เมื่อวาน(13ต.ค.)ผมเข้าร่วมประชุมชุดโครงการวิจัยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง
ซึ่งมีอ.อภิชัย พันธเสนเป็นผู้ประสานงาน
มี 4 โครงการมาเสนอรายงานความก้าวหน้าและร่างรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์
ซึ่งน่าสนใจมาก
มีความรู้จาก 2
โครงการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้องค์กรการเงินชุมชนอย่างน่าสนใจคือ
1)โครงการศึกษาเศรษฐกิจนอกภาคทางการในเขตเมืองเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงโดย
รศ.ดร.นฤมล นิราธรและคณะ
2)โครงการวิจัยและพัฒนาระบบการแลกเปลี่ยนชุมชนเพื่อการพึ่งตนเองโดยรศ.ดร.ปัทมาวดี
โพชนุกูล ซูซูกิและคณะ
โครงการแรกครอบคลุมประชากรเป้าหมายจำนวน70%โดยใช้กรณีศึกษาที่กรุงเทพในเขตดินแดง
ได้ความรู้ว่า
รูปแบบการบริหารจัดการกิจกรรมเศรษฐกิจนอกภาคทางการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงทั้งระดับบุคคล/ครอบครัวและกลุ่มคือ
1)การออมจากการลดรายจ่าย
2)การใช้ระบบความสัมพันธ์เชิงสังคมในการจัดการเศรษฐกิจ
3)การจัดการในรูปแบบการรวมกลุ่ม
โดยมีเงื่อนไขระดับครอบครัวคือสมาชิกมีความสัมพันธ์ที่ดี
ภายในครอบครัว ระดับกลุ่ม มีกระบวนการเรียนรู้และมีพี่เลี้ยง
สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายที่สำคัญคือ
รัฐควรพัฒนานโยบายเพื่อสร้างหลักประกันทางสังคมให้กับกลุ่มคนเหล่านี้
ข้อเสนอเชิงปฏิบัติการที่สำคัญคือ
1)เสริมการบริหารการเงินอย่างเหมาะสมตามฐานความรู้
2)สนับสนุนผ่านกลุ่ม เพื่อเป็นฐานเรียนรู้ในการปรับเปลี่ยนวิธีคิด
เพิ่มพูนความรู้
3)ฟื้นฟูสถาบันครอบครัวและศาสนาในการปลูกฝังการเรียนรู้เรื่องคุณธรรม
4)มีChange Agent(คุณอำนวย)จัดกระบวนการเรียนรู้
ผมเลือกหยิบรายงานและการนำเสนอของนักวิจัยที่สอดรับกับงานที่ผมกำลังดำเนินการอยู่มาเล่าให้ฟัง
ถ้าอยากรู้จริงๆต้องอ่านรายงานฉบับเต็มครับ
ผมพบว่า
งานจัดการความรู้องค์กรการเงินชุมชนคือปฏิบัติการของความรู้และข้อเสนอที่ได้จากโครงการวิจัยนี้
โดยมีประชากรเป้าหมาย(การดำเนินงานในรูปแบบกลุ่มในเรื่องการเงิน)มากกว่า100,000กลุ่ม
โดยใช้กรณีศึกษาใน 5
พื้นที่และที่ร่วมกับหน่วยงานในจังหวัดนครศรีธรรมราชดำเนินการใน3ตำบลเป็นหัวขบวนในการขับเคลื่อน
ผมเห็นว่าการดำเนินงานของกลุ่มการเงินชุมชนมี2ปีกสำคัญคือ
1)ปีกตามกลไกของระบบทุนที่ต้องการพัฒนาเป็นสถาบันการเงินของชุมชน
จำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่รู้ทันระบบทุน
2)ปีกด้านสวัสดิการสังคม ต้องใช้การออมจากการลดรายจ่าย
ระบบความสัมพันธ์เชิงสังคมและศาสนธรรมเป็นแนวทาง
โครงการกำลังใช้แนวทางสัจจะลดรายจ่ายวันละ1บาททำสวัสดิการภาคชุมชนในปีกที่2ซึ่งเป็นทั้ง
เป้าหมายและเครื่องมือในการสร้างประสิทธิภาพให้กับปีกที่1โดยใช้การจัดการความรู้คือ
กระบวนการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมายโดยมีคุณอำนวยเป็นพี่เลี้ยงซึ่งเชื่อมโยง/ผลักดันให้เกิดนโยบายการสร้างหลักประกันทางสังคมโดยการเป็นหุ้นส่วนสมทบทุนจากรัฐบาลและอปท.
สงขลาและลำปางคือหัวขบวนของเรื่องนี้เพื่อขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
ผมเห็นว่าโครงการจัดการความรู้องค์กรการเงินชุมชนกำลังขับเคลื่อนอย่างมีหลักการและทิศทางตามข้อสรุป(ความรู้และข้อเสนอแนะ)ของโครงการวิจัยแรกอย่างมีพลัง
(ซึ่งกำลังทำในสิ่งที่โครงการวิจัยเห็นว่ายังมีความรู้ไม่ชัดเจนนักด้วยคือ
กลไกในการขับเคลื่อนกลุ่มเป็นอย่างไร?
ด้วยกระบวนการจัดการความรู้)