คนเชื่องช้าคือคนที่ไม่คิดพัฒนา
คนไม่ตรงเวลาคือคนไม่รักษาหน้าที่
คนไม่เตรียมตัวล่างหน้าคือคนขาดสติ
คนหวังน้ำบ่อหน้าคือคนไร้ปัญญา
-------------------------------------------------
คนเชื่องช้าแล้วยังเชื่องช้าอยู่อย่างเก่าก็คือความไม่คิดว่าต้องแก้ไขพัฒนาตนเองหากครั้งนี้ช้าครั้งหน้าต้องเร็วขึ้นไม่ให้คนอื่นต้องเสียเวลาไปกับเราก็คือความคิดพัฒนาที่มีในตัวของแต่ละคน หากความคิดพัฒนามีในแต่ละคนก็สามารถนำมาเป็นผู้พัฒนาสิ่งอื่นได้
คนแต่ละคนย่อมต้องรู้เวลาของตนเองว่าเรานั้นมีกิจกรรมสิ่งใดต้องทำในช่วงเวลานั้นและเวลาข้างหน้าอีกเมื่อถึงเวลาก็สามารถไปกระทำกิจกรรมนั้นได้ในหน้าที่นั้นอย่างตรงต่อเวลาหากไม่มีสติรู้เวลาของตนเองก็จักทำอะไรไม่ตรงต่อเวลาคือการเป็นคนไม่รักษาหน้าที่ของตนเองแล้วจะไปรักษาหน้าที่ต่อคนอื่นได้อย่างไร
คนเราการต้องทำสิ่งใดนั้นหากไปกระทำเลยย่อมสำเร็จไม่สำเร็จผลได้ในทุกประการดังคนไรสติเดินไปอย่างไม่รู้จุดหมายแต่หากตัวเรานั้นรู้ต้องกระทำสิ่งใดในเวลาข้างทั้งรู้ล่วงหน้าและรู้กระทันหันแต่เรานั้นมีสติพิจารณาว่าสิ่งที่เราต้องไปกระทำนั้นเหตุจนถึงผลเป็นอย่างไรและเตรียมตัวในสิ่งที่ต้องไปกระทำก่อนย่อมมีจุดหมายปลายในสิ่งที่จะไปกระทำย่อมเกิดผลสำเร็จได้โดยง่ายดาย
คนเรานั้นหากกระทำสิ่งใดแล้วเชื่องช้า,ไม่ตรงเวลา,ไม่เตรียมตัวล่วงหน้าก็เป็นดังคนที่หวังน้ำบ่อหน้า พัฒนาตนให้ทันคนอื่นก็ไม่ทัน ไม่รู้จักว่าตนเองมีหน้าที่กระทำอะไร และไม่มีสติว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร ก็คือขาดความรู้รอบในการแก้ปัญหาในห่วงแห่งเหตุแต่ละอย่างที่จะบังเกิดขึ้นหากคนเรานั้นมีความคิดพิจารณาในสิ่งต่างว่าต้องทำอะไรดีแล้วหรือยังยังไม่ดีก็แก้ไข ตอนนี้เวลานี้มีหน้าที่ต้องทำอะไร ในเวลาข้างหน้านั้นเราต้องทำอะไรเตรียมตัวทำอะไรบ้างก็คือคนมีปัญญาสามารถรู้เหตุจนถึงผล
พ. ทินนาโภ
๒๐ พ.ค. ๕๖
ไม่มีความเห็น