับที่ลูกชายตัดสินใจขับรถจักรยานยนต์ วนไปที่บริษัทฯ โทรศัพท์กลับหานายเอกยุทธก็ติดต่อไม่ได้แล้ว และเห็นรถตู้สีดำไม่ได้ถูกจอดในที่จอดรถประจำ ก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะนึกว่า นายเอกยุทธ กลับถึงบ้านแล้ว

เวลา 09.00 น. น้องสาวของนายเอกยุทธ บอกว่า นายเอกยุทธ โทรศัพท์ให้นำสมุดเช็คไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมินัดมอบกันที่ประตู 8 และเมื่อพนักงานบริษัทนำสมุดเช็คไปส่งกลับไม่พบนายเอกยุทธ พบแต่ นายสันติภาพ จึงได้ฝากให้ นายสันติภาพ เซ็นเช็คให้ เมื่อนำมาขึ้นเงิน ปรากฏว่าเช็คเด้ง เพราะลงปี พ.ศ. ผิด ธนาคารจึงได้สอบถามกับ นายเอกยุทธ และได้รับการยืนยันว่า เป็นลายเซ็นต์จริง ธนาคารจึงนำเงินสด 5,000,000 บาทให้กับพนักงาน เพื่อให้นำไปส่งกับนายเอกยุทธที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ก็พบเพียง นายสันติภาพ อีกครั้ง

เวลา 12.00 น. เพื่อนของนายเอกยุทธ พยายามติดต่อเพราะมีนัดตีกอล์ฟด้วยกัน แต่นายเอกยุทธตอบกลับมาว่า วันนี้ไม่สะดวก

จนกระทั่งเวลา 20.00 น. ในวันเดียวกันนั้น ญาติสามารถโทรศัพท์ติดต่อกับนายเอกยุทธได้ แต่นายเอกยุทธตอบกลับมาเพียงสั้นๆ และพยายามตัดบทการสนทนา และเป็นเบาะแสสุดท้ายก่อนจะติดต่อกับ นายเอกยุทธ ไม่ได้อีก

วันที่ 9 มิถุนายน 2556

เวลา 12.00 น. กลุ่มญาติของนายเอกยุทธ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม ระบุว่า นายเอกยุทธ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน เวลาประมาณ 20.00 น. โดย ญาติๆ ได้เข้าแจ้งความเบื้องต้นไว้ที่ สน.วังทองหลาง ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน แล้ว

วันที่ 10 มิถุนายน 2556

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้รับทราบเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายเอกยุทธ สั่งการให้เกาะรอยสืบสวนหาเบาะแส

จนกระทั่งเวลา 09.00 น. วันเดียวกันนั้น พบเบาะแสรถโฟล์ค สีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กทม. ที่คาดว่าใช้ก่อเหตุลักพาตัว นายเอกยุทธ ขับไปเส้นทางลงภาคใต้ ไปสิ้นสุดที่ จ.พัทลุง

วันที่ 11 มิถุนายน 2556

เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว นายสันติภาพ คนขับรถประจำตัวของนายเอกยุทธ ได้ในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีลักพาตัวนายเอกยุทธ เบื้องต้น นายสันติภาพ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น. เกิดกระแสข่าวลือระบุว่า พบศพชายนิรนามในพื้นที่ จ.พัทลุง อ้างว่าเป็นศพของนายเอกยุทธ ที่ถูกลักพาตัวและหายตัวไปอย่างลึกลับ แต่ในท้ายที่สุดก็ได้รับการยืนยันว่ายังไม่ใช่

จนกระทั่ง เวลา 16.00 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับการหายตัวของ นายเอกยุทธ โดยระบุว่า นายเอกยุทธ ถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว พร้อมกับปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับคดีกล่าวหารัฐมนตรี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์

เวลา 18.00 น. นายสันติภาพ เพ้งด้วง คนขับรถประจำตัวของนายเอกยุทธ ได้ยอมรับภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุลักพาตัวและฆ่า นายเอกยุทธ โดยนำศพไปฝังไว้ที่ จ.พัทลุง และซัดทอดไปถึงเพื่อนอีก 2 คนที่อ้างว่าร่วมกันลงมือก่อเหตุครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าเป็นเหตุฆาตกรรมเพื่อหวังเอาทรัพย์สิน

วันที่ 12 มิถุนายน 2556

เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 9 ได้ลงพื้นที่บริเวณป่าภูเขาจิงโจ้ ต.พนมวัง อ.เมือง จ.พัทลุง พร้อมกับนำตัว นายสันติภาพ พร้อมกับเพื่อนร่วมก่อเหตุอีก 2 คน มาชี้จุดที่นำร่าง นายเอกยุทธ มาอำพราง เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 ยังให้การสับสน ไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ จึงต้องยกเลิกภารกิจไปชั่วคราว

จนกระทั่งเวลา 13.00 น. ได้มีการค้นพบศพชายนิรนาม สภาพเปลือยกาย บริเวณป่าภูเขาจิงโจ้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็น นายเอกยุทธ หรือไม่ จึงได้ส่งไปตรวจสอบผลทางดีเอ็นเอเพื่อยืนยันอีกครั้ง แต่ทางด้าน น้องสาวของนายเอกยุทธ ได้ยืนยันว่าศพที่ค้นพบคือพี่ชายอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวยังคงต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาแรงจูงใจ รวมทั้งสาเหตุของการลักพาตัวและฆาตกรรม นายเอกยุทธ อยู่ต่อไป ถึงแม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การรับสารภาพแล้วว่า ต้องการชิงทรัพย์ 5 ล้านบาท และมีความแค้นส่วนตัวกับผู้เสียชีวิต แต่คดีนี้ยังคงมีเงื่อนงำอยู่หลายจุด

เปิดชีวิต เอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจพันล้าน ตายน้ำตื้นเพราะคนขับรถ?

อ่านสมองของเอกยุทธ์ ได้ที่นี่ครับ

https://www.facebook.com/akeyuth.thaiinsider

หมอพรทิพย์ ตั้งข้อสังเกี่่ยวกับการตายของเอกยุทธ์

http://www.clipmass.com/story/67206

ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง  จนเป็นที่เชื่อถือกันมานาน ๆ ของหมอพรทิพย์ ต้องนำมาพิจารณดูว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ ด้วยคนไทยขี้โกงในทุกวันนี้ ทำอะไรที่คนทั่วไปคิดได้ไม่ทัน ก็มีมากมาย เช่น กรณีเลี่ยงภาษีรถหรู กรณีโกงอุปกรณ์ทางการศึกษา การสร้างโรงพัก การจำนำข้าวที่ยกมากล่าวกันในสภา การไปเปิดบริษัทที่เกาะบริติเวอร์จ้ิน การนำแก๊สครัวเรือนมาขายปั๊มน้ำมัน การนำน้ำมันเก่ามารีไซเคิลขายกันใหม่ ฯลฯ ทั้งหมดทั้งปวง จริงหรือไม่จริงต้องฟังศาลตัดสิน เพราะผู้เกี่ยวข้องต่างดิ้นให้พ้นผิดกันทั้งนั้น  เราคนไทยทั้งหลายที่คอยสดับตรับฟังจึงต้องใช้ข้อมูล ใช้ปัญญา  อย่าได้เชื่อใครโดยเด็ดขาด ประเทศชาติจึงจะรอด

มีคำตอบ!5ใน13ปมอุ้มฆ่า'เอกยุทธ'

http://www.easy.tc?gv2


  24 มิ.ย. 56  พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. หัวหน้าพนักงานสอบสวนนครบาลคลี่คลายคดีฆ่านายเอกยุทธ อัญชัญบุตร เตรียมเรียกประชุมคณะทำงานสืบสวนสอบติดตามความคืบหน้าการรวบรวมพยานหลักฐานทางคดีและคลี่คลายปมปัญหาข้อสงสัยของทนายความนายเอกยุทธและญาติ รวม 13 ประเด็น ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ พร้อมระบุการตรวจสอบข้อสงสัยทั้ง 13 ประเด็น ที่ทีมทนายตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคดีฆ่านายเอกยุทธนั้นมีความคืบหน้าไปมากแล้วส่วนจะสรุปทันภายใน 7 วันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และผลการชันสูตรศพ จากแพทย์สถาบันนิติเวช นำมาประกอบกัน รวมถึงการตรวจสอบบางประเด็นที่ต้องมีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมให้ชัดเจนด้วย ซึ่งผลการชันสูตรศพแพทย์นิติเวช จะส่งให้พนักงานสอบสวนวันนี้ ขณะเดียวกันมีรายงานจากแพทย์ในส่วนของข้อสงสัยประเด็นลูกอัณฑะที่มีอาการบวมผิดปกติว่า เป็นไปตามธรรมชาติหลังจากเสียชีวิต ซึ่งจากการชันสูตรไม่พบร่องรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายแต่อย่างใด

  อย่างไรก็ตามล่าสุดมีรายงานจากทีมสืบสวนสอบสวนนครบาลว่า ได้คลี่คลายประเด็นข้อสงสัยไป 4-5 ประเด็นแล้ว คือ คำให้การของนายบอล และนายเบิ้ม ที่มีความขัดแย้งกันหลายประการเนื่องจากนายบอล ไม่ได้ให้ปากคำกับตำรวจเลยว่า ระหว่างที่เอาศพนายเอกยุทธ จากกรุงเทพ เดินทางไป จ.พัทลุง ได้แวะที่ไหนบ้าง แต่นายเบิ้มให้การว่า หลังจากฆ่านายเอกยุทธ ระหว่างนำศพไป จ.พัทลุง ได้แวะพักที่บ้านเพื่อนที่อยู่ในป่ายางลึก บริเวณบ้านควนหนองหงส์ จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่เวลา 14.00-20.00 น. จากนั้นจึงเดินทางต่อไปที่ จ.พัทลุง โดยทนายต้องการหาคำตอบว่า ทั้งคู่พักอยู่บ้านใคร ระหว่างที่พักนั้นมี การทำลายฮาร์ดดิสก์ หรือเอาสร้อยคอทองคำ และทรัพย์สินมีค่าฝังไว้หรือไม่นั้น

  เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส. สั่งการให้ พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงศ์แป้น รองผบก.สส. นำชุดสืบสวนบก.สส. ลงพื้นที่ภาคใต้อีกครั้งกระทั่งมีการตรวจสอบหาบ้านหลังดังกล่าวจนพบแล้ว และทราบข้อมูลว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของพี่สาวอีกคน ที่เป็นลูกของลูกผู้พี่ผู้น้องของมารดานายบอล ซึ่งจากการตรวจค้นทั้งในบ้าน และบริเวณบ้านก็ไม่พบทรัพย์สินของนายเอกยุทธ เพิ่มเติมแต่อย่างใด เชื่อว่าทั้งคู่น่าจะมาแวะพักเอาแรงระหว่างทางก่อนจะขับรถโฟล์คเดินทางต่อ เพื่อเอาศพนายเอกยุทธ ไปฝังที่บ้านเกิด จ.พัทลุง

  ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นที่ตำรวจได้คลี่คลายไปก่อนหน้า เช่น กรณีที่ระหว่างที่อยู่ร้านครัวกระแตนายบอล โทรศัพท์หาชายกลุ่มหนึ่งตามที่ทนายให้เบาะแสว่า มีชายต้องสงสัยกลุ่มหนึ่งอยู่บริเวณโรงแรมประดิพัทธ์ ปากซอยประดิพัทธ์ 17 ในวันเกิดเหตุ อยากให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้ามที่ร้านแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ชุดสืบสวนตรวจสอบแล้วไม่พบกลุ่มชายต้องสงสัยดังกล่าว และกรณีเครื่องมือสื่อสาร ได้แก่ ไอแพด และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ของนายเอกยุทธ หายไปนั้น ทีมทนายแจ้งว่า ตรวจพบสัญญาณโทรศัพท์ของนายเอกยุทธ ที่ย่านเยาวราช เชื่อว่าคนร้ายอาจจะนำทรัพย์สินมีค่าบางอย่างไปขายนั้น ชุดสืบสวนตรวจสอบแล้วไม่พบข้อมูลโทรศัพท์บริเวณย่านเยาวราช

  อย่างไรก็ตามประเด็นที่เหลือส่วนใหญ่ อาทิ บาดแผลร่องรอยการถูกทำร้าย หรือมีบุคคลร่วมลงมือมากกว่านายบอลและนายเบิ้ม หรือไม่นั้น ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีอยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรศพของแพทย์ และรอผลตรวจสอบที่เกิดเหตุตามจุดต่างๆ ของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางอย่างเป็นทางการอีกครั้ง


http://news.mthai.com/general-news/262501.html

ด้าน ทนายความ เอกยุทธ ขอยุติบทบาท

วานนี้ (13 ส.ค.)  ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กสม. แถลงผลการตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ว่า ตามรายงานของแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพพบว่า นายเอกยุทธ์ไม่ได้ถูกฆ่ารัดคอหรือถูกบีบคอตามที่พนักงานสอบสวนและผู้ต้องหาได้ระบุไว้ หากแต่เป็นการถูกกระทำให้ขาดอากาศหายใจโดยใช้กระบวนท่าพิเศษ ซึ่งเป็นกระบวนการของบุคคลที่เป็นมืออาชีพนอกเหนือจากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม  

อุ้มฆ่า,เอกยุทธ อัญชันบุตร

ทั้งนี้ที่บริเวณปลายจมูกมีรอยฟกช้ำ โคนลิ้นและลิ้นด้านซ้าย เนื้อเยื่อลำคอด้านขวา ซึ่งไม่พบรอยบีบรัดแต่มีการกดบีบลำคอกับปิดกั้นจมูกทำให้ขาดอากาศหายใจ และท่านี้สามารถทำให้เสียชีวิตโดยใช้ระยะเวลาไม่นาน ขณะที่บาดแผลบริเวณหัวไหล่ขวา สะบักซ้ายด้านหลังซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้ที่อยู่ด้านหลังนายเอกยุทธ  ส่วนบาดแผลอีก 2 แห่ง ที่ข้อมือและส้นเท้าเกิดจากการถูกพัธนาการในบริเวณจำกัด ทำให้นายเอกยุทธ์ไม่สามารถต่อสู้ดิ้นรนได้

ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพศพหลังเสียชีวิต ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายศพจากกรุงเทพฯไป จ.พัทลุง และเคลื่อนจากเขาจิ้งโจ้ จ.พัทลุง มาตรวจพิสูจน์ที่กรุงเทพฯ มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าจากผู้ชำนาญในการฆ่าคน  โดยมีเหตุผลสนับสนุนคือ การเตรียมวัสดุอุกรณ์ห่อศพและลำเลียงศพจากรุงเทพฯมาพัทลุง และลักษณะการห่อศพซึ่งรัดด้วยวัสดุผูกมัด เป็นเทคนิควิธีการเฉพาะของผู้มีความรู้และความชำนาญ อีกทั้งไม่พบหนอนในศพ แสดงว่าสภาพศพถูกห่อหุ้มเป็นอย่างดี

ส่วนการขุดหลุมฝังก็ไม่ลึกไม่เกิน 50 ซ.ม. และถูกฝังไม่เกิน 1 วัน  แสดงเจตนาว่าไม่ต้องการปกปิดศพ แต่ต้องการเปิดเผยเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงไม่อยากให้ตำรวจเร่งสรุปสำนวนว่าเป็นคดีฆ่าชิงทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ได้ขอยุติบทบาทในการตรวจสอบเรื่องนี้โดยระบุว่าที่ผ่านมาตนเองพยายามหาความจริงแต่ทางญาติของ นายเอกยุทธ เอง กลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ โดยนายสุวัตรพูดเพียงคำเดียวว่า “กลัว” ทั้งที่ผ่านมาทำเพื่อความถูกต้องโดยไม่ได้รับค่าจ้างใดๆ

MThai News

แท็ก : 
ติดต่อทีมข่าว : [email protected]
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท