เขียนโดย D-PrepPro
...ปี 56 นี้หลายกระแสเตือนว่า น้ำอาจท่วมใหญ่อีกรอบ ให้เตรียมน้ำดื่มน้ำใช้และอาหารแห้งเอาไว้
...นึกย้อนไปเมื่อปี 54 บ้านที่ปทุมฯ น้ำท่วมไป 2 เมตรครึ่ง เรียกว่าขนาดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อม สามารถอยู่ได้ถึง 2 เดือนก็ยากที่จะอยู่ เพราะหมู่บ้านตัดน้ำตัดไฟหมด แล้วทุกทางเข้าบ้านไกลหลายกิโล จะเข้าจะออกต้องใช้เรือเครื่องเท่านั้น สุดท้ายก็หนีไปอยู่ที่อื่นค่ะ
...บทเรียนจากน้ำท่วมคราวก่อน ทำให้ต้องทบทวนการเตรียมเสบียงใหม่ (เพราะครั้งนี้ คิดว่าจะอยู่สู้ซะหน่อย) สิ่งแรกที่ต้องคิดถึงจึงได้แก่ การเตรียมน้ำดื่มน้ำใช้ให้เพียงพอ
...หากเอาน้ำท่วมปี 54 เป็นตัวตั้ง ชั้นล่างของบ้าน อยู่ไม่ได้เลย
น้ำสูงเลยหัวเข่ามาหน่อยนึง ดังนั้นหากต้องเก็บสำรองน้ำ ก็ต้องเก็บไว้ชั้นสองเป็นหลัก
และเนื่องจากพื้นที่น้อย จึงต้องหาวิธีเก็บเรียงซ้อนน้ำให้สูงไว้ก่อน แต่ปกติน้ำในขวดพลาสติกไม่สามารถซ้อนกันเกิน
5 ชั้น ไม่งั้นเดี๋ยวจะโค่นลงมาเพราะน้ำหนักเกิน
และจากการทดลองซื้อน้ำมาเก็บหลายไซส์ หลายขนาด หลายแบบ ก็พบว่า
ถ้าจะให้ประหยัดเนื้อที่ที่สุด น้ำขวดขนาดตั้งแต่ครึ่งลิตรถึง 1.5 หรือ 2
ลิตรแพ็ค 6 ขวด หรือ 12 หรือ 24 ขวดที่ยังห่อด้วยพลาสติกอยู่ สามารถวางเรียงได้ดีสุด
ยิ่งเป็นขวดเพ็ทด้วยก็ยิ่งแข็งแรง วางซ้อนกันแล้ว ไม่ล้มไม่โค่นค่ะ
ภาพผู้คนแย่งกันซื้อน้ำ เมื่อคราวสึนามิลูกใหญ่เข้าถล่มญี่ปุ่น
ภาพเก็บสำรองน้ำไว้ใช้ ยามฉุกเฉิน... ทีนี้ เนื่องจากเราเตรียมเก็บไปด้วย ดื่มไปด้วย ผู้เขียนจึงใช้วิธีทยอยซื้อมาในปริมาณที่ขนไหว แล้วก็ซื้อมาหลายๆไซส์ แต่ไซส์ที่เน้นเก็บก็คือ 1.5 ลิตรที่ว่าค่ะ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ถ้าเอาออกมาใช้ ก็ซื้อใหม่มาแทนที่ แล้วก็ใช้ระบบ FIFO (First In – First Out) คือใช้แพ็คที่ซื้อมาก่อนเสมอ อ้อ ถ้าบ้านไหนมีเครื่องกรองน้ำด้วย ก็จะช่วยให้ประหยัดการเก็บสำรองน้ำมากขึ้นนะคะเพียงแต่อย่าใช้ขวดเติมน้ำซ้ำเกิน 3 ครั้งก็ไม่เป็นมะเร็งแล้วหละค่ะ
... เพื่อนหลายคน ถามมาว่าทำไมต้องเป็นขวดพลาสติก เหตุผลง่ายๆก็คือ
1. เก็บง่าย ไม่ตกแตก ราคาถูก
2. สามารถเติมน้ำซ้ำได้ เก็บน้ำกรองได้
3. สามารถนำขวดเปล่ามาใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ เช่น ผูกทำแพ ทำเสื้อชูชีพ เอามาปลูกถั่วงอก ปลูกต้นไม้ เอามาทำเป็นแก้วน้ำ เอามาเก็บข้าวสารเก็บถั่ว เป็นต้น ฯลฯ
... นอกจากนี้ ควรจะต้องมีระบบกรองน้ำ/ทำน้ำสะอาดเผื่อไว้ด้วยค่ะ ช่วงก่อนน้ำท่วมก็ได้ซื้อกระบอกกรองน้ำไว้ เท่าที่อ่านคู่มือดูก็สามารถกรองสิ่งสกปรกได้หลายอย่าง กรองสี กรองกลิ่น กรองเชื้อโรคได้ระดับเล็กถึง 2 ไมครอนทีเดียว อีกวิธีนึงก็คือการใช้เม็คคลอรีน (สามารถซื้อได้จากร้านขายยาใหญ่ๆ วิทยาศรม หรือรับแจกจาก อบต. ก็ได้ค่ะ) ซึ่ง 1 เม็ดสามารถฆ่าเชื้อโรคได้สำหรับน้ำถึง 1000 ลิตรทีเดียว (อ่านจากข้างขวดก่อนนะคะ ว่าใช้อัตราส่วนเท่าไหร่ แต่ละยี่ห้อใช้ไม่เท่ากันค่ะ อ่านเพิ่มเติม วิธีการผสมคลอรีนเม็ด) วิธีนี้คงจะต้องรองน้ำใส่ภาชนะก่อนแล้วค่อยละลายเม็ดคลอรีนอีกที รอ 30 นาทีก็เอามาต้มทานได้
เครื่องกรองน้ำแบบกระบอกพกพา ช่วยกรองน้ำสะอาดให้ดื่มได้อย่างปลอดภัย
หรือใช้คลอรีนเม็ด อัตราส่วน 1:1000
... คราวนี้มาถึงปริมาณการเก็บสำรองน้ำดื่ม ว่าเราควรจะเก็บสำรองไว้ในปริมาณเท่าไหร่ดี ในปี 54 ที่บ้าน น้ำท่วมไป 60 วัน ดังนั้นปีนี้ ก็ควรจะเก็บน้ำดื่มไว้ให้อยู่ได้เพียงพอ และนักโภชนาการบอกว่า คนเราต้องการน้ำดื่มวันละประมาณ 1-2 ลิตรต่อวัน งั้นคิดกันง่ายๆ คนเราต้องการน้ำ 1 ขวดบรรจุ 1.5 ลิตรต่อวัน ก็แปลว่าเราต้องเตรียม 60 ขวดต่อคน ก็คือแพ็ค 6 ขวด 10 แพ็คซ้อน 5 ชั้น 2 แถวต่อคน เอาหล่ะค่อยง่ายหน่อยในการเตรียมน้ำดื่มสำหรับครอบครัว ทีนี้ก็ค่อยๆ ทะยอยซื้อ (หรือกรองน้ำเรียงซ้อนไว้) ค่อยๆทำตอนนี้ ก็จะได้มีเวลาไปเตรียมเรื่องอื่นได้อีกค่ะ
... สุดท้าย สำหรับน้ำดื่ม ก็คือ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรต้มให้เดือดก่อนดื่ม (ไม่แนะนำให้เอาขวดน้ำตากแดดค่ะ) จะใช้วิธีแกว่งสารส้ม แล้วทิ้งไว้ให้สารส้มตกตะกอน จากนั้นค่อยตักเบาจากด้านบนนำมาต้ม ก็ใช้ดื่มได้แล้วค่ะ
หวังว่า เรื่องการเตรียมน้ำดื่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกท่านนะคะ
คราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังเรื่องการเตรียมน้ำใช้กันค่ะ
D-PrepPro
18 April 2013
อ้างอิง
ขอบคุณคุณ Bright Lily และคุณ Aey ที่ส่งดอไม้ให้กำลังใจกันนะคะ
พอดีไปอ่านเจอบทความนี้เข้า เลยเอามาแชร์ให้อ่านกันค่ะ
"เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยเห็นภาพนี้
ภาพที่ชั้นวางของเกลี้ยงสนิท
ไม่ว่าจะเป็นมินิมาร์ทขนาดเล็กหรือซุปเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่
เราแตกตื่นกันว่าจะเกิดภาวะการขาดแคลนสินค้า น้ำดื่มขึ้นราคา 3-4 เท่า
ข้าวสารอาหารแห้งเริ่มขาดตลาด ไหนจะไม่แน่ใจอีกว่า ครอบครัวของ
ตัวเองจะตกเป็นผู้ประสบภัยติดอยู่ในบ้านเป็นเวลานานหรือเปล่า
หลายคนจึงเริ่มซื้อไปกักตุน จากที่ซื้อน้ำทีละ 2 ขวด ก็ต้องซื้อทีละ 10 ขวด
เผื่อของขาดตลาด ยิ่งซื้อเยอะ ของก็ยิ่งหมดเร็ว
พอหมดเร็วเราก็เริ่มกลัวว่าจะหาซื้อไม่ได้ ทันทีที่ของมาก็ซื้อเยอะ
ยิ่งซื้อเยอะ ของก็ยิ่งหมดเร็ว เร็วจนชวนสงสัยว่า
เราอยู่ในภาวะขาดแคลนสินค้าจริงหรือเปล่า
เราลองถอยมาดูภาพรวมที่เรากำลังผลิตทั้งประเทศกัน เริ่มต้นที่น้ำดื่ม
ปกติแล้วเราบริโภคน้ำดื่มกันคนละประมาณ 2 ลิตร/วัน
รวมคนไทยทั้งประเทศจะดื่มน้ำวันละ 134 ล้านลิตร
ในขณะที่เรามีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่วันละประมาณ 2,000 ล้านลิตร
ผลพวงจากน้ำท่วม โรงงานผลิตน้ำดื่มทั่วประเทศ 10,000 แห่ง
สูญเสียกำลังการผลิตไป 30 % ทำให้เรายังเหลือกำลังการผลิตอีก 1,400
ล้านลิตร/วัน ถ้าเทียบกับการบริโภคน้ำดื่มของคนทั้งประเทศแล้ว
น้ำยังเพียงพอต่อความต้องการชนิดที่สามารถเก็บไว้ในโหนกอูฐ
ได้อีกวันละประมาณ 6 ล้านตัว" (ที่มา คลิกอ่าน)
หมายความว่าตอนนี้ น้ำสะอาดสำหรับดื่มก็ยังมีเพียงพอนะคะ
เผื่อฉุกเฉิน ช่วงนี้ยิ่งหน้าแล้งอยู่ด้วย ก็ตุนไว้หน่อยก็อุ่นใจค่ะ ^_^
ขออนุญาติ ลงลิงค์ เครื่องกรองน้ำ LifeStraw รุ่น Family. ไม่ใช้ไฟฟ้าและแบต . กรองได้ ถึง 0.02 ไมครอน กรองได้ 18,000 ลิตรหรือ 500ลิตรต่อเดือนได้ถึง 3 ปี ใช้ง่าย รับรององค์การอนามัยโลก
http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=8&topic_no=419610&topic_id=426413
ขอบคุณสำหรับ บทที่ 2 ครับ การวางแพคขวดน้ำซ้อนกัน ส่วนตัวจะซื้อขนาด 1.5 ลิตร แพคละ 6 ขวดเป็นประจำ ก็จะสังเกตุเห็นจากที่ Discount Store วางซ้อนกันครับ ระหว่างชั้น มีกระดาษลูกฟูกวางคั่นอีก 1 ชั้น ก็ได้ เป็นการช่วยกระจายน้ำหนักให้ลงที่ชั้นวางเท่าๆ กัน ครับ