6 นโยบายที่ทักษิณไม่มีทางคิดตามทัน


6 นโยบายที่ทักษิณไม่มีทางคิดตามทัน 

สองสามวันผ่านมานี้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมายืดอกยอมรับว่าคิดนโยบายตามทักษิณไม่ทัน จึงทำให้แพ้การเลือกตั้ง  (ดูเหมือนว่ามีสำเนียงเสียดสีปนเล็กน้อยด้วย)      เมื่อปี ๒๕๕๒ ผมได้คิดนโยบายเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไว้ประมาณ ๒๐ กว่านโยบาย  เนื่องจากได้รับการร้องขอจากพรรคการเมืองหนึ่ง   ......  วันนี้จะลดทอนเรื่องอื่นๆออกไป  เอาเรื่องใหญ่ๆ สัก ๖ เรื่อง ที่ผมรับรองว่าแม้วันนี้ทักษิณก็ยังคิดตามไม่ทัน  

ผมเสนอเป็นสาธารณะประโยชน์ ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆ พรรคการเมืองใดจะเอาไปหาเสียง เชิญ ครับ  (รวมทั้งพรรคทักษิณด้วย) 

6 นโยบายที่ทักษิณไม่มีทางคิดตามทันมีดังนี้คือ 

1.สร้างความมั่งคั่งให้ท้องถิ่นทั่วไทยด้วยการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมการเกษตรระดับตำบลขึ้นทั่วประเทศ  เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตรก่อนส่งออกขายต่างประเทศ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ

2.จัดตั้งเครือข่ายร้านค้าปลีกแบบสหกรณ์ทุกตำบลทั่วประเทศ เพื่อให้เงินหมุนเวียนหล่อเลี้ยงท้องถิ่นให้มากที่สุด 

3.ปรับการเกษตรและปศุสัตว์ให้เป็นแบบชีวภาพ 100% ภายใน 8 ปี

4.ปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้ได้เกณฑ์มาตรฐานสากลภายใน 8 ปี

5.ลดพื้นที่ทำไร่นาลงให้เหลือเพียงพอกินในประเทศที่เหลือปลูกป่าแทน

6.ยกเลิกด่านตำรวจทั่วประเทศ ตำรวจและกระบวนการยุติธรรมมีความเสมอภาคและเป็นธรรม


1.พัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมกาเกษตรระดับตำบลขึ้นทั่วประเทศ 

ผมได้เคยวินิจฉัยไว้ในบทความก่อนแล้วว่า usa แม้มีเกษตรกรเพียง ๑.๘ ปซ.  แต่รายได้ประชาชาติของเขามาจากการเกษตร (ทั้งโดยตรงและอ้อม) ถึงประมาณ ๘๐ ปซ. (ซึ่งข้อมูลนี้ผมรับรองว่าไม่มีนักวิชาการไดรู้ แม้ทักษิณก็ไม่รู้ เพราะคิดว่า usa เป็นประเทศอุตสาหกรรม)   การพัฒนาโรงงานระดับตำบลขึ้นทั่วประเทศจึงควรเป็นลำดับความสำคัญสูงสุดในการพัฒนาประเทศไทย  ไม่ใช่มัวแต่ไปกราบกรานให้นายทุนต่างชาติให้มาลงทุนด้วยการเอาแรงงานราคาถูกไปแลก (คิดแบบทักษิณ) 

นี่จะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมไทยทันที   ท้องถิ่นจะมั่งคั่ง (ประเทศด้วย)  นอกจากนี้ยังช่วยตรึงคนไว้ในท้องถิ่น ภูมิใจในท้องถิ่น ไม่อพยพไปขายแรงงานในนิคมอุตสาหกรรม (ของต่างชาติ) ลูกเต้าไม่มีคนเลี้ยงดู เกิดปัญหาสังคมตามมามหาศาล (เช่นติดยา  เพศสัมพันธุ์ก่อนวัยอันควร)  

กิจการที่โรงงานเหล่านี้จะทำส่วนใหญ่จะเป็นการแปรรูปสินค้าเกษตรและอาหารทั้งหลาย เพื่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก อย่างไรก็ดีในบางท้องที่อาจปรับไปเป็นอุตสาหกรรมได้หลากหลายตามความเหมาะสม เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องหนัง เครื่องจักกรกลการเกษตร เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ เป็นต้น 

วิธีการ... กู้  ใช่  กู้มาสร้างเลย   ตำบลไทยตอนนี้มี 7255 แห่ง ถ้าสร้างโรงงานละ 300 ล้าน จะมีราคา 2.18 ล้านๆ บาทเท่านั้นเอง   (ถูกกว่ารางรถไฟของยิ่งลักษณ์เล็กน้อย)  แต่โรงงานเหล่านี้จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า 10 ล้านๆ บาทได้สบาย  รัฐเก็บภาษีเพิ่มได้ปีละ ๑.๕ ล้านๆ   ปีครึ่งก็ใช้หนี้หมดแล้ว    พอใช้หนี้หมด  เราก็ยกโรงงานให้ท้องถิ่น  โดยให้ประชาชนในท้องถิ่นร่วมเป็นเจ้าของ  


2.จัดตั้งเครือข่ายร้านค้าปลีกแบบสหกรณ์ทุกตำบลทั่วประเทศ

การค้าปลีกมีผลกระทบมหาศาลต่อระบบเศรษฐกิจประเทศ ทุกวันนี้ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ของต่างชาติได้เข้ามากอบโกยกำไรออกนอกประเทศปีละมหาศาลโดยฝ่ายการเมืองไม่ได้ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือประเทศชาติเลย หากปล่อยให้เป็นดังนี้ไปเรื่อยจะส่งผลเสียมหาศาลต่อระบบเศรษฐกิจประเทศไทย เพราะเงินถูกสูบออกแทนที่จะกลับไปไหลเวียนหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย เราสามารถสู้กับระบบนี้ได้ในระดับหนึ่งด้วยการจัดตั้งร้านค้าปลีกในระดับตำบลทั่วประเทศ เพื่อสกัดเงินไม่ให้ทะลักออกนอกประเทศ แต่หมุนเวียนหล่อเลี้ยงท้องถิ่นไทยได้หลายรอบ ร้านค้าเหล่านี้ยังจะเป็นเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนสินค้าอุตสาหกรรมที่ผลิตโดยโรงงานตำบลในข้อ 1 อีกด้วย รวมทั้งช่วยสร้างงานในท้องถิ่น

วิธีการ: จัดตั้งร้านค้าปลีกในทุกตำบลโดยอาจทำในรูปแบบสหกรณ์ที่รัฐคอยช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีการบริหารจัดการสมัยใหม่ ส่วนการลงทุนให้ร่วมทุนกันระหว่างรัฐและประชาชนในท้องที่โดยอาจให้สิทธิเจ้าของกิจการโชว์ห่วยในหัวเมืองร่วมลงทุนด้วย ต้องมีการจัดตั้งโกดังผ่องถ่ายสินค้าที่เป็นเครือข่ายทั่วประเทศอย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพเพื่อลดค่าใช้จ่าย มีรูปแบบร้านค้าที่ทันสมัย สะดวก และดึงดูดใจลูกค้าเพื่อการแข่งขัน


3.ปรับการเกษตร ปศุสัตว์  ประมง  ให้เป็นแบบชีวภาพ 100% ภายใน 8 ปี

ประจักษ์ชัดแล้วว่าการเกษตรแบบตะวันตกที่ใช้สารเคมีเป็นหลักเป็นวิถีทางที่ไม่ยั่งยืนและยังเป็นพิษต่อการดำรงชีวิต ผลผลิตเกษตรชีวภาพจะเป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรมท้องถิ่นที่จะพัฒนาขึ้นทั่วประเทศ (นโยบายข้อ 1) ซึ่งจะก่อให้เกิดความยั่งยืนและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยอย่างมากในอนาคต เนื่องเพราะแนวโน้มการบริโภคอาหารของคนในอารยประเทศจะเป็นแนวชีวภาพทั้งสิ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่มีราคาดี อีกทั้งยังถือเป็นการกุศลที่ช่วยให้คนไทยและคนทั่วโลกได้บริโภคอาหารที่ไร้สารเคมี ประเทศไทยจะได้รับการยกย่องไปทั่วโลกอีกด้วย (ได้ทั้งเงินและกล่อง) 

วิธีดำเนินการ: ในระหว่าง 8 ปีนี้ให้มีการขยายผลไปเรื่อยๆ  มีการศึกษาวิจัย การทดลอง โดยต้องร่วมมือกับภาคการศึกษาด้วย  ต้องสร้างโรงงานปุ๋ยชีวภาพทั่วประเทศด้วย


4.ปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้ได้มาตรฐานสากลภายใน 8 ปี

คำอธิบาย: ทุนนิยมทำลายล้างข้ามชาติได้กดขี่ขูดรีดแรงงานชาวไทยมานานแล้ว ภายใต้การสมยอมของนักการเมืองไทย ทำให้แรงงานไทยประมาณ 10 ล้านคนอยู่ในสถานะยากจน ทั้งที่ทำงานชนิดเดียวกับแรงงานในประเทศพัฒนาแล้ว (เช่นประกอบรถยนต์) พึงเข้าใจด้วยว่าค่าแรงที่ต่ำเกินไปจะทำให้ไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้ดีเท่าที่ควร เนื่องเพราะประชาชนขาดกำลังซื้อ ดังนั้นการเพิ่มค่าแรงให้เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป เป็นผลดีทั้งแก่นายจ้างและลูกจ้าง จากการเปรียบเทียบค่าแรงและค่าครองชีพกับประเทศทั่วโลก  (พศ. ๒๕๕๒)   ค่าแรงขั้นต่ำของไทยควรปรับจากกวันละ 200 บาทมาเป็นวันละ 600 บาท (ในสหรัฐฯ ขณะนี้วันละประมาณ 2,500 บาท)  

วิธีการ: แน่นอนว่าเราคงทำลำพังไม่ได้เพราะนายทุนทั้งเทศและไทยจะต่อต้าน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ถ้าเราขึ้นค่าแรงเขาก็จะขู่ว่าจะย้ายฐานไปเวียตนาม จีน กันหมด ซึ่งนี่คือผลร้ายของการพึ่งคนอื่นที่ทำให้เราต้องเป็นเบี้ยล่างเขาตลอดไป แต่เชื่อว่าหากรัฐบาลชาญฉลาดจะยังสามารถทำได้ ทั้งนี้ด้วยการเสนอเรื่องนี้เป็นมาตรการที่ประเทศอาเซียนจะใช้ร่วมกัน และให้จีนร่วมลงนามด้วย ซึ่งเป็นผลประโยชน์กับทุกประเทศ ถ้าทำได้แบบนี้บริษัทก็ไม่อาจย้ายไปไหนได้  ถ้าจะให้ดีที่สุดต้องผลักดันให้ยูเอ็นประกาศเป็นนโยบายสากลทั่วโลก ซึ่งเชื่อว่ายูเอ็นจะเห็นด้วยถ้าเรารู้จักอธิบายให้ยูเอ็นเข้าใจว่าจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจโลกในภาพรวม เพราะทำให้ประชาชนในประเทศกำลังพัฒนามีกำลังซื้อสินค้ามากขึ้น(เพราะค่าแรงมากขึ้น) ซึ่งทำให้ประเทศพัฒนาแล้ว (ผู้มีอำนาจในยูเอ็น) ขายสินค้าได้มากขึ้น  (นโยบายคล้ายกันนี้องค์การอังถัดของยูเอ็นก็กำลังผลักดันอยู่ แต่ไปดันผิดที่ด้วยการจะส่งเสริมให้ประเทศกำลังพัฒนาได้สร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้มากขึ้น เพื่อจะได้มีกำลังซื้อ(สินค้าของพวกเขา)มากขึ้น) 


5.ลดพื้นที่ทำไร่นาลงให้เหลือเพียงพอกินในประเทศที่เหลือปลูกป่าแทน

ไร่นาเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง ทำให้เสียสมดุลระบบนิเวศ (เช่น ร้อน น้ำท่วม) อีกทั้งรายได้น้อย  (แม้เพิ่มมูลค่าแล้วก็ตาม)  ควรปรับลดพื้นที่ลงเรื่อยๆ  แล้วปลูกป่าทดแทน ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ    ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันน้ำท่วม สร้างสมดุลธรรมชาติแล้ว ยังสามารถสางตัดไปทำอุตสาหกรรมป่าไม้  ซึ่งจะมีรายได้ต่อไร่ต่อปีสูงกว่าทำไร่นานับสิบเท่า (หากทำให้ดี มีคุณภาพ เช่น เฟอร์นิเจอร์ชั้นดี)  เรื่องแบบนี้ทักษิณคิดไม่ถึงหรอก   เพราะเขาติดแต่จะให้ชาวนาเป็นชาวนาเหมือนเดิม  เป็นฐานเสียงให้เขา  โหวตให้เขาเท่านั้นเอง ด้วยการจ้างทางอ้อมเช่น ด้วยนโยบายจำนำข้าว  ซึ่งชาวนาก็ยังจนอยู่ดีแม้จะมีเงินเพิ่มเล็กน้อย  แต่การปลูกป่าชาวนาเดิมจะกลายเป็นเศรษฐีได้  ส่วนคนที่ยังเป็นชาวนาอยู่เราก็ต้องให้เงินเดือนจ้างเป็นชาวนา ซึ่งทำได้ง่ายเนื่องจากรัฐจะมีรายได้มากกว่าเดิมมากจากการปลูกป่า 


   6..ยกเลิกด่านตำรวจทั่วประเทศ ตำรวจและกระบวนการยุติธรรมมีความเสมอภาคและเป็นธรรม 

ทักษิณเป็นตำรวจเก่า  ไม่มีวันคิดออกได้เลยว่า ควรยกเลิกด่านตำรวจอันน่ารังเกียจให้หมดทั่วปะเทศ  ทักษิณเดินทางรอบโลกไม่สังเกตบ้างหรือว่าในอารยประเทศจะไม่มีด่านตำรวจเลย  และยิ่งประเทศล้าหลังเท่าใดด่านตำรวจก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว  พรรคการเมืองใดเอาข้อนี้ไปเป็นนโยบายเพียงข้อเดียวก็อาจได้รับการเลือกล้นหลามแล้ว เพราะประชาชนทั้งประเทศรังเกียจการรีดไถที่ด่านตำรวจมาก 

---ทวิช จิตรสมบูรณ์   (คิดไว้เมื่อ พศ. ๒๕๕๒  แต่เอามาปรับเขียนใหม่เมื่อ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๖) 


หมายเลขบันทึก: 532858เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2013 19:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน 2013 19:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขออนุญาตแสดงความเห็นค่ะ ดูเหมือนนโยบายที่จะสามารถจี้จุดตรงใจของประชาชนส่วนใหญ่ที่เคยชินกับการเป็นผู้รับนั้นจะต้องตอบได้ว่า พี่น้องประชาชนจะ 'ได้อะไร' ตอบแทนในระยะสั้นๆ (เช่น 1 ปี) ผลตอบแทนนั้นต้องเป็นรูปธรรมจับต้องได้ (นโยบายกินได้ - เปรียบเทียบ) ทีมงานของพรรคดังกล่าวคงต้องนำนโยบายไปย่อยออกเป็น timing  โดยกำหนด output ในระยะสั้นให้ชัดเจนว่าประชาชนจะ 'ได้อะไร' ให้ดูเหมือนนโยบายประชานิยม เพื่อให้ประชาชนยอมรับเสียก่อน แล้วจึงขับเคลื่อนนโยบายที่แท้จริงไปเรื่อยๆ

การคิด-เสนอนโยบายโดยคุณถางทาง เป็นส่วนหนึ่งของการรับฟังความเห็นของประชาชน ที่พรรคต่างๆ พากันทำนี้ ทักษิณเคยทำมาก่อนและได้ผลดี แต่ที่ทักษิณเหนือกว่าผู้นำพรรคอื่นคือสามารถโน้มน่้าวให้ประชาชนเลือกตั้งเป็นเสียงข้างมากด้วยนโยบายที่ 'โดนใจ'  ให้ประชาชนรู้สึกว่าตนเองจะได้ประโยชน์ในเวลาอันใกล้นี้ อันที่จริงพรรคไหนๆ ก็รู้เทคนิคนี้ แต่จะทำได้สำเร็จหรือไม่เท่านั้นเอง ..  

อ่านไปเหมือนฝันกลางวันเลยครับ จนต้องรีบสะกิดให้ตัวเองตื่น   โดยเฉพาะข้อสุดท้ายนี่โดนเต็มๆเลยครับ โจรในเครื่องแบบ

ท่านดารนี ...ใช่เลยครับ แต่ผมละไว้ในฐานที่เข้าใจ  เพราะทุกข้อ ปชช. ได้เต็ม  ประชานิยมเต็มๆ เลยครับ นักการเมืองก็เอาไปปรุงแต่ง แสดงภาษากันเอาเองก็แล้วกัน  เช่น ข้อแรกอาจบอกว่า จำนำข้าวไร่ละแสน  ๕๕๕  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท