เพราะปมด้อย..........จึงแบ่งปัน


เพราะปมด้อย.......จึงแบ่งปัน

                   เพราะปมด้อย......จึงแบ่งปัน  ตั้งแต่ชั้นประถม จนจบ ม.3 ไม่เคยมีหนังสือเรียนเป็นของตนเอง ทุกเย็นวันศุกร์ จะแวะไปบ้านเพื่อนซึ่งเป็นลูกครู เพื่อขอยืมหนังสือเรียนของเขามาอ่านล่วงหน้าและรับอาสาทำการบ้านให้เขาเป็นการตอบแทน  ปิดเทอมแต่ละคราว จะต้องเอายางรัดของ  มามัดไว้ปลายดินสออีกด้าน แล้วค่อย ๆ บรรจงลบตัวหนังสือที่จดไว้ในสมุดออกอย่างแผ่วเบา เพราะเกรงว่าสมุดจะขาด เพื่อเตรียมสมุดว่างเปล่าไว้จดตำราในเทอมหน้า  ใช้ดินสอจนด้ามกุดจนต้องเอาไม้ตะเกียบมาต่อและมัดตรึงด้วยเชือกเพื่อจะให้ดินสอด้ามยาวพอที่จะจับถนัด

             เพราะปมด้อย.......จึงแบ่งปัน ต้องรีบทำการบ้านให้เสร็จตั้งแต่อยู่โรงเรียนเพราะไม่มีหนังสือที่จะใช้เป็นคู่มือในการทำการบ้านและตอนเย็นจะต้องรีบไปหาบหมกหน่อไม้ที่แม่เตรียมไว้ให้ขาย เพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว ชุดนักเรียนไม่ต้องถามหา ไม่เคยมีเป็นสมบัติของตนเอง แต่ได้รับความเมตตารุ่นพี่ที่โต ๆ กว่าแถวบ้านบริจาคให้มา ไม่ต้องแปลกใจหากพบว่าผู้เขียนมีเสื้อนักเรียนที่ปักชื่อ หลาย ๆ ชื่อ เอิ๊กกกกกก

            เพราะปมด้อย........จึงแบ่งปัน  ทุก ๆ ปิดเทอมคุณครูฝ่ายแนะแนว มักจะเรียกหาเพื่อให้นำข้อสอบเก่า ๆ ที่สมัยก่อนใช้วิธีโรเนียวใส่กระดาษสีน้ำตาลและกากะบาททับลงไปในกระดาษ เป็นทั้งโจทย์และคำตอบอยู่ในแผ่นเดียวกันที่ใหญ่กว่ากระดาษ A4 ในปัจจุบันเล็กน้อย และทุกคราวผู้เขียนจะเลือกหยิบ ข้อสอบ โจทย์ของชั้นปีต่อไปหรือเทอมหน้า มา 1 มัด เพื่อนำกลับไปอ่านที่บ้าน..........ส่วนที่เหลือจะนำไปชั่งกิโลขายที่ร้านรับซื้อของเก่า และนำเงินที่ขายได้ไปให้ครูแนะแนว ท่านจะเมตตาแบ่งให้เป็นค่าขนมทุกครั้ง

            เพราะปมด้อย...........จึงแบ่งปัน  ขอบคุณคำพูดของแม่ที่เคยพูดกับผู้เขียนว่า..........จบ ป.6 แล้ว ไม่ต้องเรียนต่อ เพราะไม่มีเงินส่ง ให้ออกมาหาบของขาย....... คำพูดของแม่ในวันนั้น สร้างความมานะพยายามให้กับผู้เขียน หาเงินส่งตนเองเรียนตั้งแต่ ม.ต้น จนจบ ปริญญาโท


            เพราะปมด้อย.......... จึงแบ่งปัน  เมื่อถึงวัยทำงาน สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนหลงใหล ได้ปลื้มมากเป็นที่สุดคือ ...หนังสือ....   หลงใหลหนังสือทุกชนิดทุกประเภท ในแต่ละเดือนหมดเงินซื้อหนังสือไม่ต่ำกว่าสิบเล่ม   เมื่อวันผ่าน เนิ่นนานปี หนังสือที่สะสมเริ่มล้นบ้าน    มานั่งทบทวน.........หนังสือเล่มนึง หากราคา 200 บาท ถ้าอ่านคนเดียว หนังสือเล่มนี้ช่างแพงเหลือหลายราคาตั้ง 200 บาท  แต่ถ้ามีคนอ่านสิบคน หนังสือเล่มนี้ช่างถูกและคุ้มค่าราคาแค่ 20 บาท


              เพราะปมด้อย.......จึงแบ่งปัน เพื่อนผู้เขียนซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชน ถึงกับเอ่ยปากขอหนังสือจากผู้เขียนเพื่อนำไปไว้ในห้องสมุดโรงเรียนของเขาเพื่อให้นักเรียนได้อ่านแต่ผู้เขียนปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า

             ".......... เด็กที่เรียนโรงเรียนเอกชนที่ค่าเทอมแพงแสนแพง แสดงว่าผู้ปกครองมีศักยภาพพอที่จะซื้อหาหนังสือดี ๆ แพง ๆ ให้ลูกอ่านได้ เด็กกลุ่มนี้ไม่ถือว่าเป็นเด็กขาดโอกาสแถมมีโอกาสมากกว่าเด็กคนอื่น ๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ในขณะที่คนที่อยู่ในกำแพงเหล็กอันสูงใหญ่  ......จะด้วยไม่ว่า วิบากกรรม หรือผลกรรมที่เขาก่อ ก็ล้วนแล้วเป็นเหตุให้เขาต้องถูกจองจำ และที่สำคัญคือเขาขาดโอกาส หากเราแบ่งปันหนังสืออันแสนรักของเราให้เขา อย่างน้อย ๆ สีขาว ๆ ที่โลดแล่นบนตัวหนังสืออาจช่วยขัดเกลาหรือเป็นสีขาวหยดเล็ก ๆ เพียงหยดเดียวที่ช่วยแต่งแต้มปลอบประโลมใจและขัดเกลาให้เขามีโลกที่กว้างกว่ากำแพงเหล็กที่สูงเสียดฟ้า  สร้างวิสัยทัศน์มุมมองที่ต่างจากชีวิตที่เขาเคยผ่านมา..........."

            เพราะปมด้อย.........จึงแบ่งปัน 


หมายเลขบันทึก: 538116เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2013 21:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน 2013 22:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สวัสดีค่ะคุณนิภารัตน์ ...ชื่นชมมากๆค่ะ...เป็นกำลังใจให้นะคะ

ดร.พจนา แย้มนัยนา

ขอบพระคุณท่าน ดร.มาก ๆ ค่ะ

อ.นุ

ขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจมาก ๆ ค่ะ


..... แบ่งปัน นะคะ .... เป็นความงดงาม จากใจ นะคะ .... 

ดร.ขจิต ฝอยทอง

ขอบพระคุณท่าน ดร.ขจิต ฝอยทอง มาก ๆ ค่ะ

Dr.Ple

ขอบพระคุณ ท่าน ดร.Ple มาก ๆ ค่ะ

ความงดงามที่งอกเงยจากปมด้อย......กลายเป็นต้นแห่งการแบ่งปัน

ออกดอกออกผลเป็น..โอกาสแห่งการเรียนรู้

ชื่นชม...โอกาสที่มอบให้ผู้อื่นค่ะ

คุณกระติก-natachoei

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและดอกไม้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท