พระหนุ่มรูปหนึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสให้ออกไปค้นหามีดดาบเล่มหนึ่งแล้วนำกลับมายังวัด บนหนทางที่พระหนุ่มเดินไป ท่านได้พบเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ป่าที่เขียวขจี ผ่านหมู่บ้านที่น่าอยู่อาศัย ต่างไปจากอารามอันโดดเดี่ยวที่เคยพักอาศัยในหุบเขายิ่ง บ่อยครั้งที่พระรูปนี้คิดที่จะล้มเลิกความตั้งใจในการตามหาดาบแล้วพำนักอยู่ในหมู่บ้านที่กำลังเดินผ่านนั้นเสีย แต่ทว่าในขณะนั้นพอดี พระหนุ่มก็เหลือบไปเห็นดาบเล่มหนึ่งวางอยู่ข้างๆ ของร่างที่ไร้วิญญาณของซามูไรคนหนึ่ง
พระหนุ่มคิดว่านี่คงเป็นดาบที่พระอาจารย์บอกให้ออกตามหา ท่านจึงเดินเข้าไปหยิบดาบเล่มนี้ขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีซามูไรอีกคนโผล่ออกมาจากข้างทางและท้าทายให้พระหนุ่มต่อสู้กัน
ด้วยความตกใจ พระหนุ่มจึงอ้อนวอนต่อซามูไรว่า "ได้โปรดเถิด ท่านอย่าได้ฆ่าเราเลย เรามิใช่ซามูไร แต่เป็นเพียงพระธรรมดารูปหนึ่งที่กำลังตามหาดาบเล่มหนึ่งไปมอบให้อาจารย์ของเรา"
ซามูไรไม่สนใจคำร้องขอ กล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "ท่านจงดึงดาบขึ้นมาสู้กันเถอะ นี่เป็นภารกิจที่เราตั้งใจทำนั่นคือการฆ่าซามูไรให้ครบ 100 คน"
ด้วยความหวาดกลัวและพยายามที่จะเอาตัวรอด พระหนุ่มจึงตอบโต้ออกไปว่า "หากท่านปล่อยเราไปในวันนี้ เราสัญญาว่าจะกลับมาสู้กับท่านอีกครั้ง"
ที่จริงแล้วพระหนุ่มรูปนี้ก็ไม่ได้คิดจะรักษาคำพูดที่จะกลับมาอีกครั้ง ท่านเพียงแต่คิดที่จะเอาตัวรอดก็เท่านั้น เพราะการกลับมาก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายนั่นเอง
ทว่าซามูไรเชื่อพระหนุ่มรูปนั้น และปล่อยให้ท่านกลับวัดในวันนั้น
พระหนุ่มนำดาบที่เก็บได้มาถวายพระอาจารย์ที่สำนัก พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างภาคภูมิใจในไหวพริบที่เอาชีวิตรอดกลับมาได้อย่างหวุดหวิด เจ้าอาวาสกล่าวตอบพระหนุ่มด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องกลับไปสู้กับซามูไรอีกครั้ง เพราะเจ้าจะหันหลังให้ความท้าทายในชีวิตไม่ได้ เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับความกลัวและรักษาคำสัญญา นี่คือภารกิจของเจ้าในตอนนี้"
พระหนุ่มตะลึงในคำสั่งของพระอาจารย์และร้องออกไปว่ายังไงเสียก็จะไม่กลับไปให้ซามูไรฆ่าเป็นอันขาด เพราะท่านเองก็ไม่เคยฝึกฝนการต่อสู้ใดมาก่อน พระอาจารย์เจ้าอาวาสจึงยิ้มและสอนพระหนุ่มว่า "ไม่เป็นไรหรอก เมื่อถึงเวลาต่อสู้ เจ้าก็ดึงดาบออกมาถือแล้วชี้ดาบขึ้นท้องฟ้า แล้วหลับตา เชื่อข้าเถอะ เพียงทำตามที่ข้าบอก"
คืนนั้นพระหนุ่มกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ คิดที่จะหนีจากภารกิจนี้ได้อย่างไร แต่ยังไงก็คิดไม่ออก จนเกือบรุ่งเช้าในที่สุดท่านก็ทำใจยอมรับในชะตากรรมของตัวเองและคิดได้ว่าคืนนี้คงเป็นคืนสุดท้ายที่จะมีชีวิตอยู่ พระหนุ่มลุกขึ้นมาชื่นชมความงดงามในยามเช้าที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจมาก่อน ด้วยคิดว่าวันนั้นคือวันสุดท้ายที่จะได้เห็นสิ่งเหล่านี้
เมื่อถึงเวลา พระหนุ่มจึงเดินทางออกไปพบซามูไรที่เคยหลุดปากพูดไป เมื่อทำใจเผชิญหน้ากับความตายที่จะมาถึงได้ พระหนุ่มก็เดินเข้าหาความกลัวนั้นอย่างสุขุม สงบ
พระหนุ่มมาถึงที่นัดหมายกับซามูไรด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น มือถือดาบเล่มนั้นไว้แน่น ซามูไรเห็นเช่นนั้นก็กล่าวว่า "ข้าขอชื่นชมที่ท่านรักษาคำพูด ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะสู้กันแล้ว"
พระหนุ่มจำคำสอนของพระอาจารย์ได้ดี ท่านจึงดึงมีดดาบออกมา ชี้ขึ้นฟ้า แล้วยืนหลับตาเช่นนั้น ด้วยรู้ว่าจะต้องตายในไม่ช้า พระหนุ่มบอกกับตัวเองว่าขอตายอย่างสงบไม่ต้องรู้เห็นก็แล้วกัน
ด้วยท่าทีที่แปลกประหลาดของพระหนุ่ม ทำให้ซามูไรคนนั้นเดินรอบๆ พระ ด้วยความตระหนก ตอนแรกซามูไรรู้สึกสับสน จากนั้นจึงกลายเป็นความกลัว เพราะซามูไรที่เขาได้เคยต่อสู้มาไม่เคยมีคนไหนที่จะสงบ นิ่ง และยืนหลับตาแบบนี้มาก่อน
ในที่สุดซามูไรก็บอกกับตัวเองว่า "แน่นอน ท่านผู้นี้คงจะเป็นซามูไรที่เก่งกาจที่สุดที่เขาเคยพบมา ท่านยอมกลับมาสู้กับเรา แถมยังมายืนหลับตานิ่งอีก" คิดได้เช่นนี้ ซามูไรจึงย่อตัวลงนั่งคุกเข่า
เวลาผ่านไปพอสมควร เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระหนุ่มก็ค่อยๆ เปิดตาขึ้นมองเห็นซามูไรนั่งคุกเข่าขอชีวิตอยู่ข้างหน้า "ข้าช่างโง่เขลาสิ้นดีที่คิดจะฆ่าซามูไรให้ครบ 100 คน เพราะคิดว่านั่นจะทำให้ข้าเป็นผู้กล้าหาญ ทว่าแท้จริงท่านต่างหากที่เป็นผู้เก่งกาจและหาญกล้า ข้าขอให้ท่านไว้ชีวิต และสัญญาว่าจะไม่ฆ่าใครอีก"
ถึงจะยังงงอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พระหนุ่มก็กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า "เอาละ ข้าจะไว้ชีวิตท่าน หากท่านไปจากที่นี่และสัญญาจะไม่ฆ่าคนอีก นอกจากนี้ท่านจะต้องสัญญาว่าทำความดีอีก 100 ครั้ง จากนี้ไป"
ซามูไรให้สัญญาและจากไป พระหนุ่มจึงกลับไปที่วัดอีกครั้ง พร้อมความเลื่อมใสในคำสอนของพระอาจารย์อย่างเต็มเปี่ยม ท่านเลิกบ่นและใช้ชีวิตในทุกวันประหนึ่งว่ามันคือวันสุดท้ายของชีวิต
...
บ่อยครั้งในชีวิตที่เรารู้สึกว่าเราคงไม่อาจประสบความสำเร็จหรือได้มาในสิ่งที่เราต้องการ เพราะคิดว่าเรายังอ่อนหัด เรายังไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ หรือไม่มีประสบการณ์พอ
แต่สิ่งแรกที่จะช่วยให้เราทำในสิ่งนั้นๆ ได้คือการยืดอกเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง จากนั้นเราควรพร้อมที่จะอ่อนน้อมยอมรับฟังผู้นำที่เราเคารพนับถือ และที่สำคัญเราจะต้องไม่วิ่งหนีความท้าทาย
เผชิญหน้ากับปัญหา ใช้ความรู้ความสามารถ และคำชี้แนะของผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนมาต่อสู้กับซามูไรของเราเอง...
..
.
เรื่องเล่า The Monk and the Samurai โดย Joseph T. Bismark เรียบเรียงจากหนังสือ The Gem Collection - A Compilation of Wisdom
สุขสันต์วันที่ยังกล้าๆ กลัวๆ แต่เราก็พยายามจะเดินเข้าหาความกลัวนั้น...
ฝากบันทึกมาทักทายกัลยาณมิตรทุกท่านด้วยความนอบน้อมค่ะ...
Morning Light Piano:
จบแล้วแฮบปี้ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ
ด้วยความนอบน้อมด้วยครับ อาจารย์ ;)...
ติดตามอ่านเรื่องราวดีๆของอาจารย์ปริมเสมอครับ...
อ่านไปลุ้นไปด้วย ขอบคุณมากค่ะ
เรื่องที่ชอบมากที่สุด The best seller ของคุณน้อง
ที่ส่งต่อแล้วมีคนชอบมาก
คือเรื่องก้อนหิน โอกาสที่หลุดลอยครับ
จงทำทุกวันให้เหมือนกับเป็นวันสุดท้ายของชีวิต.....ใช่เลยจ้ะ ขอบคุณคุณหมอปริมมาก ๆ จ้ะ
อ่านเพลินเลยค่ะ ขอบคุณที่แ่บ่งปันนะคะ
หากคุณปริมหาเวลากลับเมืองไทยได้
ช่วยเช็คตารางอบรมของศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ ซึ่งใช้เวลาสั้นที่สุด 7 คืน 8 วัน
สำหรับการฝึกฝนตนเองในเรื่องวิปัสสนา.... ต้องทดลองให้ได้นะครับสักครั้งหนึ่งในชีวิต
เพื่อเราจะได้มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการใช้ชีวิตที่มีความเป็นมนุษย์เต็มเปี่ยม
ที่ต้องนำตัวเองไปยังสถานที่อบรม เพราะศาสตร์ความรู้นี้จำเป็นต้องมีครูคอยกำกับ แนะนำอย่างใกล้ชิด
และมีช่องทางขอคำปรึกษา เมื่อนำวิธีการต่าง ๆ มาปฏิบัติในชีวิตของตนเอง
เก็บเกี่ยวความสุขจากข้อคิดดี ๆ ค่ะ ความกล้าหาญคือคุณธรรมสำคัญที่จะเอาชนะกิเลสตนเอง มาทีไรได้ทั้งความสุขและประโยชน์ ชื่นใจมาก ๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะที่นำสิ่งดีๆมาให้ได้อ่านและได้ข้อคิดกำลังใจดีๆเพิ่มขึ้นช่วงนี้ครูกายเองก็กำลังท้อแท้กับภาระหน้าที่บทบาทของชะตาชีวิตที่ใครไม่รู้ลิขิตให้ก้าวเดินบนบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม55
ลุ้นระทึก...
บันทึกมาจังหวะเหมาะอีกแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ
ขอบคุณมากครับ...ที่เขียนเรื่องราวที่ดีให้อ่านนะครับ
ขอบคุณค่ะ กล้าหาญเอาชนะความกลัว
สวัสดีค่ะคุณปริม...งานคงเยอะนะคะ(คิดถึงคุณปริม...)
ขอบคุณบันทึกดีๆชวนคิดฝึกจิตตนค่ะ
คิดถึงคุณปริมจังเลยครับ...หวังว่าคงสบายดี...ผมงานยุ่งๆ เช่นเคย...พยายามเข้ามาเขียนบันทึกและอ่านบันทึกครับ...
เรื่องน่าอ่านมาก หายไปไหนนานเลยครับ
สวัสดีค่ะกัลยาณมิตรทุกท่าน
ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ ที่มีให้กับบันทึกนี้ค่ะ ขอบคุณมิตรภาพที่ถามไถ่ ความห่วงใยที่มีให้กันเสมอค่ะ พักนี้งานยุ่งเหลือเกิน แบ่งเวลาไม่ได้เหมือนเคย บวกกับไม่ค่อยมีวินัยในตัวเองด้วย เลยไม่ได้มาทักทายกัลยาณมิตรทุกท่านบ่อยนัก
หวังว่าทุกท่านคงสบายดีนะคะ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ