(1)
ช่วงเทศกาลที่ผ่านมา ผมเดินทางกลับบ้านเกิดเฉกเช่นทุกปี และในทุกๆ ปีผมต้องหาเวลา “ไปวัด” (ไปจังหัน) ให้ได้อย่างน้อย 1 วัน
การไปวัดเช่นนั้นคือกระบวนการหนึ่งของการ “ทบทวนชีวิต” ตัวเอง ทบทวนเพื่อให้เห็นว่าการเติบโตของตัวเองในวันนี้ หยัดยืนและฝ่าข้ามมาด้วยเหตุผลใดบ้าง ซึ่งการ “ไปวัด” นั่นแหละคือปัจจัยหนึ่งที่ผมบอกย้ำกับตัวเองว่าเป็นเหตุผลอันสำคัญที่ทำให้ผมเติบใหญ่มาจวบจนปัจจุบัน
ผมชอบบรรยากาศของการไปวัดในยามเช้า ตอนเรียนประถม ผมไปวัดเกือบทุกเช้า บ่อยครั้งต้องปีนต้นมะขามหวานเก็บลูกมาให้คนเฒ่าคนแก่ บ่อยครั้งได้ “ตำหมาก” ให้ยายให้ปู่ บ่อยครั้งได้นวดแข้งนวดขาให้ใครๆ และที่สำคัญคือได้ฟังเรื่องราวนานาเรื่องจากผู้คน ซึ่งเรื่องที่ว่านั้น ก็มีทั้งเรื่องสุขเรื่องทุกข์จากระดับบุคคลและระดับชุมชนปนเปกันไปตามสภาวะตรงนั้น ด้วยเหตุนี้ “ศาลาวัด” จึงเป็นเสมือน “ศาลาประชาคม” หรือแม้แต่ “หอกระจายข่าว” และ “ห้องสมุด” สำหรับผมเลยทีเดียว
(2)
ล่าสุดในช่วงที่นั่งทานข้าวร่วมกับญาติโยมที่ส่วนใหญ่มักคุ้นกันดี เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นคุ้นชินกับภาพแห่งผมในสถานะ “เด็กวัด” ได้เป็นอย่างดี ทั้งผมและผู้คนเหล่านั้นพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ผสมผสานกับความหลากรูปและหลากรสของอาหารที่ล้วนแล้วแต่นำพามาจากครัวเรือนและท้องตลาด แต่นั่นก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าบรรยากาศของการได้ทานข้าวร่วมกัน โสเหล่กัน –
เราล้วนพูดคุยกันหลายเรื่องหลายราว หากแต่ผมก็ฉุกคิดเกี่ยวกับถ้อยสนทนาเกี่ยวกับเรื่อง “มะพร้าว” เป็นที่สุด
ผมถามชาวบ้านในทำนองว่า “ทุกวันนี้ในหมู่บ้านของเรา มีต้นมะพร้าวหลงเหลืออยู่เยอะมั๊ย”
ครับ คำตอบที่ได้รับมาล้วนยืนยันว่า “หลงเหลืออยู่เยอะ...”
ถัดจากนั้นผมถามต่อว่า “เรายังขูดมะพร้าวทำกะทิกันอยู่อีกมั๊ย”
ครับ คำถามที่ได้รับคืนกลับมาล้วนสื่อสารเป็นเสียงเดียวกันคือ “ไม่แล้ว...”
แน่นอนครับ ทุกวันนี้ผู้คนในบ้านเกิดของผมไม่ค่อยได้ขูดมะพร้าวทำกะทิกันเองแล้ว ส่วนใหญ่มักซื้อขายมาจากตลาดด้วยกันทั้งนั้น และผมก็ไม่พึงใจที่จะขบคิดและวิพากษ์ว่าอะไรคือสาเหตุแห่งความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพียงแต่สุขใจกับการหวนคิดถึงเรื่องราวชีวิตที่ผมผูกพันอยู่กับ
“ต้นมะพร้าว” และ "ลูกมะพร้าว" อาทิ
· การได้เห็นหมู่นกบินเข้าออกต้นมะพร้าวในเช้ารุ่งและเย็นย่ำ
· การได้ใช้ทางมะพร้าวเป็นรถลาก
· การพับนกจากใบมะพร้าว
· การสานตะกร้าจากทางมะพร้าว
· การได้ดื่มน้ำมะพร้าวหวานๆ เปรี้ยวๆ
· การได้กินขนมและอาหารที่ทำมาจากกะทิมะพร้าว
· การได้เห็นเจ้าจอจากแดนไกลมารับจ้างขึ้นปีนเก็บลูกมะพร้าวแล้วอยู่ไม่นิ่ง เพราะโดนเจ้ามดแดงเจ้าถิ่นบนต้นมะพร้าวรุมกัดอย่างไม่แยแสว่าเจ้าจอจะเจ็บๆ คันๆ สักแค่ไหน
· การได้ใช้กะลามะพร้าวเป็นของเล่น (วิ่งกะลา) ใช้กะลามะพร้าวเป็นกระบวยตักน้ำ เป็นกระปุกออมสิน
· ฯลฯ
(3)
นั่นคือความทรงจำอันง่ายงามที่ไม่ซับซ้อนใดๆ เพราะเป็นห้วงชีวิตในวันวัยที่ยังไม่กร้านโลกเท่าใดนัก และสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องราวที่ผมได้แตะต้องสัมผัสด้วยตนเองอย่างจริงๆ จังๆ มิใช่ฉาบฉวย –
แต่จะว่าไปแล้ว สิ่งที่ผมรู้สึกหวนหาไม่แพ้เรื่องราวอันแสนสนุกข้างต้นก็คือบรรยากาศของการนำพามะพร้าวลูกแก่ๆ จากครัวเรือนต่างๆ ไปสู่การแบ่งปันเพื่อนบ้านในเทศกาลต่างๆ ทั้งในวิถีแห่ง "บ้าน" และ "วัด"
ครับ, ผมคิดถึงบรรยากาศคนหนุ่มสาว หรือแม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ในการไปสอยมะพร้าว หรือปีนเก็บลูกมะพร้าวหลังบ้านมา “ผ่า” (ปลอกเปลือกมะพร้าว) คิดถึง “กระต่ายขูดมะพร้าว” คิดถึงบรรยากาศ “เกี้ยวสาว” ของหนุ่มชาวบ้านที่ชอบมาช่วยงานและช่วยสาวๆ ได้ขูดมะพร้าวค่อนคืนค่อนวัน ซึ่งมันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มที่ซ่อนงำความเขินอายไว้อย่างน่ารักและน่าทะนุถนอม ฯลฯ
(4)
(ในหมู่บ้าน) วันนี้ มะพร้าวหลายลูกแห้งตายบนต้น หลายลูกร่วงหล่นโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ...ภาพและเสียงแห่ง “วัฒนธรรม” ของ "ผู้คน" ที่เกี่ยวโยงและร้อยรัดอยู่กับ “มะพร้าว” ดูแผ่วเบาและจากจางไปอย่างน่าใจหาย ขณะหนึ่งก็เปลี่ยนหน้าตาของ "วิถี" ที่มีต่อกันไปตามครรลอง-
ครับ ทุกอย่างมีวิถีแห่งการเปลี่ยนแปลงของมันเอง ขึ้นอยู่กับว่าในความทรงจำของแต่ละคนจะมั่นคงและแจ่มชัดในเรื่องเหล่านั้นแค่ไหน เช่นเดียวกับการเข้าใจความเปลี่ยนผ่านนั้นหรือไม่ ... หรือผ่านมาแล้วคงอยู่ ..หรือแค่ผ่านมา เพื่อผ่านไปเท่านั้นเอง
สำหรับผมแล้ว การได้หวนคิดถึงเรื่องราวเช่นนี้ ไม่เพียงทำให้ผมเห็นชัดกับสาเหตุของการเติบใหญ่ของตนเองเท่านั้น แต่กลับยังหนุนเสริมให้ผมมี “พลังชีวิต” ในวันที่เหลืออยู่อย่างมหัศจรรย์
ท่านละครับ มีความทรงจำใดกับเรื่อง มะพร้าว หรือลูกมะพร้าวบ้าง ?
เมื่อตอนเด็ก ...มะพร้าวที่หล่นงอก
แม่จะให้ลูกช่วยกันขูดด้วยกระต่าย (ภาษาใต้ เรียกว่า เหล็กขูด)
เพื่อนำมาทำน้ำมันมะพร้าวเก็บไว้ใช้
มาวันนี้ ก็กำลังจัดเก็บมะพร้าวที่นำมาจากบ้านสวน
ขูดด้วยกระต่าย แล้วเก็บในช่องแช่แข็ง ไว้ใช้ยามที่อยู่บ้านนี้ที่ต้องซื้อมะพร้าว
ขอบคุณนะคะ :)
อาจารย์ช่างเข้าใจ เอามะพร้าวมาเล่าเรื่องเก่าวันวาน ได้อย่างน่าคิดครับ
ขอบคุณครับ
ต้นสูงมากๆๆ ตอนนี้มีน้อยแล้ว
เท่าที่ทราบ พบว่า ชุมชนไหนมีต้นมะพร้าวสูง แสดงว่าตั้งชุมชนนานมากๆๆ
เมื่อตอนเด็กๆบ้านพี่ดาก็มีมะพร้าวหลายต้น ที่ยังคิดถึงไม่ลืมคือ รังนกกระจาบ ที่ทำรังอย่างน่าทึ่งห้อยอยู่ที่ใบมะพร้าวสูงๆ และทำน้ำตาลสดกินเองได้ด้วยบนต้นลูกมะพร้าวเปลือกสีเหลือง เอ่ยแล้วอยากดื่มมากค่ะ แต่ที่เชียงใหม่พอมีน้ำตาลสดจากต้นตาลให้ดื่มบ้างช่วงนี้กำลังมีขายในตลาด
ฝากให้ชมที่เราจะได้ประโยชน์จากมะพร้าวด้วยนะคะ
http://www.gotoknow.org/blog/kanda01 มหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว
เมื่อปีก่อน " เมืองมะพร้าว" อย่างประจวบ ฯ บ้านฉัน เกือบสิ้นชื่อเรื่องมะพร้าวซะแล้ว เพราะเจอเจ้า
หนอนหัวดำกัดกินใบมะพร้าวทำให้ตายยกไร่กันเลยจ้ะ มาช่วงนี้ค่อยฟื้นคืนชีพได้หน่อย แต่กว่าจะ
ปลูกมะพร้าวได้โตเท่าเดิมคงต้องใช้เวลาอีกหลายปีจ้ะ
ขอบคุณบันทึกงดงามนี้ค่ะ
พี่ออกแบบ landscape ค่ะ บ่อยๆ นะคะ ที่ลูกค้าต่างชาติบอกความต้องการอยากได้ต้นมะพร้าว
ดิฉันปลูกแล้วมีลูกทันทีเลยภายในสัปดาห์ (ขุดรากถอนโคนมาทั้งต้นใหญ่ บรรทุกเครนมา) ค่ะ
แต่คุณค่ามันคงต่างกันนะคะ กับต้นไม้ที่เราบรรจงปลูก รดน้ำ พรวนดิน และรอคอยกว่าจะมีลูกให้ชื่นชม ซึ่งมันจะมีความผูกพันและเรื่องราวผสมปนเปมาด้วยน่ะค่ะ
มะพร้าว...เหล่านี้เป็นฝีมือของยายปลูกไว้ จนเราได้มาใช้ประโยชน์
แถบบ้านครูนกจะมีคนมารับซื้อมะพร้าวโดยมีลิงเป็นผู้ปีนเก็บ
สำหรับครูนก...ในวัยเด็กหัดว่ายน้ำในคลองโดยมีทุ่นมะพร้าวค่ะ
ขอบคุณมากครับ อ.แผ่นดินที่นำมาร้อยเรียง บอกเล่า
แวะมาอ่านบันทึกเรื่องราวและประสบการณ์ดีๆ ค่ะอาจารย์ สมัยเด็กๆ แม่ก็ใช้ให้ปอกและขูดมะพร้าวเป็นประจำค่ะ