พอเวลาเดินไปมหาวิทยาลัยตอนเช้า ถือโอกาสที่ไม่ได้มีมานานแล้วในเมืองไทย
คือเดินไปด้วยพิจารณาไปด้วย มีสติอยู่ตลอดเวลา
จากชีวิตที่สับสนและวุ่นวาย ไปสู่การเดินเงียบๆ ไม่รู้จักใครสักคนระหว่าง ถึงจะพูดเขาก็ไม่เข้าใจ
มาเป็นการพิจารณาความไม่แน่นอนของชีวิต
อายุหกสิบสี่แล้ว ต้องกลายมาเป็นวัยรุ่น สพายเป้ไปเรียนหนังสือ
อยู่เมืองไทยสมัยเป็นนักศึกษาต้องอาศัยพี่สาวส่งเงินให้เรียน
มาที่นี้ก็ต้องมาอาศัยบ้านพี่สาวหลับนอนอีก
ชีวิตกลับไปเหมือนเป็นลูกศิษย์วัดเมื่อคราวก่อน
แต่ตอนนี้เป็นอนาคาริก เป็นผู้แสวงหา
พอแสวงหา ชีวิตก็มีความหวัง เมื่อมีความหวัง ชีวิตก็มีความสุข
สุขเพราะทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง พี่ชายเล่าให้ฟังว่า
แม่สั่งว่าตราบใดที่ขายังดีอยู่ ให้เดิน ให้เดิน ให้เดิน
เพราะตอนสุดท้ายของชีวิตแม่ แม่เป็นมะเร็งกระดูก เดินไม่ได้เสียแล้ว เพราะมะเร็งกินกระดูกไปหมด
เดินไม่ได้
เดินมากก็เหนื่อย แต่มีความสุขมาก เพราะชีวิตเป็นอิสระ ได้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
คือมาเรียนหนังสือที่อเมริกา มาทำการบ้านที่ห้องสมุด ซักผ้าเอง ทำอาหารไปกินเอง
เดินไป ได้อากาศดี ได้อาหารดี
สวัสดีค่ะ...ขอเป็นกำลังใจให้พี่ชายนะคะ...
ดีจังค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนวัย 40 ปลาย อย่างกระติก มุมานะที่จะเรียนภาษาอังกฤษ ที่มีความรู้อันน้อยนิด
สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น อดทน เพื่อที่จะชนะตนเอง ขอบคุณค่ะ
เป็นกําไรชีวิตค่ะ ถือว่า เป็นความยิ่งใหญ่ของชีวิตค่ะ ที่ได้ทําในสิ่งที่อยากทํา มีจังหวะชีวิตที่ดี ได้เปลี่ยนแผ่นดินที่อยู่อาศัย ได้พบได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ค่ะ