หอยโข่งหายไปไหน
ครูพิสูจน์ เป็นลูกชาวนา ถึงพ่อจะเป็นครูแต่ก็ทำนาด้วย งานที่รับผิดชอบมาแต่เด็กคือ เลี้ยงควาย เลี้ยงวัว วัว ควายคือเครื่องมือสำคัญในการทำนา เพราะจะไถนาสมัยนั้น ก็ต้องใช้วัว ใช้ควาย ตอนนั้นรถไถนา ยังไม่แพร่หลาย ควายจะแข็งแรงกว่าวัว เพราะไถด้วยควายมักใช้ ควายตัวเดียว ถ้าไถด้วยวัวจะต้องใช้วัว ๒ ตัว เด็กเลี้ยงควาย เลี้ยงวัว เขาจะมีกิจกรรมต่างๆเพื่อไม่ให้เบื่อหน่ายที่ต้อง แกร่วอยู่กับควาย กับวัว ทั้งวันกลางทุ่ง บางครั้งเราจะขุดหัวบัว มากินกัน บางครั้งก็เก็บฝา หอยโข่ง มาเล่นทอยกัน เด็กรุ่นหลังหลายคนคงไม่เคยเห็นหอยโข่ง แต่คงจะเคยเห็นหอยเชอรี่ ก็ขอบอกว่า หอยโข่งคล้ายกับหอยเชอรี่มากแต่เปลือกแข็งกว่า ในปัจจุบันแถวบ้านครูพิสูจน์ คืออำเภอสองพี่น้อง หาหอยโข่งยากมาก แทบจะพูดได้ว่าไม่เห็นเลย จึงน่าคิดว่า หอยโข่งหายไปไหน
ครูพิสูจน์ ไม่เก่งเรื่องชีววิทยาอาจพูดไม่ค่อยถูกหลักวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าจะให้สันนิษฐาน ก็จะขอลองสันนิษฐานว่า เหตุที่หอยโข่งหายไปจากธรรมชาติบ้านผม คงเป็นเพราะว่าพิษของสารเคมี คือยาฆ่าศัตรูพืช ที่ตกค้างอยู่ในพื้นดิน หอยโข่งจะวางไข่อยู่ตามพื้นดิน เมื่อถูกพิษของสารเคมี ก็ตายไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ จึงสูญพันธุ์ไปจากย่านบ้านผม ส่วนหอยเชอรี่ ยังพออยู่เป็นศัตรูพืชอยู่ได้ เพราะหอยเชอรี่วางไข่สูงตามยอดหญ้าหรือที่สูงๆก็วางไข่ได้ ไม่ถูกพิษตกค้างของสารเคมี
เรื่องนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของพิษภัยจากสารเคมีครับ
( ภาพจาก google )
สมัยเด็ก ๆ คุณมะเดื่อกับน้อง ๆ จะจับหอยโข่งมาให้แม่ผัดเผ็ด ตามห้วยตามหนอง ก็มีแต่หอยโข่ง หอยขม แต่
มาตอนนี้ มีหอยเชอรี่มาแทน หอยขม ยังพอหาได้ แต่หอยโข่งไม่มีแล้ว ถ้าจะให้สันนิษฐาน ก็คงจะมีความเห็น
คล้าย ๆ กับคุณครูพิสูจน์ว่าน่ะแหละจ้ะ และอีกประการหนึ่งคือ แหล่งน้ำตามธรรมชาติมันเหลือน้อยลง ผู้คนเพิ่ม
จำนวนขึ้น ก็ทำให้หอยโข่งหาที่อยู่ยากขึ้นด้วยจ้ะ
ขอบคุณมะเดื่อที่มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ
เคยสงสัยเหมือนกันว่าหอยโข่งหายไปไหน เพราะบางครั้งจะใช้เพื่อเป็นยาที่ได้จากเปลือกหอยโข่งหาไม่ได้
ขอบคุณกานดาน้ำมันมะพร้าว ที่แวะมาแสดงความคิดความเห็นกันครับ