หลักในการใช้ตรัสของพระพุทธเจ้า ๖ อย่าง
ราชกุมาร ถาม
๑.ตถาคตรู้ชัดซึ่งวาจาใด อันไม่จริง ไม่แท้ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และไม่เป็นที่รักที่พึงใจของผู้อื่นตถาคตย่อมไม่กล่าววาจานั้น
๒.ตถาคตรู้ชัดซึ่งวาจาใด อันจริง อันแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และไม่เป็นที่รักที่พึงใจของผู้อื่นตถาคตย่อมไม่กล่าววาจานั้น
๓.ตถาคตรู้ชัดซึ่งวาจาใด อันจริง อันแท้ อันประกอบด้วยประโยชน์ และไม่เป็นที่รักที่พึงใจของผู้อื่นตถาคตย่อมเลือกให้เหมาะกาลเพื่อกล่าววาจานั้น
๔.ตถาคตรู้ชัดซึ่งวาจาใด อันไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และเป็นที่รักที่พึงใจของผู้อื่น ตถาคตย่อมไม่กล่าววาจานั้น
๕.ตถาคตรู้ชัดซึ่งวาจาใด อันจริง อันแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แม้เป็นที่รักที่พึงใจของผู้อื่น ตถาคตย่อมไม่กล่าววาจานั้น
๖.ตถาคตรู้ชัดซึ่งวาจาใด อันจริง อันแท้ อันประกอบด้วยประโยชน์ และเป็นที่รักที่พึงใจของผู้อื่น ตถาคตย่อมเป็นผู้รู้จักกาละที่เหมาะสมเพื่อกล่าววาจานั้น
เปรียบเทียบกับ ไม้
๑.ไม้เปียกชุ่มด้วยยาง แช่ไว้ในน้ำ นำมาสีให้เกิดไฟย่อมไม่ได้ไฟ (แม้มีความเพียรสักปานใดก็เปล่า...)
๒.ไม้เปียกชุ่มด้วยยาง วางไว้บนบก นำมาสีให้เกิดไฟย่อมไม่ได้ไฟ(ต้องใช้เวลาที่เหมาะสม)
๓.ไม้แห้ง แช่ไว้ในน้ำ นำมาสีให้เกิดไฟย่อมไม่ได้ไฟ (ต้องใช้ความเพียรให้มาก)
๔.ไม้แห้ง วางไว้บนบก นำมาสีให้เกิดไฟย่อมเกิดไฟได้โดยง่าย (ดอกบัวพร้อมที่จะบานเมื่อได้รับแสงตะวันในยามเช้านั้น)
ข้อนี้เพราะเหตุใดเล่า ราชกุมาร เพราะตถาคตมีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งหลาย นั้นเอง
ไม่มีความเห็น