เมื่อบุญมา..ฟ้าก็ไสว


เกินกว่าที่ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ฝรั่งกำหนดหลายเท่า แต่ไม่เคยมีใครฟัง วันนี้มีคนฟังแล้ว เป็นคนที่ทั้งดัง เก่ง และดีอย่าง ดร.ไสว อีกต่างหาก

เมื่อบุญมา..ฟ้าก็ไสว

ผมเองนับว่ามีบุญที่ได้มีโอกาสพบปะพูดคุย  กับนักวิชาการและปัญญาชนระดับโลก เช่น  ดร. ไสว บุญมา เริ่มแรกด้วยการชักนำของ พ่อใหญ่ ดร.  ปราโมทย์  นาครทรรพ  ต่อมาก็ด้วยโอกาสส่วนตัว  ... ท่านเป็นนักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายพอเพียง ที่เคยเป็นถึงนักวิชาการของธนาคารโลก  ท่านเขียนหนังสือดังๆที่กรุยทางด้านเศรษฐกิจพอเพียงไว้ให้สังคมไทยหลายเล่ม  เช่น  ”กะลาภิวิฒน์” 

แม้ขณะนี้ท่านจะพำนักอย่างสุขสบายอยู่ที่ usa เป็นหลัก แต่ท่านก็ยังรักยังห่วงเมืองไทยแห่งบ้านเกิด จึงยังสละเวลาทำกิจกรรมพัฒนาด้านการศึกษามากหลายในเมืองไทย  รวมทั้งเขียนบทความประเทืองปัญญาให้กับหลากหลายแหล่ง  อาทิ  กรุงเทพธุรกิจ 

วันที่ ๕ เมษา ๒๕๕๖ ที่เพิ่งผ่านมานี้ ท่านได้ให้เกียรติครูบ้านนอกอย่างผมเป็นอย่างมาก  ด้วยการเขียนบทความเยินยอเสียจนผมรู้สึกเขิน  กล่าวคือ ท่านได้นำเอาหลักการเศรษฐศาสตร์เกียวกับหนี้สาธารณะที่ผมได้คิดค้นไว้ ไปขยายผล ด้วยบทความใน ”กรุงเทพธุรกิจ” ของท่าน 

ท่านใดสนใจเรื่องนี้ลองอ่านดูได้ตามลิงค์นี้ครับ

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/sawai/20130405/498654/%C3%A4%C3%81%C3%A8%C3%A0%C2%AA%C3%97%C3%A8%C3%8D%C3%8D%C3%82%C3%A8%C3%92%C5%BA%C3%8B%C3%85%C3%99%C3%A8.html

ผมได้พยายายามเสนอประเด็นเรื่องหนี้สาธารณะนี้ไปสู่ “สาธารณะ” มานานประมาณสัก สามปีได้แล้ว  ว่าหนี้สาธารณะไทยเราอยู่ในระดับอันตรายมาก เกินกว่าที่ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ฝรั่งกำหนดหลายเท่า  แต่ไม่เคยมีใครฟัง  วันนี้มีคนฟังแล้ว  เป็นคนที่ทั้งดัง เก่ง และดีอย่าง ดร.ไสว อีกต่างหาก 

การยกยอผมเป็นการส่วนตัวในบทความของท่านดังนี้  มีประเด็นสองประเด็นที่ควรคิด

๑)  ท่านเป็นนักวิชาการที่เป็นกลาง  ไม่หยิ่งยะโสโอหัง  เมื่อตรองด้วยปัญญาดีแล้วเห็นว่าสิ่งใดถูก  แม้ผิดต่อทฤษฎีหลัก แม้เสนอโดยคนที่ไม่ได้ร่ำเรียนมาทางเศรษฐศาสตร์  ท่านก็ยอมรับ และ สรรเสริญ  ว่าถูกกว่า  ดีกว่าทฤษฎีกระแสหลัก

๒)  ท่านมีความกล้าหาญทางจริยธรรม  เพราะการเอาทฤษฎีของผมขึ้นไปให้เกียรติปานนี้  ท่านเสี่ยงมาก  แบบว่าเอาชีวิตทางวิชาการทั้งชีวิตเข้าแลกทีเดียว  เพราะท่านจะถูกเพื่อนนักวิชาการเศรษฐศาสตร์/การเงิน  เข้ามาอ่าน มาคิด มาวิจารณ์  กันทั้งประเทศก็ว่าได้  ชื่อเสียงที่ท่านสะสมมาตลอดชีวิตอาจมอดมลายลงในครานี้นี่เอง 

ยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้  ชาติไทยเรายังต้องการผู้กล้าอย่างดร.ไสว อีกมาก  ตามแนวทางที่บรรพชนผู้กล้าทั้งหลายได้กรุยนำไว้แล้วในอดีต  จนชาติไทยดำรงอยู่รอดมาได้จนวันนี้

ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งกว่าครั้งใดๆในอดีตมากนัก ตื่นเถิดผู้กล้าแห่งวิชาการไทย  โปรดเดินตามท่านแม่ทัพไสว แลท่านพ่อใหญ่โมทย์  ส่วนผมขอเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน บากบั่นฟันฝ่าต่อไป  จนกว่าชาติเราจะรอดปลอดภัยอีกครั้ง

...คนถางทาง (๘ เมษายน ๒๕๕๖) 


หมายเลขบันทึก: 532472เขียนเมื่อ 8 เมษายน 2013 19:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน 2013 20:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ปราชญ์ ยุคดิจิตอล ต้องยก ให้ อ.ถาง  

ความจริงจึงเป็นที่ยอมรับค่ะ อาจารย์

You are a soldier true and true.

Who is rounding up men and training them to fight? An army without enough men will need to work differently -- probably as (undercovered) 'moles' undermining the strength of the opposition. Sigh!

อ ถาง กระตุกต่อมคิดได้ ยอดเยี่ยมค่ะ

 ด้วยกำลัีงใจจากผองมิตร จะทะลวงฟันต่อไปครับ รับรองว่าจะเลือกฟันคอเฉพาะคนเลวจริงๆ เท่านั้น 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท