ช่วงนี้มีเรื่องวุ่นๆรอบตัว มีคำที่วนเวียนอยู่ในหัวสมองเยอะแยะมากมาย เช่น "ยอมรับความคิดของผู้อื่น" "อ่อนน้อมถ่อมตน" "มั่นใจในตัวเอง" "อหังการ" ฯลฯ คำพวกนี้เข้ามาอยู่ในหัวผมตั้งแต่ผมเข้าอบรมเรื่อง "งาน พลังกลุ่ม และความสุข" ผมเข้าอบรมเรื่องนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้ผมเป็นคนเสนอให้ที่ทำงานจัดให้กับ คณาจารย์และเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของผม เพราะผมคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับการทำงานร่วมกัน แต่ในครั้งนี้ทำให้ผมช็อคกับตัวเอง ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นพิษเป็นภัยกับองค์กร เป็นไวรัสร้าย ผมรู้สึกว่าความคิด ประสบการณ์ และทักษะในการแก้ปัญหาในงานของผม กลับเป็นสิ่งที่ขจัดขัดขวางความคิิดเห็นหรือข้อเสนอแนะของคนอื่นๆ การอบรมในครั้งนี้ไม่ได้เป็นสิ่งผิดนะครับ เป็นการอบรมที่ดีมากๆซะด้วยซ้ำ ที่ทำให้ผมได้เห็นตัวเอง การที่ผมเคยเป็นคนพูดเสียงดังฟังชัด ตรงไปตรงมา คิดอย่างไรก็เสนอแนะไปตามนั้น ไม่เห็นมีคนอื่นเสนอแนะอะไร ผมเข้าใจมาตลอดเวลาว่า ความคิดหรือข้ัอเสนอแนะของผมดี (ผมเจ๋ง) แต่การอบรมครั้งนี้สะท้อนว่า ยังมีคนอีกหลายคนที่เขามีความคิดดีๆ แต่ด้วยความเสียงดังของผม ทำให้คนอื่นๆไม่กล้าที่แสดงความคิดเห็นของเขาออกมา องค์กรผมเลยไม่ได้ใช้ความคิดเห็นใหม่ๆ(ส่วนใหญ่) และที่้ทำร้ายความรู้สึกผมมากที่สุดก็คือเมื่อผมได้รู้ว่า ลักษณะที่เสียงดัง ฟังชัด(บางทีเข้าข่ายเผด็จการ) เป็นลักษณะที่คุกคามความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน หลายๆครั้งทุกคนยอมรับฟังความคิดเห็นของผม แต่ไม่พอใจวิธีการสื่อสารของผม ซึ่งออกจะดุดัน เมื่อผมได้ฟังเสียงสะท้อนในตอนอบรม เหมือนผมถูกรุมตบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า(ไม่รู้โหดไปป่าว) ทำเอาหน้าผมชาไปเลย "นี่ตัวเราเลวร้ายขนาดนี้เลยเหรอ" เป็นคำพูดที่วิ่งเข้ามาในหัวของผมขณะนั้น อบรมผ่านไปเกือบเดือนแล้ว หน้าผมยังชาไม่หาย ใจผมยังหวาดกลัวที่จะพูดทำร้ายจิตใจใคร กลัวความคิดหรือคำพูดจะไปสกัดกั้นความคิดของคนอื่นๆ กลัวที่จะคิด กลัวที่จะพูดในสิ่งที่คิด กลัวที่จะทำในสิ่งที่คิด เหมือนอยากให้แต่ละวันมันผ่านๆไป ถ้าไม่มีผมสักคน คนอื่นๆเขาคงมีความสุขในการทำงานมากกว่านี้ ผมมุ่งเป้าในการทำงานมากเกินไป จนลืมความรู้สึกของคนรอบข้าง ผมคิดว่าเป้าหมายของการทำงานสำคัญที่สุด ผมต้องกลับมานั่งคิดใหม่ ว่าถ้าผมไม่มีทีม ไม่มีเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานไม่มีความสุขที่ทำงานร่วมกับผม ผมจะทำงานสำเร็จได้อย่างไร เฮ้อ..... ไม่รู้ทำยังไงถึงจะข้ามความรู้สึกแย่ๆนี้ไปได้ ยิ่งเห็นตัวเอง เห็นความไม่ดีของตัวเอง ยิ่งรู้สึกไม่อยากอยู่ในองค์กรนี้.... ทำไงดีหว่า...
ดีใจจังเลยค่ะที่ได้เห็นกันอีกครั้ง มาแบบชัดเจนเลยคราวนี้
อยากจะขอชื่นชมการสะท้อนตัวเองจากเสียงคนอื่นแบบยอมรับจริงๆอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ พี่โอ๋ว่าถ้าเราคิดแล้วและเห็นด้วยว่าสิ่งที่เราทำน่าจะไม่ดี ก็ต้องถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ปรับเปลี่ยนตัวเอง อย่าไปกังวลกับสิ่งที่ผ่านมาแล้วเลยค่ะ เพราะยังไงๆเราก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่หากเราเดินหน้าต่อไปในรูปแบบใหม่ที่เราเรียนรู้มาว่าน่าจะดีกว่าต่อคนรอบข้าง แล้วคอยดูผลลัพธ์น่าจะดีกว่านะคะ ชีวิตคนเราสั้นนัก ทำเวลานี้ที่มีอยู่ให้ดีที่สุดดีกว่าไปเสียเวลาเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา
เป็นกำลังใจให้ก้าวไปข้างหน้าแบบที่ปรับเปลี่ยนตัวเองให้คิด พูด ทำ ในแบบที่เบาลง แล้วมาเรียนรู้ว่าเราทำได้ดีแค่ไหนดีกว่าค่ะ ถ้าสะท้อนตัวเองได้ดีขนาดนี้ พี่โอ๋ว่าคุณ ต้ม ตุมปัง ทำได้ดีขึ้นแน่นอนค่ะ
ขอบคุณดร.จันทวรรณ และพี่โอ๋-อโณ มากๆครับ ที่แวะเวียนมาให้กำลังใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในใจผม ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ธรรมดาๆ น่าจะผ่านมันไปได้ไม่ยากนัก แต่สำหรับผมนับว่าเป็นครั้งสำคัญสำหรับชีวิตเลยครับ เจ็บครั้งนี้นับว่า สาหัสสากันมาก กำลังรวบรวมกำลังสติเพื่อให้ผ่านพ้นไปให้ได้ คงเร็ววันนี้ล่ะครับ ขอบคุณมากๆครับ
บันทึกนี้เป็นบทสะท้อนถึงการที่เรากำลังจะเจริญงอกงาม...ขึ้น ^^